Jump to content




admin

Administrators
  • Content Count

    372
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    25

Everything posted by admin

  1. ถ้าให้เลือก Best Player ของฤดูกาลนี้ของอาร์เซน่อล ก็ต้องยกให้กับ เดแคลน ไรซ์ ชัดเจนสองนัดกับเรอัล มาดริด ไรซ์คือคนที่โดดเด่นที่สุด แต่ภาพรวมทั้งฤดูกาล ไรซ์เล่นได้ดีสม่ำเสมอ ตอนเวสต์แฮมว่าเก่งแล้ว มาอยู่อาร์เซน่อล เก่งไปอีก
  2. ในการลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศของแชมเปียนส์ลีกครั้งที่สองในอาชีพของเขา ไรซ์โชว์ฟอร์มคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ติดต่อกันทั้งสองนัด ช่วยให้อาร์เซน่อลทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 หลายคนอาจชี้ไปที่สองลูกฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ของไรซ์ในเกมแรกว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟอร์มโดยรวมของเขาในสองเกมนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้อาร์เซน่อลประสบความสำเร็จ "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในแบบที่ต่างออกไป ผมคิดว่าเขาสุดยอดมาก" มิเกล อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมคืนวันพุธ "ทั้งการปรากฏตัวของเขา พละกำลังที่แสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมว่าหลายช่วงเวลาเขาคือผู้นำที่พลิกเกมให้เป็นของเรา และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องการผู้เล่นระดับนี้เพื่อก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้จริงๆ" ในแง่แท็กติก อาร์เตต้าแสดงความเฉียบแหลมด้วยการให้ไรซ์อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเล่นงานมาดริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเกมแรก ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สามารถถอยมาเล่นกลางคู่กับโธมัส ปาร์เตย์ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้อาร์เซน่อลสามารถต่อบอลจากแดนหลังได้อย่างราบรื่น เนื่องจากระบบ 4-4-2 ของมาดริดค่อนข้างเฉื่อยช้า โดยเอ็มบัปเป้และวินิซิอุสแทบไม่ได้ช่วยป้องกันเกมบุกจากแดนกลางเลย ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้ไรซ์ขยับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ด้านหลังมิดฟิลด์ของมาดริดได้อย่างชาญฉลาด ก่อนจะทะลุขึ้นไปเผชิญหน้ากับแนวรับของพวกเขาทันที ไม่เพียงแค่ถ่างออกไปด้านข้างหรือถอยต่ำมารับบอลเท่านั้น ไรซ์ยังแสดงให้เห็นตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่เอมิเรตส์ว่าเขาพร้อมแค่ไหนในการวิ่งทะลุแนวรับของมาดริดด้วยตัวเอง อีกครั้งที่ลูอิส-สเกลลี่สามารถรับบอลได้โดยแทบไม่มีแรงกดดัน ขณะที่ไรซ์ยืนซุ่มอยู่ระหว่างแนวรับและแดนกลางของมาดริด คราวนี้เขาใช้พื้นที่ในแดนบนให้เกิดประโยชน์ด้วยการวิ่งตัดแนวทแยงหลังราอูล อเซนซิโอ ก่อนจะส่งบอลคืนให้มิเกล เมริโน่ แม้จังหวะนี้จะไม่ได้กลายเป็นโอกาสลุ้นประตู แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกระหายของไรซ์ในการเติมเกมบุกและดึงแนวรับของมาดริดให้เสียตำแหน่ง ความตั้งใจในเกมรุกของไรซ์ในเลกแรกนั้นโดดเด่นจนไม่มีผู้เล่นคนใดของทั้งสองทีมที่มีโอกาสยิงประตูได้มากกว่าเขา โดยเขายิงไปทั้งหมด 5 ครั้ง เช่นเดียวกันกับในเลกที่สองที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่ออาร์เซน่อลขึ้นเกมผ่านแต่ละแดน ไรซ์มักจะถ่างตัวเองออกไปอยู่นอกแนวรับของมาดริดเพื่อรับบอลในพื้นที่ว่าง ก่อนจะจ่ายบอลทะลุเข้าไปในแดนกลาง หรือมองหา กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทางฝั่งซ้าย ความจริงแล้ว ค่ำคืนวันพุธแสดงให้เห็นอีกมุมหนึ่งของอาร์เซน่อลที่ต่างจากเลกแรก โดยพวกเขาเน้นตั้งรับลึกในกรอบเขตโทษ จนบ่อยครั้งกลายเป็นแนวรับ 5, 6 หรือบางครั้งถึง 7 คน เมื่อเรอัล มาดริดพยายามโยนบอลแบบไร้ทิศทางเข้าไปในพื้นที่แออัด ไรซ์มักจะเป็นคนที่เก็บบอลจังหวะสองหรือดักตัดบอลได้อยู่เสมอ (ไม่มีผู้เล่นคนใดในสนามที่ตัดบอลได้มากกว่าเขา ซึ่งอยู่ที่ 5 ครั้ง) พร้อมกับการเล่นที่เน้นเข้าเร็วและกล้าเข้าปะทะ โชคดีที่สิ่งนั้นไม่ได้นำไปสู่การเสียจุดโทษ หลังจากที่การเข้าบอลเบาๆ ใส่เอ็มบัปเป้ถูกตัดสินให้ไม่ฟาวล์อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ใบเหลืองของเขาถูกยกเลิก ซึ่งเดิมทีอาจทำให้เขาพลาดลงเล่นในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกับเปแอสเช ทัศนคติที่กล้าเล่นแบบนี้ปรากฏตั้งแต่นาทีแรก ๆ ที่มาดริด เมื่อไรซ์ดักตัดบอลก่อนจะเลี้ยงทะลุขึ้นมาตรงกลางสนาม คล้ายกับจังหวะที่เขาทำในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เพื่อดันเกมขึ้นหน้าและเปิดฉากการสวนกลับให้อาร์เซน่อล เรอัล มาดริดดูไร้พิษสงในเกมรุกอยู่เป็นเวลานาน แต่เมื่อเกมเริ่มเปิดมากขึ้นในครึ่งหลัง ไรซ์ก็มักจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเสมอ ในจังหวะสวนกลับอันตรายซึ่งหาได้ยาก นำโดยเฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ไรซ์ตามวินิซิอุส จูเนียร์แบบไม่หยุด ก่อนจะดักตัดบอลที่กำลังจะไปถึงทั้งตัวบราซิลเลียนหรือเอ็มบัปเป้ได้อย่างหวุดหวิด แม้เกมจะใกล้จบแล้ว และเหลือเวลาเพียง 3 นาทีในช่วงเวลาปกติ ไรซ์ยังคงมีแรงกลับลงมาช่วยแนวรับ โหม่งสกัดลูกเปิด (อีกลูกหนึ่ง) จากฟราน การ์เซีย ของมาดริดได้อีกครั้ง ด้วยเซนส์เกมรับที่สะท้อนถึงช่วงที่เขาเคยเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กในช่วงต้นอาชีพ มันแทบจะรู้สึกเหมือนลูกบอลถูกดูดเข้าหาไรซ์ เมื่อเขาหมุนตัวเคลียร์บอลให้พ้นอันตรายแบบเหนือชั้น แม้บทบาทในเกมบุกของเขาจะถูกผลักไปทางฝั่งซ้ายคล้ายกับในเลกแรก แต่หากสังเกตจากแดชบอร์ดผู้เล่น จะเห็นว่าเขามีการเคลื่อนไหวเกมรับมากเป็นอันดับสองของผู้เล่นทั้งหมดในสนาม โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหรือบริเวณหน้าเขตโทษของตัวเอง ก่อนเกม หลายคนตั้งคำถามว่าไรซ์จะรับมือกับจู๊ด เบลลิงแฮม เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษได้แค่ไหน ซึ่งข้อสงสัยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว นั่นแสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของไรซ์วัย 26 ปี เพียงสามนาทีในเกมที่เบร์นาเบว เขาก็ส่งสัญญาณชัดเจนด้วยการเข้าปะทะอย่างแข็งแกร่ง เฉียบคม และรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมชาติของเขาในแดนกลาง เขาชนะการดวลในแดนกลางได้อย่างเด็ดขาด แถมยังมีจังหวะปะทะเล็ก ๆ กับเบลลิงแฮมในช่วงต้นครึ่งหลังอีกด้วย แม้จะเป็นเพียงการจ้องหน้ากัน แต่ก็บ่งบอกถึงระดับของความหงุดหงิดที่ไรซ์สร้างให้กับเบลลิงแฮมและเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า ยังมีผู้เล่นอาร์เซน่อลหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบูกาโย่ ซาก้า และไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สมควรได้รับคำชมจากทั้งสองเลก แต่อย่างไรเสีย ก็ไม่มีใครสะท้อนความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งของอาร์เซน่อลได้มากไปกว่าเดแคลน ไรซ์ กับฟอร์มการเล่นแบบคลาสสิกเต็มสูบ ราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูน Roy of the Rovers ที่จะยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน ไรซ์มักจะถูกมองว่าเป็น “พลังม้าประจำทีม” แต่หากนิยามเขาไว้แค่นั้นก็อาจเป็นการมองข้ามความสามารถรอบด้านของเขาไป ในเวทีที่ใหญ่ที่สุดอย่างการเจอกับมาดริด เขาแสดงให้เห็นถึงทั้งมันสมองเชิงแท็กติกและทักษะเชิงเทคนิค ที่มาคู่กับความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ซึ่งจะยิ่งผลักดันสถานะของเขาให้สูงขึ้นในเวทียุโรปต่อไป
  3. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์บุกชนะเรอัล มาดริด 2-1 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกได้สำเร็จ ความรู้สึกหลังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ “ผมมีความสุขมาก คิดว่านี่เป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา ดังนั้นผมต้องภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง ทีมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยม ความกล้าหาญ และความตั้งใจที่จะสู้กับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นใคร มันไม่ใช่แค่เรื่องของการที่เราผ่านเข้ารอบ แต่เป็นวิธีที่เราทำได้ ทั้งที่ลอนดอนและที่มาดริด ซึ่งทำให้ผมภูมิใจในตัวนักเตะมากจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกของผมในฐานะโค้ชที่ได้มาคุมทีมที่นี่ และวันนี้ผมได้รู้ว่าในสนามแห่งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ เพราะพวกเขาสร้างความโกลาหล สร้างโมเมนตัมได้อย่างเหลือเชื่อ แฟนบอลของพวกเขาผลักดันทีมอย่างมหาศาล และอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ผมคิดว่าในแง่อารมณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เราเสียประตู และไม่ได้ประตูจากจังหวะของบูคาโย่ วิธีที่เรารับมือกับสถานการณ์นั้นได้ มันน่าทึ่งมาก นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในจุดนี้มาก่อนเลย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำจึงยอดเยี่ยมจริง ๆ” เขาเคยรู้สึกภูมิใจในนักเตะของเขามากกว่านี้ไหม: "น่าจะไม่เลยครับ ไม่ใช่แค่เพราะเราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา แต่เพราะวิธีที่เราทำมันได้ ไม่ใช่แค่เพราะรูปแบบการเล่นของเรา แต่ยังเพราะสถานการณ์ที่เราต้องเจอ จำนวนผู้เล่นที่บาดเจ็บ มันแสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ของทีมนี้ ของสโมสรนี้ และมันเป็นค่ำคืนที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆ" ฟอร์มของดีแคลน ไรซ์: "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในอีกแบบหนึ่ง ผมคิดว่าเขาโดดเด่นมาก การปรากฏตัวของเขา พลังที่เขาแสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมคิดว่าเขาเป็นผู้นำของทีมในหลายช่วงเวลา และเปลี่ยนเกมให้เป็นไปในทางที่เราต้องการ นั่นแหละคือเหตุผลที่เราต้องการนักเตะระดับนี้ในการก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เรา: "ความรู้สึกที่เรามีคือความเป็นจริงของเราเลยครับ และจากความรู้สึกก่อนเกม จากสิ่งที่นักเตะสื่อออกมา และการที่ผมรู้สึกได้ว่าทีมพร้อมแค่ไหน เราพร้อมที่จะแข่งขันกับใครก็ได้ ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะผมคิดว่าเรากำลังมีโมเมนตัมที่ดี" คำถามว่าเราสามารถก้าวจากการเป็นผู้ท้าทายไปสู่การเป็นผู้ชนะได้ไหม: "แน่นอนว่านี่คืออีกก้าวสำคัญ จากจุดที่เราจบฤดูกาลก่อน และวิธีที่เราทำได้ในปีนี้ กับทีมที่จับตามองเรา และการแข่งขันที่เข้มข้น มันสุดยอดมาก ต้องให้เครดิตเรอัล มาดริด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมคุมทีมในสนามนี้ และวันนี้ผมรู้เลยว่าแค่สามนาทีแรกในสนามแห่งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างความโกลาหลและความเชื่อ มันยากมากที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในเกม และยากที่จะมั่นใจว่าเราควบคุมเกมได้จริงไหม ผมคิดว่าเราก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่มากทีเดียว" บุคลิกของบูคาโย่ ซาก้า: "ผมสามารถพูดถึงนักเตะรายบุคคลได้อีกเยอะมากในหลายสถานการณ์ที่ต่างกัน และผมจะตอบในแนวเดียวกัน สำหรับบูคาโย่ เขาก้าวขึ้นมารับหน้าที่ แม้เขาจะไม่ได้ทำประตู ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนทางอารมณ์ในเกม เพราะมันจะช่วยเสริมความมั่นใจให้เขามาก แต่จากนั้นวิธีที่เขารับมือกับสถานการณ์ วิธีที่เขาเล่นต่อไป และบุคลิกที่เขาแสดงออกมาในวัยของเขา มันน่าทึ่งมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงเล่นในสนามแห่งนี้ด้วย มันเหลือเชื่อจริง ๆ" สิ่งที่เกมคืนนี้แสดงให้เห็นในการพัฒนาของเรา: "ก่อนหน้านี้มันแตกต่างกันมาก เพราะเรายังไม่มีโอกาสได้เข้ารอบไหนเลย เนื่องจากสโมสรไม่ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกมานานถึงเจ็ดปี นั่นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของสโมสร รวมถึงการมีส่วนร่วมของหลายคนที่ช่วยให้เรามาอยู่ตรงจุดนี้ วันนี้คุณจะรู้สึกได้เลยว่านี่คือทีมที่กระหาย มีความมุ่งมั่น และมีความทะเยอทะยาน เราจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เขา: "มันทำให้รู้สึกมั่นใจครับ ผมอยู่ที่นี่เพื่อสัมผัสประสบการณ์ในเกมแบบนี้และก้าวผ่านมันไป ผมรู้ดีว่าบางวันเราจะชนะ บางวันเราก็จะแพ้ ดังนั้นเราต้องวิจารณ์ตัวเองให้มากในคืนนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราทำได้ดีกว่านี้ และผมต้องช่วยทีมให้ทำได้ดียิ่งขึ้น ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวลาที่ผมมองไปที่พวกเขา พูดคุยกับพวกเขา แล้วเห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจแค่ไหน ซึ่งนั่นคือส่วนหนึ่งในหน้าที่ของเราและทีมโค้ช และนั่นคือเหตุผลที่การทำงานกับทีมนี้มันคือความสุขจริงๆ" การที่กุนซือเตรียมสภาพจิตใจของนักเตะสำหรับเกมที่เบร์นาเบวหรือไม่: "เรามีเครื่องมือบางอย่างในการพยายามทำแบบนั้นครับ แต่พอถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ คุณจะรู้เลยว่ามันยากแค่ไหน! ผมคิดว่าเราทำได้แล้ว และทำได้ในหลายช่วงเวลาอย่างชัดเจน เกมสามารถพาเราไปสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากมาก โดยเฉพาะเมื่อเจอกับพวกเขา (เรอัล มาดริด) แต่เราก็รู้ชัดเจนว่าต้องรับมืออย่างไร และเราก็สามารถทำมันได้สำเร็จ" เสียงเชียร์ของแฟนบอลของเรา: "สุดยอดมากครับ – ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับเราตลอดเส้นทางนี้ ทั้งที่มาดริด รอบโรงแรม และการส่งพลังศรัทธาและกำลังใจให้กับทีม ผมคิดว่านี่แหละคือจุดประสงค์ของงานเรา เพื่อทำให้ผู้คนของเรามีความสุข หวังว่าพวกเขาจะภูมิใจในตัวนักเตะและทีมของเรา ตอนนี้ก็ถึงเวลาลุยต่อแล้ว" การเป็นทีมแรกที่ชนะที่เบร์นาเบวในสองนัดแรกที่ไปเยือน: "ผมไม่รู้สถิตินั้นมาก่อนเลยนะครับ แต่มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เรามีความสุขมากในคืนนี้ แต่แน่นอนว่ายังไม่พอ เรายังมีงานหนักรออยู่ กับเปแอสเช – ทีมที่เรารู้จักดีและเคยเจอกันมาแล้ว ดังนั้นเราต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับเกมนั้นได้แล้ว" โทรหาเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก่อนเกมส์: "ผมโทรหาเขา [เป๊ป กวาร์ดิโอล่า] เมื่อเช้านี้ [ก่อนเกมกับเรอัล มาดริด] เพราะผมคิดว่าการที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องขอบคุณเขา ในฐานะนักเตะและโค้ช เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม และเขาคือคนที่ตัดสินใจเชื่อมั่นในตัวผม ให้โอกาสผมเข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ช ผมใช้เวลาอยู่กับเขาสี่ปีที่ยอดเยี่ยมมาก [ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้] และผมต้องรู้สึกขอบคุณเขา ผมจะรู้สึกขอบคุณเขาเสมอ เพราะหากไม่มีเขา ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้"
  4. ครึ่งแรกพระเอกน่าจะเป็น VAR กับการให้จุดโทษกับอาร์เซน่อล และช่วยปฏิเสธจุดโทษของเรอัล มาดริด แต่จุดโทษของซาก้า ไม่รู้คิดอะไรอยู่เหมือนกัน ปกติไม่เคยยิงพาเนก้าแบบนี้ ช่วงครึ่งแรก เรามีจังหวะ Transition ได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายเราไม่ละเอียดพอ ส่วนเกมส์รุกของเจ้าบ้าน ก็กดดันเราได้ แต่มาดริดยิงไม่เข้ากรอบเลย พอครึ่งแรกยันได้ ครึ่่งหลังอาร์เซน่อลดูจะมั่นใจมากขึ้น กลางเล่น กลางครองบอล แล้วซาก้าก็มายิงให้ทีมนำ 1-0 สกอร์ห่าง 4-0 เหมือนว่าทุกอย่างจะจบแล้วครับนาย แต่ซาลิบาที่ดีมาทั้งเกมส์ มาพลาดแจกประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทันควัน แต่ด้วยความห่าง 3 ลูกกับ 20 นาทีสุดท้าย มาดริดก็เหมือนจะฮึดไม่ค่อยขึ้น แถมทันประธานเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เลยสบายเลย ก่อนจะมาได้ประตูชัยช่วงทดเจ็บ จุดเสียอย่างเดียวคือ พี่หมึก ดันไปโดนใบเหลืองช่วงท้าย ทำให้ติดแบนนัดหน้าซะงั้น
  5. UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Real Madrid 1 - 2 Arsenal (AGG: 1-5) Wed 16 March 2025, 02.00 น. GOAL: 0-1 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 65, เมริโน่) 1-1 เวนีซีอุส จูเนียร์ (นาทีที่ 67) 1-2 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 90+2, เมริโน่) ดาวิด ราย่า: 6.5 ไปโดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ทำให้ราย่าก็กดดันไม่น้อยเวลาที่ต้องออกบอลจากกรอบเขตโทษ ทำให้ลูกเปิดยาวของเขาดูไม่ค่อยได้เปรียบ ภาพรวมราย่า มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอยู่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ลูกยากอะไร แต่จังหวะอื่นไม่มีข้อผิดพลาด วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ซาลิบาทำได้ดีมาตลอด ทั้งการประกบกับเอ็มบัปเป้ และลูกกลางอากาศที่มาติดที่เขาอยู่หลายครั้ง แต่เป็นซาลิบาที่ผิดพลาดไปแจกประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับเรอัล มาดริด ซึ่งทีมเพิ่งขึ้นนำได้แค่นาทีเดียวเอง ยาคุบ คิวิออร์: 8.0 เป็นหนึ่งในเกมส์ที่ยอดเยี่ยมของคิวิออร์ในสีเสื้อของอาร์เซน่อลเลยก็ว่าได้ มีอยู่ 2-3 ครั้งที่คิวิออร์ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก แล้วเล่นได้ค่อนข้างนิ่งเลยทีเดียว ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 7.5 เกมส์รับอาจจะมีเจอทดสอบบ้าง กับการต้องดวลกับโรดริโก้ แต่ไมล์สก็ไม่มีพรวด ตามบล็อกลูกเปิดด้านข้างได้ตลอด ครึ่งหลังมีจังหวะตะลุยขึ้นหน้าสวยๆ ได้หลายหนเลย แต่ก็มีจังหวะหนึ่งที่พลาดเสียบอลอยู่เหมือนกัน ต้องยอมรับว่าใจเด็กนี่มันเกิน 18 จริงๆ ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ถือว่ามีงานหนักเลย เพราะมาดริดเอียงมาฝั่งวีนีซีอุส ค่อนข้างบ่อย เจอสถานการณ์ตัวต่อตัวนับไปถ้วน แต่ทิมเบอร์ก็ยังนิ่งพอที่จะเอาตัวรอดได้ แม้ว่าจะเสียฟาล์วไปหลายทีเหมือนกัน โชคดีที่ไม่โดนใบเหลือง โธมัส ปาร์เตย์: 7.5 พี่หมึกก็ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยม การพลิกบอลจากกลางสนามทำได้ดี จังหวะขยับเข้าไปซ้อนพื้นที่เกมส์รับก็ทำได้ดี จุดด่างพร้อยเดียวของปาร์เตย์คือไปทำให้ตัวเองเสียใบเหลืองแบบไม่จำเป็นช่วงท้ายเกมส์ ทำให้รอบรองเกมส์แรกเขาจะเล่นไม่ได้ เดแคลน ไรซ์: 8.5 ลุ้นเหมือนกันกับจังหวะที่กรรมการเป่าให้จุดโทษให้เรอัล มาดริด ที่ไรซ์ยื้อกับเอ็มบัปเป้ในกรอบเขตโทษ แต่ VAR เข้ามาเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน การเจอกับเรอัล มาดริด ไรซ์เป็นพระเอกทั้งสองนัด นัดนี้เขา เหมือนโผล่ไปอยู่ทุกจุดของสนาม แล้วอยู่ถูกที่ถูกเวลาด้วย ช่วยทีมให้รอดพ้นจังหวะอันตรายได้หลายครั้งเลย มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) ครึ่งแรกการออกบอลในจังหวะสำคัญของโอเดการ์ดเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเอามากๆ ทั้งการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้าย หรือจังหวะที่จะเปลี่ยนรับเป็นรุกเร็ว เขาไม่โดนแย่งเสียบอล ก็จ่ายบอลให้เพื่อนไม่ดี ครึ่งหลังจังหวะขัดใจน้อยลง มีโอกาสได้ส่องนอกกรอบสองหน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 ก็มีหลายๆ จังหวะในการพาบอลไปเองของมาร์ติเนลลี่ที่ควรต้องทำให้ดีกว่านี้ แต่มาร์ตี้ก็ยังสามารถเรียกฟาล์วได้หลายหน รวมถึงวินัยเกมส์รับก็ยังดี ช่วงทดเจ็บหลุดไปยิงให้ทีมนำอีกครั้งเป็น 2-1 บูกาโญ ซาก้า: 7.5 มีโอกาสที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำจากจุดโทษ แต่ซาก้าไปตัดสินใจยิงแบบพาเนก้า แต่ยิงไม่ดีเลย ทำให้กูร์ตัวร์เซฟไว้ได้ แต่ซาก้าก็มาแก้ตัวได้ด้วยการหลุดทะลุไลน์เข้าชิพข้ามตัวกูร์ตัวร์เข้าไปให้ทีมนำ 1-0 สำหรับซาก้าก็ยังเป็นตัวอันตรายเวลาที่บอลอยู่กับเขา มิเกล เมริโน่: 7.5 กับบทบาทกองหน้าตัวเป้าแบบจำเป็น เมริโน่ก็ดูจะเป็นคนที่เล่นได้ลงตัวที่สุดแล้ว แต่การเล่นของเมริโน่ บ่อยครั้งที่เราเห็นเขาขยับมาเล่นเป็นกลางฝั่งซ้าย แล้ววันนี้ทำไปอีกสองแอสซิท เป็นลูกจ่ายที่ดีทั้งสองหนเลย ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 (นาทีที่ 76, ซาก้า) หลายจังหวะของทรอสซาร์ เป็นการเล่นเสี่ยงแบบไม่ได้จำเป็นเลย ทำให้ทีมไปเสียการครอบครองบอลในพื้นที่ไม่ควรเสีย เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 90, ทิมเบอร์) โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: N/A (นาทีที่ 90, ไรซ์) คีแรน เทียร์นี่ย์: N/A (นาทีที่ 90, มาร์ติเนลลี่)
  6. จัดตัวสองนัดก็ชัดเจนว่าเราเน้นให้ความสำคัญไปกับยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก วันพุธนี้ ถ้าผ่านมาดริดได้ มันจะมีช่วงเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะเล่นรอบรองชนะเลิศปลายเดือน ในลีกมีเยือนอิปสวิช กับเล่นในบ้านกับพาเลซ เป็นสองนัดที่เราควรจะต้องปิดจ็อบ การันตีโควต้าแชมเปี้ยนลีกให้ได้ พอถึงรอบรอง จะได้โรเตชันได้แบบสบายใจ นัดนี้มันก็ไม่ควรเสมอ ไปพลาดสับสนตำแหน่งแค่หนเดียว กลายเป็นโดนตีเสมอ 1-1 เลย ตัวสำรองก็ยังไม่สามารถทดแทนตัวหลักได้
  7. PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 1 - 1 Brentford Sat 12 March 2025, 23.30 น. GOAL: 1-0 โธมัส ปาร์เตย์ (นาทีที่ 60, ไรซ์) 1-1 โยอันส์ วิซซ่า (นาทีที่ 74) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 7.0 ครึ่งแรกมีจังหวะต้องเซฟไปหนนึงในจังหวะที่อายเยอร์สอดทะลุเข้ามายิง ประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมต้องให้เครดิตกับราย่าด้วย จากที่เขาคว้าบอลจากลูกเตะมุม ก่อนจะเล่นเร็วไปให้กับไรซ์ได้โต้กลับ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 คึกผิดปกติสำหรับซาลิบา เขาพยายามที่จะพาบอลลุยขึ้นหน้าอยู่ตลอด แล้วมีจังหวะลุยขึ้นไปสวยๆ ด้วย เกมส์รับซาลิบาไม่ได้มีปัญหาอะไร ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 คิวิออร์ไม่ได้มีความผิดพลาดอะไรในเกมส์นี้ โอกาสวางบอลยาวจากแนวลึกไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไร แต่การออกบอลสั้นๆ ก็ทำได้โอเค คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.5 ได้สตาร์ทตัวจริงในเกมส์ลีก เทียร์นี่ย์มีจังหวะที่โหม่งบอลไปตุงตาข่าย แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน จังหวะเกมส์รับก็มีสกัดสวยๆ อยู่บ้าง โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 ต้องมาเล่นเป็นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง เพราะเบน ไวท์ ไปเจ็บระหว่างเกมส์ วันนี้เกมส์รับปาร์เตย์ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้น่ากังวล แล้วเป็นเขาที่ตะบึ่งขึ้นหน้าในจังหวะโต้กลับเร็ว ก่อนจะยิงให้ทีมนำ 1-0 จอร์จินโญ่: 6.0 (C) การที่เล่นแบบไม่มีเพลย์เมกเกอร์ เลยได้เห็นการเข้ามาทำในพื้นที่สุดท้าย จะให้จอร์จินโญ่เป็นคนวางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะยังไม่ลงตัว ปัญหาของพี่จอร์ยังเหมือนเดิม จังหวะ 50:50 แกมักจะเบรกเกมส์ตรงกลางไม่ค่อยได้ ช่วงท้ายจอร์จินโญ่เล่นต่อไม่ไหว แล้วทีมเปลี่ยนตัวครบไปแล้ว ทำให้ต้องเล่น 10 คน โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 สตาร์ทในตำแหน่งกองกลางฝังขวา ด้วยความที่ไม่ใช่เท้าข้างถนัด เราเลยเห็นเขาต้องแต่งบอลให้เข้าซ้าย เลยได้เห็นเขาทำได้แค่เคาะไป เดแคลน ไรซ์: 7.0 จังหวะประตูขึ้นนำ 1-0 ต้องยกความดีความชอบให้กับไรซ์ด้วย ในจังหวะโต้กลับที่เขาลุยเข้าไปเอง ก่อนจะจ่ายให้ปาร์เตย์ได้ยิง ไรซ์ก็ยังช่วยทีมได้ดีทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 จังหวะหนึ่งต่อหนึ่งของมาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถเอาชนะเกมส์รับของเบรนท์ฟอร์ดได้แบบชัดเจน หลายครั้งที่มันดูน่าผิดหวังไปสักหน่อยด้วย อีธาน วาเนรี: 5.5 ช่วงหลังเริ่มเล่นไม่ค่อยออกเหมือนกันสำหรับวาเนรี แล้วมีความไม่เข้าใจระหว่างเขากับชินเชนโก้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 เล่นในบทบาทกองหน้าตัวเป้า ทรอสซาร์มีบทบาทกับเกมส์น้อยไปหน่อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาหลัง แถมจะหายไปจากเกมส์เลย ช่วงครึ่งแรกยังพอมีจังหวะได้พลิกส่องจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่ถูกประตูเบรนท์ฟอร์ดเซฟไว้ได้ ตัวสำรอง: บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (นาทีที่ 62, วาเนรี) มีโอกาสทองที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อซาก้าไปแย่งบอลจากประตูของเบรนท์ฟอร์ดมาได้ แต่จังหวะจะยิงไปแต่งหลายจังหวะจนทิ้งโอกาสทองไป ซาก้ายังมีโอกาสได้ลุ้นอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 62, ชินเชนโก้) ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 62, เทียร์นี่ย์) ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 (นาทีที่ 69, ปาร์เตย์) มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 75, ไรซ์) ดูบอลสดฟรี
  8. ดูบอลสดฟรี บรรยากาศในสนามซ้อมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา: ยอดเยี่ยมมาก พลังงานมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นค่ำคืนที่พิเศษมาก แต่นั่นก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้เรามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่เกมกับเบรนท์ฟอร์ด เพราะมันเป็นเกมที่จะต้องใช้ศักยภาพสูงสุดของพวกเรา ลูกฟรีคิกของไรซ์ที่เขาชอบมากที่สุด: มันยากจะเลือกนะ ผมไม่รู้จริง ๆ เทคนิคของทั้งสองลูกนั้นแตกต่างกันมาก ระยะยิงและมุมที่เขาทำได้ ทั้งสองลูกยอดเยี่ยมมาก และพวกมันช่วยให้เราชนะ ซึ่งนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อถูกถามว่าเขารู้ไหมว่าลูกไหนคือประตูโปรดของดีแคลน: ไม่รู้ครับ เมื่อถูกถามว่าไรซ์จะเป็นคนยิงฟรีคิกทุกลูกต่อจากนี้ไหม: มันเป็นสิ่งที่เราคุยกันบ่อย เขาสามารถสร้างโอกาสได้หลายรูปแบบในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์หรือยิงเอง เพราะเขามีคุณสมบัติครบ เขาวิ่งทะลุเข้าเขตโทษได้ เลี้ยงหลบผู้เล่นได้ มีลูกยิงไกล และยังเล่นลูกตั้งเตะได้ดีด้วย เป้าหมายของเราคือให้เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถตัดสินเกมได้ด้วยวิธีการหลากหลาย เกี่ยวกับผู้เล่นที่ตอบรับแนวคิด “make it happen” (ทำให้มันเกิดขึ้นจริง): แน่นอน ผมพูดไว้วันก่อนว่า แค่เชื่อยังไม่พอ ต้องมีความมุ่งมั่น รู้สึกให้ได้ และทำให้มันเป็นจริง ซึ่งเราต้องทำหลายสิ่งให้ถูกต้อง เหมือนที่เราทำมาตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เราต้องเจอมา ดังนั้นเราต้องสานต่อความคิดแบบนี้ต่อไป ความสำคัญของบูกาโย่ ซาก้าในช่วงที่เหลือของฤดูกาล: สำคัญมาก เขาสร้างความอันตราย การเชื่อมเกม และความไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งอาจจะไม่มีผู้เล่นคนอื่นทำได้แบบเขา โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์ที่เขาสร้างไว้กับเพื่อนร่วมทีม เขามีพลังในการปลุกเร้าแฟน ๆ ในสนาม ซึ่งมันเหลือเชื่อจริง ๆ เพราะการเปลี่ยนบรรยากาศในสนามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาทำได้ และนั่นคือคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ที่ซาก้าบอกว่าเขาอยากคว้าแชมป์กับทีมให้ได้: เขาเป็นคนที่ถ่อมตัว เรียบง่าย และทุ่มเทให้กับสโมสรอย่างมาก เขาผูกพันกับสโมสรนี้อย่างลึกซึ้ง และกับผู้คนมากมายที่นี่ ผมดีใจมากที่ได้ยินว่าเขาอยากอยู่กับเราต่อและคว้าชัยชนะร่วมกัน แนวทางของมิเกลในการรับมือเกมกับเบรนท์ฟอร์ด: ก็รับมือแบบปกติ นี่แหละบริบทของเรา เราต้องเล่นทุกสามวันในหลายรายการ รายการใหญ่สุดคือยุโรป แล้วก็กลับมาเล่นพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นเกมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่แข่งและบริบทของเกม ถ้าอยากเป็นทีมที่ชนะได้ในทุกเวที เราต้องรับมือให้ได้ในทุกสามวัน ไม่ว่าบริบทจะเป็นยังไง จำนวนวันหยุดที่ทีมได้รับหลังชนะมาดริด: แค่วันเดียวเอง ผมคิดว่าทุกคนก็พอใจนะ บางครั้งหลังชนะคุณอยากอยู่กับทีมอีกวัน เพื่อแชร์ความรู้สึกนั้นร่วมกัน แต่เราก็ให้วันหยุด เพราะนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับเกมกับเบรนท์ฟอร์ด เขาดูเกมนั้นซ้ำกี่ครั้ง: ผมดูเกมแค่ครั้งเดียว แล้วก็หันไปโฟกัสที่เบรนท์ฟอร์ดทันที นั่นคือความจริง การทำให้ผู้เล่นกลับมามีสมาธิหลังเกมใหญ่: ไม่ใช่เรื่องของการดึงเขากลับมาหรอก ตอนนี้เป็นเรื่องของการรักษาพลังงานและโมเมนตัมนั้นไว้ แล้วใช้มันกับเกมที่ยากมากกับเบรนท์ฟอร์ด ทีมที่ถ้าคุณดูในสิ่งที่พวกเขาทำมา มันเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นเรื่องราวที่งดงาม และพวกเขาสมควรได้รับมันจากการทำงานหนัก การจัดการทีม ความเชื่อมั่น และแนวทางการเล่น ต้องให้เครดิตพวกเขาเลย เกมนี้จะเป็นบททดสอบที่หนักแน่นอนสำหรับเรา ความเคารพที่มีต่อโธมัส แฟรงค์: มากเลยครับ อาจจะมากกว่าคำว่าเคารพด้วยซ้ำ อาจจะเรียกว่าชื่นชมมากกว่า เขาทำได้ยอดเยี่ยมกับสโมสรที่ทุกคนมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีอัตลักษณ์ชัดเจน เป็นทีมที่เราสามารถเรียนรู้ได้มาก เพราะวิธีที่พวกเขาทำมันฉลาดมากในความเห็นผม และโมเดลของทีมก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดูผลงานเกมเยือน 6 นัดหลังสุดก็เห็นแล้วว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง จุดแข็งหลักของเบรนท์ฟอร์ด: นั่นแหละประเด็น พวกเขามีจุดแข็งหลายจุดเลย พวกเขาเพรสสูงอย่างดุดัน ถ้าแย่งบอลได้ในช่วงเปลี่ยนเกม พวกเขาเล่นได้ดีและจัดระเบียบได้ดีมาก ถ้าพวกเขาตั้งรับลึก พวกเขาก็มีตัวเติมเกมจากแนวลึกอีกด้วย ทุกการเริ่มเกมใหม่อาจกลายเป็นลูกตั้งเตะและพวกเขาสร้างความวุ่นวายได้ดี ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เกมกับมาดริดว่าเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมภายใต้การคุมของเขาหรือไม่: อาจจะใช่ ถ้าวัดจากผลกระทบในระดับโลก บริบทของเกม และวิธีการเล่น มันน่าจะเป็นเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว สำหรับเรา มันก็เป็นแค่อีกเกมหนึ่ง และยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ มันดีสำหรับพวกเราในการสร้างช่วงเวลา ความเชื่อมโยง และประวัติศาสตร์ร่วมกัน การนำระบบล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติมาใช้ในพรีเมียร์ลีก: ใช่ครับ ผมคิดว่าในแชมเปียนส์ลีกมันใช้ได้ดี และช่วยให้ทุกฝ่ายทำงานง่ายขึ้น ทำให้เกมยุติธรรมขึ้นด้วย ยินดีต้อนรับเลย ความคิดที่จะพักผู้เล่นก่อนเกมเลกที่สอง: ตอนนี้เราต้องดูว่าสภาพร่างกายของนักเตะเป็นยังไง เพราะมันไม่ใช่แค่เกมนี้ แต่รวมถึงโปรแกรมในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปด้วย ใครที่ได้ลงเล่นก็จะต้องพร้อมและแข่งขันได้แน่นอน อัปเดตอาการบาดเจ็บ: ดีแคลนกับบูกาโย่ฟิตทั้งคู่ มันแค่โดนเตะนิดหน่อยแล้วก็ฟื้นตัวได้ดี ดังนั้นทั้งสองพร้อมลงเล่นพรุ่งนี้ ริกกี้ก็กำลังฟื้นตัวได้ดี ผมยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้ เพราะเขาต้องเริ่มเร่งระดับขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เล่นคนอื่นซ้อมร่วมด้วย แล้วดูว่าเขาตอบสนองยังไง แต่ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ดี ความสำคัญในการรักษาอีธานและไมลส์ให้อยู่กับทีมต่อ: เราทุ่มพลังอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่านักเตะของเรามีความสุข รู้สึกมีคุณค่า และรู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่เราทำ แล้วส่วนอื่น ๆ ถ้ามีความจำเป็น เราก็จะดูที่อคาเดมี่ของเราก่อน ถ้าไม่พอก็ค่อยดูที่อื่น กรอบเวลาระหว่างอาการบาดเจ็บของไคกับซาก้า: งั้นเรามีเวลามากขึ้นอีกหน่อย มาดูกัน ทุกอาการบาดเจ็บไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่วิธีคิดของทั้งสองคนคล้ายกันมาก พวกเขามีประวัติบาดเจ็บที่ดี มีวินัยยอดเยี่ยม และกระหายที่จะกลับมาเล่นโดยเร็วที่สุด ทีมแพทย์เราก็ยอดเยี่ยม หวังว่าเราจะได้เขากลับมา แต่คงต้องรอดู เพราะช่วงสุดท้ายของการฟื้นตัวจะเป็นตัวบอกว่าเขาพร้อมแค่ไหน โอกาสที่จะได้เห็นไค ฮาแวร์ตซ์กลับมาลงเล่นอีกครั้งในฤดูกาลนี้ หวังว่าเราจะสามารถมีเขาในทีมก่อนที่จะจบฤดูกาล การที่อีธานได้ลงเล่นน้อยลง: ไมลส์ก็เล่นเยอะนะ และอีธานก็เช่นกัน เขาเพิ่งได้ลงตัวจริงกับเอฟเวอร์ตัน เกมเยือน นี่คือพรีเมียร์ลีกนะครับ และเรากำลังพูดถึงเด็กอายุ 17–18 ที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่ได้ลงเล่นเยอะมาก ผมดีใจมาก เพราะพวกเขาสมควรได้รับมัน และพวกเขาจะได้ลงเล่นต่อไปแน่นอน การสร้างตำนานของตัวเองในยุโรป: ผมอยากใช้คำนั้นกับการคว้าถ้วยใหญ่มากกว่าการผ่านเข้ารอบนะ แต่เราต้องเริ่มจากที่ไหนสักที่ก่อน เราไม่ได้เล่นแชมเปียนส์ลีกมานานถึง 7 ปี เราต้องเริ่มสร้างเรื่องราว และตอนนี้เรากำลังเดินมาถูกทาง แต่ก็ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ วมันเป็นเรื่องของทั้งสโมสร ไม่ใช่แค่ผู้เล่นกับโค้ช: แน่นอน 100% ค่ำคืนแบบที่เรามีเมื่อวันก่อนจะถูกจดจำไปอีกหลายปี และนั่นแหละคือค่ำคืนที่ทำให้คนเชื่อมั่น มันให้ความหมายกับการแข่งขัน มอบความสุข และเตรียมคุณสำหรับค่ำคืนต่อไป เพราะคุณจะอยากรู้สึกแบบนั้นอีก นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในมุมมองของผม คือทำให้แฟน ๆ เฝ้ารอที่จะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นร่วมกับเราอีก แรงจูงใจจากการที่ลิเวอร์พูลยังไม่การันตีแชมป์: พรีเมียร์ลีกมันยาวมาก ทุกทีมเล่นเยอะมาก และเรารู้ดีว่ามันแข่งขันกันสูงแค่ไหน ชนะกันแค่ลูกเดียวเกือบทุกเกม นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสอยู่เสมอ แม้มันจะไม่อยู่ในมือเราแล้วก็ตาม สิ่งที่เราทำได้คือชนะเกมของตัวเอง อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องอยู่ตรงนั้นให้ได้แน่นอน ความประหลาดใจในพัฒนาการของดีแคลน: เราซื้อนักเตะที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว และราคาที่จ่ายก็สะท้อนสิ่งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามาถึงขีดสุดแล้ว เพราะเรารู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างให้พัฒนา ทั้งการอ่านเกม และทักษะอื่น ๆ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาเชื่อมั่นและกล้าที่จะก้าวไป เขาต้องทำประตูด้วยลูกโหม่งให้มากขึ้น ทำประตูในกรอบมากขึ้น ยิงไกลให้มากขึ้น เขาทำได้หมด และเขาต้องเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะเขามีศักยภาพอยู่แล้ว คนที่บอกว่าเราซื้อเขามาครึ่งราคาหรือเปล่า: (หัวเราะ) ผมว่าไม่ใช่นะ! ที่มาดริดหวังว่าจะกลับมาได้ในเลกสอง: เราต้องโฟกัสในสิ่งที่เราทำได้ สิ่งที่เราควบคุมได้ และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะเตรียมทีมให้พร้อม เพราะเรารู้ว่าต้องเจอกับอะไร และเราต้องคว้ามันมาให้ได้ ต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้น และทำให้ดีกว่าเกมแรก ดูบอลสดฟรี
  9. ดูบอลสดฟรี เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวดังจากดิแอธเลติก ได้ตอบคำถามจากแฟนบอลทางบ้าน ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการเสริมทัพของอาร์เซน่อลอยู่หลายประเด็นด้วยกัน อาร์เซนอลได้ติดตามและศึกษาผลงานของ เบนจามิน เซสโก้ มาเป็นเวลานานพอสมควร เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงและกำลังทำผลงานได้ดีมาก ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาจะพัฒนาได้อีกในอนาคต เพื่อนร่วมงานของผม เจมส์ แมคนิโคลาส เพิ่งรายงานว่า อาร์เซนอลเองก็มีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับเซสโก้ อยู่บ้าง จึงอาจเป็นไปได้ว่า มิเกล อาร์เตต้า และ อันเดรีย แบร์ต้า กำลังให้ความสำคัญกับตัวเลือกอื่นมากกว่า (ก่อนหน้านี้เราก็เคยรายงานว่าอาร์เซนอลจับตามองทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ วิคตอร์ โยเคเรส) อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเซสโก้หลุดจากลิสต์เป้าหมายของอาร์เซนอล เพียงแต่อาจไม่ใช่ปลายทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เราก็รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประทับใจเขาอย่างมากเช่นกัน... ผมจำได้ว่าเขาเคยเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของพวกเขาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ต่อและเซ็นสัญญาใหม่ ตอนนี้เขายังเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ เชลซี กำลังพิจารณา และผมมั่นใจว่าสโมสรระดับท็อปอื่น ๆ ก็จับตามองอยู่เช่นกัน ดีลนี้ไม่ใช่ดีลราคาถูกแน่นอน — แต่ดีลระดับนี้ไม่มีทางถูกอยู่แล้ว และถ้า/เมื่อเซสโก้ย้ายทีมจริง ทีมที่คว้าตัวไปได้ก็น่าจะได้เพชรเม็ดงามไปครองแน่นอน นักเตะตำแหน่งริมเส้นอยู่ในแผนของอาร์เซน่อลมาสักระยะแล้ว และผมได้ยินมาว่า ตำแหน่งปีกซ้าย คืออีกหนึ่งตำแหน่งที่อาร์เซน่อลกำลังพิจารณาในช่วงซัมเมอร์นี้ เราทุกคนทราบดีว่า นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป็นนักเตะที่มิเกล อาร์เตต้า ชื่นชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน ยังมีชื่ออื่นที่ถูกพิจารณาอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น อาร์เซน่อลเป็นหนึ่งในหลายสโมสรที่ชื่นชอบ แอนโธนี่ กอร์ดอน A BOLA สื่อของโปรตุเกส เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล เป็นตัวเต็งที่จะคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าฟอร์มฮอตของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปเสริมทัพในฤดูกาลหน้า มีข้อตกลงระหว่างตัวนักเตะและทางต้นสังกัด ว่าเขาสามารถย้ายทีมได้ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร ฟาบริโอ โรมาโน่ พูดถึงดีลของนิโก้ วิลเลี่ยมส์กับอาร์เซน่อลว่า: "อาร์เซนอลให้ ความสำคัญกับนักเตะรายนี้อย่างมาก และเขาถูกมองว่าเป็น นักเตะในอุดมคติของมิเกล อาร์เตต้า สำหรับตำแหน่งปีก ทีมงานตัวแทนของเขากำลัง จัดการเรื่องอนาคต และได้มีการ ติดต่อกับอาร์เซนอลแล้ว" "ทางฝั่งบิลเบารู้สึกว่า วิลเลียมส์จะไม่เปิดเจรจาใด ๆ กับสโมสรในตอนนี้ และจะรอ ตัดสินใจอนาคตหลังจบฤดูกาล — ซึ่งอาร์เซนอลจะต้อง เคารพช่วงเวลาในการตัดสินใจของตัวนักเตะ ส่วนในกรณีของ บาร์เซโลนา ดูจะมีโอกาสน้อยกว่า เนื่องจากติด ข้อจำกัดด้านกฎการเงิน (Financial Fair Play) เชลซี ก็เป็นอีกทีมที่ ให้ความสนใจนักเตะรายนี้เช่นกัน เคร็ก โฮฟฟ์ นักข่าวจากเดลี่ เมล์ บอกว่า มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดน จะอยู่ล่าตาข่ายให้กับนิวคาสเซิ่ลต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่าจะได้รับความสนใจจาก อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล นอกจากนี้ทางนิวคาสเซิ่ล ยังเล็งที่จะดึง มัทธีอัส คุนญา แนวรุกตัวเก่งของวูลฟ์แฮมตัน เข้ามาเสริมแกร่งทีมในซีซั่นหน้าด้วย โดยทางคุนญา มีค่าฉีกสัญญาที่จะมีผลในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย London Evening Standard รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล มีแผนที่จะโรเตชันผู้เล่นในเกมส์พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ ที่จะเปิดบ้านรับมือกับเบรนท์ฟอร์ด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบุกเยือน เรอัล มาดริด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กลางสัปดาห์หน้า แม้ว่าเลกแรกพวกเขาจะเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-0 ก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า มิเกล อาร์เตต้า อาจจะพัก บูกาโญ ซาก้า, วิลเลี่ยมส์ ซาลิบา, ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่ และเดแคลน ไรซ์ เป็นอย่างน้อย เดวิด ออร์นสตีน ได้พูดถึงอนาคตของ ดีน ฮุยเซน เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งอนาคตไกลของบอร์นมัธ เขาบอกว่า: "ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในสโมสรที่ให้ความสนใจในตัวดีน ฮุยเซน อย่างจริงจัง ข้อมูลนี้ถูกพูดถึงในแหล่งอื่นด้วย และถือว่าแม่นยำ เชลซีได้สอบถามเกี่ยวกับเขา และอาร์เซนอลก็อยู่ในกลุ่มที่สนใจเช่นกัน ตอนนี้สามสโมสรนี้ดูจะเป็นตัวเต็ง แต่ก็ไม่ใช่เพียงสามทีมเท่านั้น เพราะนิวคาสเซิลและท็อตแน่มก็สนใจอยู่ด้วย ผมเชื่อว่าทุกสโมสรที่กล่าวถึงได้มีการประชุมหรือพูดคุยกับตัวแทนของฮุยเซนในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการ ดังนั้นทิศทางของดีลนี้จึงยังไม่ชัดเจน มีรายงานไว้อย่างชัดเจนว่าฮุยเซนมีความชื่นชอบเรอัล มาดริดตั้งแต่เด็ก และทางมาดริดเองก็ชอบเขา แต่ผมยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจากพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้น ณ เวลาที่เขียนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีโอกาสย้ายไปอยู่กับสโมสรในพรีเมียร์ลีกมากกว่า ผมคิดว่าทั้งบอร์นมัธและตัวนักเตะเองอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เนื่องจากค่าฉีกสัญญา 50 ล้านยูโร ทำให้ดีลนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งลิเวอร์พูลเคยใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขแบบนี้มาก่อน บางทีการพิจารณาของลิเวอร์พูลอาจได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ต่อสัญญาของโคนาเต้ที่ยังไม่มีความคืบหน้า และหากเซ็นสัญญากับฮุยเซน ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะได้ลงเล่นเคียงข้างฟาน ไดจ์ค เชลซีเองก็อาจพูดแบบเดียวกันในกรณีจับคู่กับโคลวิลล์ และที่นิวคาสเซิลกับท็อตแน่ม เขาก็น่าจะได้โอกาสลงเล่นพอสมควรเช่นกัน ในส่วนของอาร์เซนอล อาจจะยากหน่อยเพราะมีซาลิบาและกาเบรียลอยู่แล้ว แต่ถ้าคิวิออร์ถูกขายออกไป ก็สามารถจินตนาการได้ว่าฮุยเซนอาจได้ลงเล่นบ่อยในฐานะหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คของทีม และจากที่ผมได้ยิน ทั้งมิเกล อาร์เตต้า และอันเดรีย แบร์ต้า ต่างก็เป็นแฟนตัวยงของฮุยเซน ผมยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับนักเตะคนอื่น ๆ ที่ลิเวอร์พูลกำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่จากที่ก่อนหน้านี้หลายทีมมองหากองหลังฝั่งซ้าย ตอนนี้กลับหันมาโฟกัสที่ฝั่งขวาแทน โดยรวมแล้ว (แม้จะไม่แน่ใจว่าสำหรับลิเวอร์พูลหรือไม่) มาร์ค เกฮี จะเป็นคนที่น่าจับตามอง รวมถึงเทรเวอร์ ชาโลบาห์ด้วย" ไซมอน คอลลินส์ สายข่าวอาร์เซน่อลของ London Evening Standard รายงานข่าววา ทีมงานสต๊าฟโค้ชของมิเกล อาร์เตต้า ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซน่อลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อัลเบิร์ต สตูเวนเบิร์ก, คาร์ลอส คูร์เอสต้า, นิโคลัส โยเวอร์, อินากี้ คาญา และมิเกล โมลิน่า) หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะของอาร์เซนอล เจมส์ เอลลิส คาดว่าจะ อำลาสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ ตามแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับ Football Insider ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างงานด้านการเสริมทัพของสโมสร ภายใต้การนำของ อันเดรีย แบร์ต้า #arsenalfanaticsnews สายข่าววงในของอาร์เซน่อล บอกว่า ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี เซนเตอร์แบ็คทีมชาติอิตาลี สามารถกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เขามีปัญหาบาดเจ็บมาจากการลงเล่นกับทีมชาติ เอดู กาสปาร์ สิ้นสุดช่วง พักงาน 6 เดือน (gardening leave) อย่างเป็นทางการแล้ว และได้ อำลาตำแหน่งที่อาร์เซนอล เรียบร้อย อดีตผู้อำนวยการกีฬารายนี้ พร้อมเปิดรับข้อเสนอจากสโมสรอื่นแล้ว โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เขาได้เขียนข้อความอำลาสโมสรอาร์เซน่อลผ่านทาง IG ส่วนตัวว่า: "ผมมาที่อาร์เซนอลพร้อมกับความท้าทายในการพาสโมสร กลับสู่ระดับหัวแถวของยุโรป และทำให้การกลับไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กลายเป็นสิ่งที่ “คาดหวังได้” ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป" "ขออวยพรให้อาร์เซนอลและผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ แบร์ต้า โชคดี ผมรอจนกระทั่งหมดสัญญาอย่างเป็นทางการถึงเขียนข้อความนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อสโมสร วันนี้ผมเดินจากอาร์เซนอลไปด้วยความภาคภูมิใจ — ภูมิใจในทุกสิ่งที่เราร่วมกันสร้างขึ้นมา" ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวจาก BBC บอกว่า อาร์เซนอลเตรียมเปิดการเจรจากับ อีธาน วาเนรี เกี่ยวกับ สัญญาฉบับใหม่ — แม้ยังไม่มีข้อเสนอหรือการพูดคุยอย่างเป็นทางการในตอนนี้ แต่คาดว่า ความคืบหน้าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้กำลังจะเข้าสู่ ปีสุดท้ายของสัญญาฉบับปัจจุบัน ในช่วงซัมเมอร์นี้ ในขณะเดียวกัน สโมสรยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ เกี่ยวกับ การต่อสัญญา เช่นกัน เดวิด ออร์นสตีน บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะกลับมาช่วยอาร์เซน่อลได้ก่อนจบฤดูกาลนี้ หากทีมยังมีลุ้นบางอย่างในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล โดยกระบวนการฟื้นฟูร่างกายของเขากำลังเป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น และยังมี ปัจจัย ที่ไม่แน่นอน หลายอย่างที่ต้องพิจารณา ดูบอลสดฟรี
  10. ดูบอลสดฟรี หลังจากที่เราโชว์ฟอร์มสุดยอด เอาชนะเรอัล มาดริด 3-0 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ในเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มิเกล อาร์เตต้า ได้ตอบคำถามจากสื่อมวลชนในการแถลงข่าวหลังเกม เขาถูกถามเกี่ยวกับวิธีที่ทีมสามารถโค่นแชมป์ยุโรปลงได้, ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของดีแคลน ไรซ์ และสถานการณ์ก่อนเกมเลกที่สอง ฟอร์มการเล่นในค่ำคืนนี้: ผมภูมิใจมาก เราเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยมในฐานะทีม ซึ่งคุณต้องการสิ่งนั้น ทั้งในการจัดระบบและสิ่งที่เราต้องทำเพื่อครองเกมและสร้างปัญหาให้กับมาดริด ค่ำคืนนี้เกี่ยวข้องกับสองสิ่งหลักๆ หนึ่งคือบรรยากาศที่เราสร้างขึ้นก่อนเริ่มเกม 15 นาที มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พลังและความมุ่งมั่นจากแฟนๆ ช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล และอีกอย่างคือช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ ช่วงเวลาเฉพาะตัวที่ตัดสินเกมได้ ซึ่งสองประตูแรกของดีแคลนคือภาพรวมของค่ำคืนนี้ ความสำเร็จของไรซ์จากลูกฟรีคิก: เขามุ่งมั่นมาก เพราะเราคุยกันมาหลายเดือนแล้วว่า เราไม่ได้ยิงประตูจากลูกฟรีคิกโดยตรงมาตั้งแต่กันยายน 2021 นัดเจอกับเบิร์นลีย์ โดยมาร์ติน โอเดการ์ด มันเป็นเวลานานมาก และการทำสองประตูใน 12 นาทีด้วยคุณภาพแบบนั้น จากผู้เล่นคนเดียวที่ไม่เคยยิงฟรีคิกเข้ามาก่อนในอาชีพ – โอกาสมันแทบจะเป็นศูนย์ แต่เขาทำได้ในคืนนี้ ผมเชื่อว่าแฟนๆ มีส่วนช่วย ด้วยพลังที่พวกเขาส่งมา มันช่วยเราได้มากจริงๆ ทุกอย่างที่ลงตัว ทั้งในสนามและนอกสนาม: ผมมั่นใจมาก เพราะผมสัมผัสได้จากการเตรียมทีมว่าเราพร้อมจริงๆ เรามีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างปัญหาให้กับมาดริดได้ แต่หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของการลงมือทำ คุณต้องทำให้มันเกิดขึ้น และเราทำได้ในวันนี้ มันเป็นเกมที่ยาก แต่เรามีความสุขมาก เหตุผลที่เปลี่ยนซาก้าและไรซ์ออก: ผมคิดว่าดีแคลนมีปัญหาที่เท้า ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะโดนเข้าสกัดหรืออะไร และบูคาโยก็เช่นกัน หลังจากโดนฟาวล์ เขาได้รับการกระแทก และต้องออกจากสนาม แต่เขาสบายดี ลูอิส-สเกลลี่ ที่โชว์ฟอร์มในเกมใหญ่ที่สุด: ในฐานะทีม เมื่อคุณเล่นในระดับแบบที่เราทำ และมีฟอร์มการเล่นแบบนี้ คุณต้องมีนักเตะที่เล่นได้ในระดับสูงสุด และผมคิดว่าทุกคนยกระดับของตัวเองขึ้นมา ทุกคนเล่นในมาตรฐานที่จำเป็นในการเอาชนะทีมที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมมีความสุขมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ มิเกล เมริโน่ที่ยิงประตูได้อีกครั้ง: มันเป็นฤดูกาลที่เราต้องปรับตัว เราเจอเรื่องมากมาย เราเสียกองหลังที่ดีที่สุดไป 4 เดือน และยาคุบก็ลงมาเล่นได้ในระดับที่เขาทำอยู่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เป็นผลจากการซ้อม การใส่ใจ และการช่วยเหลือกันในทีม สำหรับมิเกล มันเป็นเรื่องของความทุ่มเท ความต้องการที่จะเรียนรู้ตำแหน่งนี้ คิดอยู่เสมอว่าเขาจะช่วยทีมยังไง และทีมก็ปรับเข้ากับคุณภาพของเขาเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด การเจาะทีมอย่างเรอัล มาดริด: ใช่ แต่สิ่งสำคัญคือมันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรา ความรู้สึกของผมคือทีมมีความมั่นใจอย่างมาก และเรามีความเชื่อว่าเราทำได้ เพราะเราทำแบบนั้นมาได้เป็นช่วงเวลายาวนานแล้ว กับคู่แข่งที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล ตลอดสองปีที่ผ่านมา และถ้าคุณเคยทำได้มาก่อน คุณก็สามารถทำได้ในวันที่ต้องทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแฟนบอลของเราอยู่ด้วย ในระดับนี้ พลังจากแฟนบอลยกระดับทีมขึ้นมาได้ และเราก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้สำเร็จ การยกระดับทีมขึ้นมาจนถึงจุดนี้กับเรอัล มาดริด: คุณต้องก้าวต่อไปเรื่อย ๆ และค่ำคืนนี้คือก้าวที่ถูกต้อง ตอนนี้มันยังแค่ “ครึ่งทาง” เท่านั้น เรายังต้องไปที่เบร์นาเบว และเราต้องยกระดับตัวเองขึ้นอีก เพื่อเป็นทีมที่เราต้องการจะเป็นที่นั่น และเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคว้าชัยชนะอีกครั้ง ความหมายในภาพรวมของชัยชนะคืนนี้: ผมรู้ว่ามันต้องใช้ความพยายามและการตัดสินใจมากมายจากหลายคนในสโมสรแห่งนี้ เพื่อให้เราได้มีค่ำคืนแบบนี้ ผมบอกพวกเขาว่า “ขอบคุณมาก” ที่ทำให้เราได้สนุกกับเส้นทางนี้ ได้มายืนตรงนี้ และขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจอย่างมากว่าเราจะทำได้ในคืนนี้ และเราจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง มันเป็นความรู้สึกจากใจจริง เพราะผมเชื่อว่าเราพร้อมแล้ว และตอนนี้เราต้องไปที่เบร์นาเบว และทำให้ได้อีกครั้ง นั่นจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ การเตรียมทีมก่อนเกมนี้ หลังผลการแข่งขันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา: เป็นเกมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สองโลกของฟุตบอลที่ไม่เหมือนกัน และความต้องการจากคู่แข่งก็ไม่เหมือนกัน และคุณจะรู้สึกได้เลยว่าพวกเขารอเกมนี้อยู่ ตั้งแต่ผลการจับสลากออกมา ไม่มีทีมไหนหรือสโมสรไหนที่จะกระตุ้นคุณได้ดีไปกว่านี้ เพราะพวกเขาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของรายการนี้ พวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดในรายการนี้แบบไร้ข้อกังขา และความท้าทายของเราก็คือการเจอกับพวกเขา และพยายามเอาชนะพวกเขาให้ได้ การนำโมเมนตัมนี้ไปสู่เกมเลกที่สอง: เราจะสนุกกับชัยชนะครั้งนี้ เพราะเราคู่ควรกับมัน แต่เราก็รู้ว่านี่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น และเราต้องเล่นให้ดียิ่งกว่านี้อีกในเกมที่มาดริดเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป การรักษาสมาธิก่อนเกมนัดเยือน: พวกเขาเริ่มพูดถึงเรื่องนั้นทันทีเลย คุณรู้ใช่ไหม “เยี่ยม สนุกกับมันเถอะ” และตอนนี้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเกมวันเสาร์ให้ดี แล้วค่อยมีเวลาจัดการกับความท้าทายในเกมที่มาดริด พวกเขาตื่นเต้นกันมากจริงๆ ข้อความที่ชัยชนะคืนนี้ส่งถึงยุโรป: ไม่ครับ เพราะเรายังอยู่ในช่วงเวลาของเรา และนี่ก็แค่ครึ่งทางเท่านั้น ไม่ว่าจะเรียกว่ายังไงก็ตาม ยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องทำต่อไป คุยกับเป๊ป ก่อนเกมส์นัดนี้: เราคุยกันเพราะผมอยากจะคุยกับเขา ผมโชคดีมากที่มีคนดีๆ อยู่ข้างๆ ซึ่งช่วยผมได้มากจริงๆ ดูบอลสดฟรี
  11. เห็นฟอร์มครึ่งแรก ที่เล่นกันแบบเกร็งๆ มีความผิดพลาดกันเองง่ายๆ หลายครั้ง ดีที่มาดริดฉกฉวยโอกาสเล่านั้นไม่ได้ ครึ่งแรก 0-0 ดูจะเป็นงานไม่ง่ายเลย แต่ฟรีคิกของไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมส์นี้ไปอย่างสิ้นเชิง ลูก Direct Freekick หนสุดท้ายเมื่อไหร่ของทีมเราแทบจะจำไม่ได้ แต่ไรซ์ปั่นโค้งอ้อมกำแพงเข้าไปแบบเหลือเชื่อ แล้วมันไม่พอแค่นั้น ฟรีคิกลูกสองก็ยิงเปรี้ยงหายอีก นอกจากแฟนปืนจะช็อคกันตาตั้งแล้ว มาดริดก็คงช็อคเหมือนกัน พอนำห่างสองลูก ทำให้ทุกอย่างง่ายไปหมด แล้วลูกสามก็ตามมา สกอร์ออกมาดีเกินคาด 3-0 แต่เราก็ยังไม่สามารถประมาทได้ ยังเหลืองานอีก 90 นาทีที่มาดริด ลุยกันต่อ มุ่งสู่รอบรองชนะเลิศ
  12. UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Arsenal 3 - 0 Real Madrid Tue 9 March 2025, 02.00 น. GOAL: 1-0 เดแคลน ไรซ์ (นาทีที่ 57) 2-0 เดแคลน ไรซ์ (นาทีที่ 70) 3-0 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 75, ลูอิส-สเคลลี่) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 7.0 ราย่าก็มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอยู่ 2-3 หนในครึ่งแรก กับความผิดพลาดกันเองค่อนข้างเยอะ ครึ่งหลังราย่างานเบาขึ้นเยอะ จังหวะออกมารับบอลแน่นอน บอลเท้าก็ยอดเยี่ยม วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ครึ่งแรกดูจะเหนื่อยหน่อยสำหรับซาลิบา ต้องมีช็อตแก้ไขอยู่บ้าง เอ็มบัปเป้ก็ถือว่าป่วนเกมส์รับเราได้ ครึ่งหลังกลายเป็นงานสบายเลย เกมส์รุก เกมส์โต้ของมาดริดแทบไม่มีให้เห็นเลย ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 ฉายแววความน่ากังวลตั้งแต่ช็อตแรกของเกมส์ที่จับบอลวืด จนบอลทะลักไปเข้าทางเอ็มบัปเป้ แล้วมีอีกจังหวะที่จ่ายคืนหลังสั้นเกือบสร้างงานให้ซาลิบา ดีที่ครึ่งหลังคิวิออร์ทำได้โอเคขึ้น ไม่มีความผิดพลาด มีจังหวะแย่งบอลจากเท้าเอ็มบัปเป้ได้ด้วย ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 8.0 ขยับเข้ามาเล่นเป็น Inverted อยู่เกือบตลอดในจังหวะที่ทีมได้ครอบครองบอล การเคลื่อนที่เข้าไปหาที่ว่างในการรับบอลของไมล์สดีมาก โดยเฉพาะครึ่งหลังที่ขยับดันขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แล้วเขาเป็นคนแอสซิทให้เมริโน่ยิงลูกสามด้วย เกมส์รับก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ถือว่าเจองานหนักเมื่อต้องตามประกบวินีซิอุส อีกหนึ่งตัวอันตรายในการโต้กลับ ทิมเบอร์ก็ถือว่าคุมได้ดีไม่มีพรวดพลาด เป็นอีกคนที่ครึ่งหลังดีมากๆ โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 ต้นเกมส์พี่หมึกมีลุ้นประตูสองหน หนแรกวิ่งมายิงแต่บอลไม่หนีมือคูร์ตัวร์ หนสองขึ้นโขกทิศทางเหมือนจะเข้ากรอบ แต่ดันไปโดนตัวซาลิบา พอทีมได้ประตูนำ หลังจากนั้นพี่หมึกคุมเกมส์ได้เนียนกริบ อาจมีหวิดพลาดช่วงท้าย แต่ก็ไปตามแก้ตัวได้ทัน เดแคลน ไรซ์: 9.0 โอกาสใกล้เคียงที่สุดในครึ่งแรก น่าจะเป็นลูกโหม่งแบบเต็มกระบาลของไรซ์ แต่คูร์ตัวร์ เซฟไว้ได้แบบเหลือเชื่อ แต่ครึ่งหลังทีเด็ดจริงๆ 2 ฟรีคิกแบบสุดสวยของไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมส์นัดนี้ไปทันที การสอดทะลุเข้าไปรับบอลในพื้นที่สุดท้าย ก็ทำให้แนวรับมาดริดป่วนอยู่หลายครั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) ได้หวนกลับมาเจอกับทีมเก่า แต่มาดริดถือว่าทำการบ้านมาดี พยายามปิดช่องไม่ให้โอเดการ์ดกับซาก้าได้เชื่อมกันง่ายๆ แถวหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้โอเดการ์ดก็เล่นไม่ง่าย ทำให้เขายังไม่โดดเด่นเท่าที่ควรจะเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 เจอดับเบิ้ลทีมเวลาที่มาร์ติเนลลี่ได้บอลลากเข้าหากรอบเขตโทษ ก็พอมีจังหวะได้ลุ้นทำประตูจังๆ อยู่ 2 หน แต่ก็เอาชนะคูร์ตัวร์ไม่ได้ บูกาโญ ซาก้า: 7.0 ต้นเกมส์หวิดพลาด ที่จ่ายคืนหลังสั้นเกือบทำให้ทีมเสียประตู ช่วงครึ่งแรกซาก้า จังหวะเข้าโจมตีไม่ได้ต่อเนื่อง แต่ก็ได้น้ำได้เนื้อ ในการหลุดเข้าไปจ่ายปาดเข้ากรอบเขตโทษ แต่การที่ไม่มีศูนย์หน้าอาชีพทำให้ไม่มีตัวเข้าฮอต บอลผ่านหน้าปากประตูไปหน้าตาเฉย ซาก้าสภาพยังไม่ถึงเต็ม 100 แต่เวลาได้บอลก็กดดันแนวรับมาดริดได้ ช่วง 15 นาทีสุดท้ายมีปัญหาเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว มิเกล เมริโน่: 7.5 สลับกลับมาใช้เมริโน่ในการสตาร์ทตำแหน่งกองหน้าอีกครั้ง เมริโน่มีโอกาสยิงสองครั้งติด ที่จะทำให้ทีมนำ 2-0 แต่ถูกอลาบาเคลียร์จากเส้น จังหวะสองคูร์ตัวร์ก็เซฟได้อีก อย่างไรก็ตามก็เป็นเมริโน่ ที่เป็นคนยิงประตูนำห่าง 3-0 ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 (นาทีที่ 73, ซาก้า) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 80, ไรซ์) เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 90, ทิมเบอร์) ดูบอลสดฟรี
  13. ครึ่งแรก ชุดโรเตชัน ทำได้ดีกว่าที่คิดพอสมควร ครองเกมส์ และยิงประตูขึ้นนำได้ก่อน จุดเปลี่ยนก็คงเป็นจุดโทษที่เสียตอนต้นครึ่งหลัง ไม่รู้กรรมการมองมุมไหนว่าเป็นจุดโทษ จังหวะมัน 50:50 ไมล์สก็ถูกดึงจนล้ม แล้วไปทับผู้เล่นเอฟเวอร์ตันล้ม กลายเป็นเราโดนจุดโทษ ตัวสำรองลงมา ก็เหมือนจะเล่นแบบถนอมตัว โฟกัสก็คงจะอยู่ที่เกมส์วันอังคารกับเรอัล มาดริดแล้ว ในลีกก็ประคองตัวเล่นให้ครบ เพราะลุ้นแชมป์เป็นไปไม่ได้แล้ว ส่วนตั๋วยูซีแอลก็ยังดูปลอดภัย
  14. PREMIER LEAGUE 2024/25 Everton 1 - 1 Arsenal Sat 5 March 2025, 18.30 น. GOAL: 0-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 34, สเตอร์ลิ่ง) 1-1 เอ็นดิอาย (นาทีที่ 49, จุดโทษ) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 ครึ่งแรกราย่าไม่ได้มีงานยากให้ต้องออกแรง แต่เริ่มครึ่งหลังแปปเดียวมาเสียจุดโทษ แล้วราย่าอาจต้องปรับสไตล์การรับจุดโทษของตัวเองหน่อย กับการพุ่งไปรอก่อน เจออ่านทางได้หมดแล้ว วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 ซาลิบาทำได้ดีในครึ่งแรกกับการตามประกบเบโต้ หน้าเป้าของเอฟเวอร์ตันจนเล่นไม่ออก แต่จุดที่ดูมีปัญหาชัดเจนในครึ่งหลังคือการป้องกันบอลยาว ที่ไม่มีตัวขึ้นเล่นเหมือนตอนที่มีกาเบรียล ยาคุบ คิวิออร์: 7.5 เกมส์รับทำได้ดี ไม่มีจุดผิดพลาดให้เห็นเลย แต่จุดที่โดดเด่นของคิวิออร์ในเกมส์นี้เลย คือ การวางบอลยาวจากแดนหลัง ที่ทำให้เพื่อนได้หลุดไปลุ้นอยู่ 2-3 หนเลย ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 5.5 วันนี้ไมล์ส พลาดเสียบอลง่ายๆ รวมถึงการออกบอลพลาดค่อนข้างเยอะทีเดียว ต้นครึ่งหลังไปทำฟาล์วจนทำให้ทีมเสียจุดโทษและโดนตีเสมอ ซึ่งก็เป็นจุดโทษที่ดีอยู่งงอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีจังหวะกระชากลุยไปสวยๆ จากแดนตัวเอง ก่อนจะเจอตัดฟาล์วหน้ากรอบเขตโทษของเอฟเวอร์ตัน เบน ไวท์: 6.0 ไวท์มีปัญหาบาดเจ็บในนัดก่อน แต่วันนี้กลับมาลงตัวจริงได้ สภาพร่างกายดูดีขึ้นกว่าที่เราเห็นในกับพีเอสวี ครึ่งแรกทำได้โอเค ครึ่งหลังเล่นไปราว 15 นาทีก็โดนเปลี่ยนออกไปพัก จอร์จินโญ: 6.0 (C) ครึ่งแรก จอร์จินโญ่ ก็ยังเล่นแบบสบายๆ เพราะฝั่งเอฟเวอร์ตันยังไม่ได้เพลสหนักมาก ทำให้จอร์จินโญ่ ขยับเคลื่อนที่เคาะบอลสบายๆ แต่หลังจากเอฟเวอร์ตันตีเสมอได้ ทำให้โมเมนตั้มเปลี่ยน ทำให้เกมส์เจ้าถิ่นคึกขึ้น ซึ่งจังหวะโดนสวน พี่จอร์ก็ตามเบรกไม่ไหว เดแคลน ไรซ์: 6.0 ใครได้พัก เดแคลน ไรซ์ ไม่ได้พัก ลูกเตะมุมของเขากดดันเกมส์รับของฝั่งเอฟเวอร์ตันได้เป็นอย่างดี ท้ายครึ่งแรกน่าจะบวกลูกสองได้ แต่ลูกซ้ำของเขาไปติดบล็อกกองหลังเอฟเวอร์ตัน มิเกล เมริโน่: 7.0 ตอนวอร์มอัพมีรายงานว่าเมริโน่เจ็บบริเวณขาหนีบ แต่ถึงเวลาก็ยังได้ลงตัวจริง เพียงแต่บทบาทเปลี่ยนจากกองหน้า กลับมาเล่นตำแหน่งกองกลาง บทบาทค่อนข้างทีเดียว ในการแย่งบอลปะทะกับผู้เล่นเจ้าถิ่น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 ผลงานในครึ่งเวลาแรก การเล่นของสเตอร์ลิ่งเกือบทุกจังหวะเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ยกเว้นจังหวะที่ได้ประตู 1-0 ที่สเตอร์ลิ่งฉกบอลตรงกลางสนามได้ ก่อนจะลากเข้าพื้นที่สุดท้ายก่อนจ่ายให้ทรอสซาร์ อีธาน วาเนรี: 5.5 เล่นไม่ค่อยออกเหมือนกัน การตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายยังไม่ดีนัก ช่วงพักครึ่งโดนเปลี่ยนตัวออกไป เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ในระหว่างเกมส์ก็มีสลับตำแหน่งกับสเตอร์ลิ่ง ออกไปชิดริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วเป็นทรอสซาร์ ที่ยิงให้ทีมนำ 1-0 เป็นการจบสกอร์ที่เฉียบคม ก่อนจบครึ่งแรกเกือบยิงได้อีกลูก แต่ถูกพิคฟอร์ดเซฟไว้ได้ทัน ครึ่งหลังไม่ได้โอกาสเล่นกับบอลมากแบบครึ่งแรก แล้วหนักไปทางทำฟาล์วมากไปหน่อย ตัวสำรอง: บูกาโญ ซาก้า: 6.0 (นาทีที่ 46, วาเนรี) กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 (นาทีที่ 46, สเตอร์ลิ่ง) เป็นตัวสำรองที่ลงมาแล้ว สร้างอิมแพ็คให้เห็นได้หน่อย ใกล้เคียงที่สุดของมาร์ตี้คือการลากตัดมาปั่น แต่ฟิคฟอร์ดก็ยังบินปัดได้ทัน ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 (นาทีที่ 61, ไวท์) มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 70, จอร์จินโญ่) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 75, ลูอิส-สเคลลี่) ดูบอลสดฟรี
  15. แบร์ต้าน่าจะมาเขย่าตรงตำแหน่งกองหน้าจุดเดียวจากแผนเดิม ชื่อของโยเคเรส แรงขึ้นมา ดูแล้วกองหน้า ณ ตอนนี้ที่เราจะเสริม ไม่โยเคเรสก็เซสโก้ เรทราคาใกล้เคียงกัน 55-65 ล้านปอนด์ ส่วนแผนงานที่เอดู-อาร์เตต้า เดินเรื่องเอาไว้ก็คงจะยึดตามเดิม ซูบิเมนดี้ ดูจากสื่อหลักก็ค่อนข้างชัวร์ 90% ว่าอาร์เซน่อลน่าจะได้แน่, นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป้าหลักในตำแหน่งปีกซ้าย ก็ดูจะมีแนวโน้มว่ามีโอกาสมากกว่าซัมเมอร์ปีก่อน แล้วแบร์ต้าก็เริ่มเจรจาแล้ว, โจน การ์เซีย ประตูเอสปันญอล เนื้อหอมมากตอนนี้ แต่เราก็ยังเต็ง เพราะจีบมานาน 4 ตำแหน่งที่กล่าวมา ค่อนข้างชัดเจนมากกับเป้าหมายเสริมทัพ ตำแหน่งอื่นอาจจะต้องรอดูขาออกเพิ่มเติม เช่น กองหลังถ้าขายคิวิออร์ จะดึงกองหลังมาเติมเพิ่มไหม ใจจริงอยากได้ จอร์เรล ฮาโต้ ของดีจากอาแจ็กซ์ ที่ Cover ได้หลายตำแหน่งแบบเดียวกับทิมเบอร์เลย ถ้าได้มากแผงหลังเราโคตรโหด ซาลิบา, กาเบรียล, ทิมเบอร์, ไมล์ส, คาลาฟิออรี, ไวท์, โทมิ, ฮาโต้ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่จะเซ็นดาวรุ่งเพื่ออนาคตอย่าง สแวร์เร่ นีปาน เข้ามาเติมกลางเบอร์ 8 ก็ได้ มุมมองส่วนตัวคิดว่าจะมีตัวใหม่ 5-6 คนเข้ามา
  16. ดูบอลสดฟรี THE Guardian รายงานข่าวว่า อาร์เซนอลกำลังพิจารณาคว้าตัว นิโก วิลเลียมส์ จากแอธเลติก บิลเบาในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยอันเดรีย แบร์ต้า ได้เจรจากับตัวแทนของกองหน้าทีมชาติสเปน นับเป็นหนึ่งในภารกิจแรกของเขาในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร เป็นที่เข้าใจว่า แบร์ต้า ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้เข้าชมเกมที่อาร์เซนอลเอาชนะฟูแล่ม 2-1 เมื่อวันอังคาร ได้พบกับเอเย่นต์ของแข้งวัย 22 ปี เฟลิกซ์ ไทน์ตา อาร์เซนอลได้ติดตามผลงานของวิลเลียมส์อย่างใกล้ชิดในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเคยพิจารณาคว้าตัวเขามาแล้วเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ได้รับแจ้งว่านักเตะต้องการอยู่กับแอธเลติกต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล หลังจากทำผลงานโดดเด่นให้กับทีมชาติสเปนในศึกยูโร 2024 และช่วยสโมสรในวัยเด็กของเขาทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศของยูโรปาลีก ซึ่งพวกเขาจะพบกับเรนเจอร์สในสัปดาห์หน้า วิลเลียมส์คาดว่าจะผลักดันการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยบาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิค และเชลซี ต่างก็ให้ความสนใจเช่นกัน ค่าฉีกสัญญาของเขาคาดว่าอยู่ที่ 58 ล้านยูโร (ประมาณ 48.4 ล้านปอนด์) ความสนใจระยะยาวของอาร์เซนอลและบทบาทของแบร์ต้า ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการกีฬาของแอตเลติโก มาดริด อาจโน้มน้าวให้วิลเลียมส์ย้ายมาร่วมทีมในลอนดอนเหนือ อาร์เซนอลยังมองหากองหน้ารายใหม่ โดยพวกเขาได้ระบุว่า วิคเตอร์ โยเคเรส จากสปอร์ติง ลิสบอน เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้มากกว่ากองหน้าเพื่อนร่วมทีมชาติสวีเดนอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค พวกเขายังติดตามฟอร์มของ เบนจามิน เซสโก จากแอร์เบ ไลป์ซิก อย่างใกล้ชิด ขณะที่ มาร์ติน ซูบีเมนดี กองกลางของเรอัล โซเซียดาด คาดว่าจะย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 50.2 ล้านปอนด์ โดยมีโธมัส ปาร์เตย์ และจอร์จินโญ่ เตรียมอำลาสโมสรเมื่อสัญญาหมดอายุ ยังไม่แน่ชัดว่าแบร์ต้าจะมีงบประมาณเท่าใด แต่คาดว่าจะมีการปล่อยนักเตะออกจากทีมเพิ่มเติม ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า กำลังพยายามปรับปรุงทีมของเขา กุนซือชาวสเปนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าเขาตั้งตารอ “ซัมเมอร์ครั้งใหญ่” ในการทำงานร่วมกับแบร์ต้า นอกจากนี้ การต่อสัญญาของ บูกาโย่ ซาก้า, วิลเลียม ซาลีบา และ กาเบรียล มากัลเญส ซึ่งสัญญาจะหมดลงในปี 2027 ก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ ในขณะเดียวกัน มีความกังวลว่า กาเบรียล อาจต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน หลังจากได้รับบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่าในเกมกับฟูแล่ม อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นเมื่อเขาจำเป็นต้องเล่นต่อไปอีกกว่าหนึ่งนาที เพราะฟูแล่มปฏิเสธที่จะเตะบอลออกจากสนาม โดยมีภาพวิดีโอแสดงให้เห็นว่าแข้งวัย 27 ปีเดินโขยกเขยกขณะพยายามฝืนเล่นต่อ กาเบรียลเข้ารับการสแกนอาการบาดเจ็บเมื่อวันพุธ ขณะที่อาร์เซนอลกำลังประเมินอาการของ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า อาร์เตต้ายังยืนยันว่า เบน ไวท์ พลาดลงเล่นเกมล่าสุดเนื่องจากมีปัญหาที่หัวเข่า เช่นเดียวกับริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างรับใช้ทีมชาติ อาร์เซนอลมีโปรแกรมบุกไปเยือนเอฟเวอร์ตันในวันเสาร์ และเผชิญหน้ากับเรอัล มาดริด ในเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในวันอังคาร Santi Aouna เป็นนักข่าวที่ออกมารายงานข่าว ยืนยันว่า อันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล ที่ได้ไปพบกับเอเยนต์ส่วนตัวของ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เมื่อ 2-3 วันก่อน Rising Stars XI การเจรจาระหว่างอาร์เซน่อล และสปอร์ติ้ง ลิสบอน เกี่ยวกับ วิคตอร์ โยเคเรส ได้มีการเริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับ Rising Star XI เป็นเจ้าแรกที่เปิดเผยดีลที่เชลชี คว้าตัว โจวานี่ เควนด้า ปีกวัย 17 ปี ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ชาร์ล วัตต์ สายข่าวอาร์เซน่อลจาก Goal.com บอกว่า อันเดรีย แบร์ต้า เป็นหนึ่งในคนที่ผลักดันดีลการคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าของสปอร์ติ้งลิสบอน เขาชื่นชอบในตัวดาวยิงวัย 26 ปีมานานแล้ว ข่าวความสนใจแบบปัจจุบันทันด่วนในตัว วิคเตอร์ โยเคเรส แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ อันเดรีย แบร์ต้า อย่างชัดเจน เนื่องจากดูเหมือนว่า มิเกล อาร์เตต้า อาจเคยพิจารณาตัวเลือกอื่นในตำแหน่งกองหน้ามาก่อน เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวดังจากดิแอธเลติก เชื่อว่านิวคาสเซิ่ล ไม่มีความคิดที่จะขาย อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าตัวเก่งออกไปจากทีมในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ เขากล่าวว่า: "นิวคาสเซิลไม่มีความตั้งใจที่จะขาย อเล็กซานเดอร์ อิซัค หากต้องตั้งราคา มันจะสูงลิ่วเกินกว่าที่สโมสรใดจะจ่ายไหว" "ไม่มีข้อสงสัยในคุณภาพของเขา และความชื่นชมในตัวเขายังคงอยู่ แต่ผมคิดว่า อาร์เซนอลและลิเวอร์พูล ซึ่งให้ความสนใจเขาเช่นกัน ก็ตระหนักถึงความเป็นจริงนี้ และเมื่อมีหลายสโมสรต้องการตัวเขา พวกเขาก็จำเป็นต้องพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ด้วย" นอกจากนี้เทพเดวิด ยังบอกอีกว่า อูโก้ เอกิติก กองหน้าอนาคตไกลของไอทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของอาร์เซน่อล ที่ชื่อของนักเตะโผล่เชื่อมโยงกับอาร์เซน่อล คิดว่าน่าจะมาจากฝั่งเอเยนต์ของนักเตะหรือทางต้นสังกัดแฟร้งค์เฟิร์ต Hand of Arsenal สายวงในอาร์เซน่อลจาก (X) บอกว่า อาร์เซนอลได้กำหนดให้ โจน การ์เซีย เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งในการเข้ามาแข่งขันแย่งตำแหน่งกับ ดาบิด รายา ในฤดูกาลหน้า มีรายงานว่าเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงปากเปล่ากันแล้ว และโจนถึงกับเก็บกระเป๋าเตรียมย้ายทีมในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ แต่ดีลกลับไม่เกิดขึ้น ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลยังคงติดต่อกับนักเตะอย่างต่อเนื่อง และแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า การ์เซียรู้สึกกระตือรือร้นกับโอกาสในการแข่งขันแย่งตำแหน่งกับผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมชาติของเขา แม้จะได้รับข้อเสนอจากสโมสรอื่นที่พร้อมให้เขาลงสนามเป็นตัวจริงทันที อย่างไรก็ตาม ดีลนี้หยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากอาร์เซนอลต้องใช้เวลาจัดการเรื่องแต่งตั้งผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ แต่ตอนนี้เรื่องดังกล่าวอยู่บนโต๊ะของ อันเดรีย แบร์ต้า อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเขาจะร่วมตัดสินใจกับผู้บริหารระดับสูงของสโมสรว่าจะเดินหน้าต่อในกระบวนการเจรจาและปิดดีล หรือหันไปหาตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่า ดูบอลสดฟรี
  17. ดูบอลสดฟรี หลังจากที่ได้เห็นทีมของเราชนะฟูแล่ม 2-1 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม มิเกล อาร์เตต้า ก็ถูกพาตัวไปยังห้องแถลงข่าวเพื่อตอบคำถามจากสื่อมวลชน เขาถูกถามเกี่ยวกับอิทธิพลของบูคาโย่ ซาก้า ที่เป็นคนทำประตูชัย รวมถึงอัปเดตอาการบาดเจ็บของกาเบรียล และการที่ยาคุบ คิวิออร์ ต้องก้าวขึ้นมารับหน้าที่เพิ่มเติมในทีม นี่คือทุกอย่างที่เขาได้กล่าวไว้: เกี่ยวกับการกลับมาของซาก้า: “ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่ได้เห็นว่าผู้คนรัก เคารพ และชื่นชมบูคาโย่มากแค่ไหน สิ่งที่เขาทำไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกเราเลย และตัวอย่างที่ดีที่สุดคือปฏิกิริยาของเขาหลังจากยิงประตูได้ ทันทีที่ทำประตู เขาไปขอบคุณทีมงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทีมวิทยาศาสตร์การกีฬา นักกายภาพ และทุกคนที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูร่างกายเพื่อให้เขากลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ผมคิดว่าเขายกระดับพลังงานในสนามขึ้นมา และมันยอดเยี่ยมมากที่มีเขากลับมาอีกครั้ง” เกี่ยวกับความรู้สึกของซาก้าหลังจบเกม: “เขาคิดบวกมาก ผมคิดว่าเกมแรกเสมอเป็นเกมที่สำคัญ เขาคงคิดว่า ‘ฉันจะรู้สึกยังไงนะ?’ เพราะต้องเจอกับคู่แข่งที่แตกต่างกัน ความต้องการและแรงกดดันที่ต่างออกไป แต่เขาจัดการกับมันได้ดีมาก แต่ข้อเสียคือ กาบี้ (กาเบรียล) และเยอร์เรียน (ทิมเบอร์) เราไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง เราจะประเมินอาการของพวกเขาในวันพรุ่งนี้เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ดียิ่งขึ้น” เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บเบื้องต้นของกาเบรียล: “พวกเขาเป็นสองนักเตะที่ไม่เคยอยากถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม กาบี้รู้สึกถึงอาการบางอย่างที่เอ็นหลังหัวเข่า เราไม่รู้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน ส่วนเยอร์เรียนก็ดูเหมือนจะมีปัญหาตั้งแต่ต้นเกมแล้ว เขาพยายามเล่นต่อไป แต่สุดท้ายก็เล่นไม่ไหว นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย” เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของทิมเบอร์: “เยอร์เรียนเป็นอาการที่หัวเข่า” เกี่ยวกับผลกระทบจากการขาดหายไปของทิมเบอร์และกาเบรียล: “ข้อดีคือ ฤดูกาลนี้เราเจอเรื่องแบบนี้มาตลอด คุณดูมาร์ติเนลลี่วันนี้สิ สามเดือนที่ไม่ได้ลงเล่น ซาก้าก็สี่เดือน เฆซุสแทบจะหายไปทั้งฤดูกาล แล้วเรายังสามารถอยู่ในจุดที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ได้ ทั้งที่มีอาการบาดเจ็บแบบนี้ เบน ไวท์ ยังไม่ได้มีส่วนร่วมเลยทั้งฤดูกาล แต่นี่แหละคือสิ่งที่มันเป็น เราต้องการมันมาก และเราจะทุ่มเทสุดตัว เราตื่นเต้นกับสัปดาห์หน้ามาก” เกี่ยวกับปัญหาอาการบาดเจ็บในแนวรับ: “ลองคิดดูว่าเราเสียกองหลังไปถึงสี่คนในหนึ่งสัปดาห์ - คาลาฟิโอริ, เบน ไวท์, เยอร์เรียน และกาบี้ มากัลเญส แต่เรายังมีอีกสี่คนที่มีความมุ่งมั่นและพร้อมจะทำหน้าที่ของตัวเอง” เกี่ยวกับปฏิกิริยาของซาก้าหลังยิงประตูต่อหน้าแซม วิลสัน: “ในฐานะผู้จัดการทีม ผมเป็นส่วนหนึ่งของสตาฟฟ์ เราทุกคนชอบการแสดงออกแบบนี้ เพราะมันไปไกลกว่าความเป็นมืออาชีพ มันเป็นความเชื่อมโยงที่จำเป็นมาก และเป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณต่อการทำงานหนักทั้งหมด ความเครียด และความรับผิดชอบที่พวกเขาต้องเผชิญ พวกเขาหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี และสิ่งที่พวกเขาทำจะส่งผลสำเร็จออกมา ดังนั้นผมจึงรู้สึกดีใจกับมันมาก” เกี่ยวกับความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะและทีมงาน: "นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอารมณ์และความรู้สึกถึงมีความสำคัญมาก เพราะคุณสามารถทำงานด้านร่างกายและความฟิตได้ทั้งหมด แต่คุณต้องเข้าใจนักเตะด้วย สี่เดือนเป็นเวลาที่ยาวนาน และมีช่วงเวลาที่เราต้องเดินทางไปแข่งแชมเปียนส์ลีก บางครั้งเราอยู่ที่นั่นสองวัน แต่นักเตะที่บาดเจ็บต้องอยู่เพียงลำพังที่สนามซ้อม ซึ่งมันไม่ง่ายเลย" เกี่ยวกับการกลับมายิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยมของมิเกล เมริโน่: "เป็นเรื่องดีที่เขามีความสามารถในการทำประตู มีสัญชาตญาณในการอ่านเกมและเคลื่อนที่ได้ถูกจังหวะ วันนี้เขายิงประตูในรูปแบบที่ต่างออกไป และเมื่อคุณขอให้เขาเล่นเป็นกองหน้า เขาก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เข้าใจจังหวะ ตำแหน่ง และบทบาทของตัวเอง ถือเป็นเรื่องดีมากที่มีนักเตะแบบนี้อยู่ในทีม ผมคิดว่าอีธานเองก็มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน มาร์ติเนลลี่ก็ยอดเยี่ยมมาก คุณเห็นได้เลยว่าเราคิดถึงเขามากแค่ไหน เพราะเขาเป็นภัยคุกคามและมีความมุ่งมั่นในเกมรุกทุกครั้งที่ได้บอล วันนี้มีหลายฟอร์มที่ดีมากๆ" เกี่ยวกับจำนวนอาการบาดเจ็บที่ทีมต้องเผชิญในฤดูกาลนี้: "โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะนักเตะที่บาดเจ็บหลายคนเป็นผู้เล่นสำคัญในตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญ ส่งผลกระทบต่อแนวรับทั้งหมด แต่เราก็มีข่าวดีมากมายเช่นกัน ดูมิเกล ดูอีธาน และนักเตะคนอื่นๆ ที่ก้าวขึ้นมาช่วยทีม มันคือสิ่งที่เราต้องจัดการให้ได้" เกี่ยวกับบทเรียนจากการบริหารจัดการอาการบาดเจ็บ: "บางครั้งคุณก็ต้องนั่งกุมขมับ ผมเองก็ต้องคิดเรื่องนี้ตลอดสำหรับเกมถัดไป แต่ในขณะเดียวกัน นี่เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเราทั้งโค้ชและทีมงานทุกคนในการรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ ท้ายที่สุดแล้ว นักเตะจะตอบสนองต่อสิ่งที่เราส่งต่อให้พวกเขา ถ้าคุณเริ่มรู้สึกสงสารตัวเองและคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราจะทำได้ยังไง มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เด็กๆ ในทีมไม่เคยทำให้เรารู้สึกแบบนั้นเลย และดูสิว่าเรามาถึงเดือนเมษายนได้อย่างไร" เกี่ยวกับยาคุบ คิวิออร์: "ข้อดีของยาคุบคือเขาเป็นนักเตะที่ไว้ใจได้เสมอ ทุกครั้งที่เราต้องการเขา เขาพร้อมเสมอ และเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก เราขอให้เขาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กฝั่งซ้าย ฝั่งขวา หรือแม้แต่แบ็กซ้าย เขาก็ทำได้หมด และเขายังยิ้มอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับกาบี้ที่บาดเจ็บ แต่ยาคุบเองก็อยากลงเล่นมาก และเขาจะทำได้ดีแน่นอน" เกี่ยวกับความพร้อมของคิวิออร์ในการเจอกับเรอัล มาดริด: "ถ้าคุณลองถามนักเตะในห้องแต่งตัวว่าพวกเขาอยากลงเล่นสองเกมถัดไปและเกมกับเรอัล มาดริดมากแค่ไหน เชื่อผมเถอะ ทุกคนอยากลงสนามกันทั้งนั้น" ดูบอลสดฟรี
  18. จริงๆ ก็ควรไม่ต้องลุ้นอะไร รูปเกมส์ค่อนข้างเหนือกว่าชัดเจน พอสกอร์นำ 2-0 ก็ควรจะปิดเกมส์ได้แบบสบาย แต่พอมาโดนตีไข่แตก ช่วงท้าย ทำให้หวาดเสียวเลย ข่าวดีคือการได้ บูกาโญ ซาก้ากลับมา แต่ข่าวร้ายคือการเสียกาเบรียลไป แถมทิมเบอร์ก็ดูมีปัญหา แล้วคิวิออร์จะต้องไปเจอกับเอ็มบัปเป้ ให้ตายเถอะ ภาพปีก่อนกับบาเยิร์นยังหลอน ที่เจอซาเน่เผา ดูแล้วกาเบรียลไม่น่าจะเล่นได้ทั้ง 2 เกมส์กับมาดริด แถมคาลาฟิออรีก็เจ็บไปด้วย
  19. PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 2 - 1 Fulham Tue 1 March 2025, 01.45 น. GOAL: 1-0 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 37, วาเนรี) 2-0 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 73, มาร์ติเนลลี่) 2-1 โรดริโก้ มูนิซ (นาทีที่ 90+4) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 ไม่มีจังหวะต้องออกแรงเซฟลูกยากอะไร หนักไปทางการเล่นบอลด้วยเท้า น่าเสียดายที่ราย่าอดได้คลีนซีตเพราะมาโดนตีไข่แตกในช่วงทดเจ็บ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 ต้องแบกภาระในแดนหลังเพิ่มมากขึ้น หลังจากคู่หูอย่างกาเบรียลเจ็บไปตั้งแต่ต้นเกมส์ ลูกกลางอากาศซาลิบาสามารถสกัดเอาไว้ได้หลายครั้ง กาเบรียล มากัลเญส: N/A เล่นไม่ได้แค่ 10 กว่านาที ก็มีปัญหาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว แล้วเหมือนกาเบรียลจะเจ็บที่แฮมสตริง ในจังหวะที่สปรินส์กลับไปเล่นเกมส์รับ มันสะเทือนไปถึงเกมส์กลางสัปดาห์หน้าที่จะเจอกับเรอัล มาดริด ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 7.0 กำลังเล่นด้วยความมั่นใจจริงๆ หลังจากไปทำผลงานได้ดีต่อเนื่องกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ การเคลื่อนที่ของไมล์ส มีประโยชน์ในการขยับรับส่งบอล อย่างการทำทางประตูแรกก็เริ่มจากเขา ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.0 ทิมเบอร์ยังคงเล่นได้ดีเช่นเคย ประตูแรกก็ต้องให้เครดิตกับการแทงบอลของเขาให้วาเนรีหลุดเข้าไปในเขตโทษด้วย ด้านเกมส์รับและจังหวะครองบอลก็ยังแน่นอน แต่ที่ต้องลุ้นคือเรื่องอาการบาดเจ็บของทิมเบอร์ที่ระหว่างเกมส์เขาลงไปนั่ง 2 หน โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 พี่หมึกมีลงไปช่วยซ้อนในพื้นที่ฝั่งขวาได้ดี 2 หนในครึ่งเวลาแรก กับจังหวะได้โต้กลับเร็ว ช่วง 15 นาทีสุดท้ายต้องไปเล่นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง เพราะเกมส์นี้ไม่มีเบน ไวท์ อยู่ข้างสนาม เดแคลน ไรซ์: 6.5 ประตูที่สองก็เริ่มจากไรซ์ที่ดักบอลได้ตรงกลางสนาม ไรซ์ก็ยังอยู่ในมาตรฐานการเล่นที่ดีของตัวเอง การสนับสนุนเกมส์รุกอาจไม่ไหลลื่นนัก แต่การถอยลงไปช่วยซ้อนในจังหวะทีมโดนโต้เร็ว ยังทำได้ดี มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (C) ครึ่งแรกน้ำหนักบอลจากเท้าของโอเดการ์ด ดูจะขาดๆ เกินๆ เป็นส่วนใหญ่ทำให้เขาสร้างอิมแพ็คในแดนสุดท้ายไม่ได้มาก ครึ่งหลังอาจดูกระเตื้องขึ้นนิดหน่อย แต่ภาพรวมก็ไม่ใช่เกมส์ที่ดีของโอเดการ์ด กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.5 พยายามจะใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการเอาชนะในการดวลตัวต่อตัวกับแบ็คของฟูแล่ม ซึ่งมาร์ตี้ก็เผาคาสตาเญ่ได้อยู่เรื่อยๆ แล้วมาร์ตี้เป็นคนสะกิดบอลแอสซิทให้ซาก้ายิงประตูที่สอง ถือเป็นเกมส์ที่เขาเล่นได้เด่น อีธาน วาเนรี: 6.5 มีส่วนในจังหวะที่ทีมได้ประตูแรก ที่เป็นเขาที่วิ่งทะลุหลังไลน์เขาเปิดบอลกลับมาให้เมริโน่ทำประตู ครึ่งแรกถือว่าวาเนรีมีบทบาทกับเกมส์อยู่พอสมควร แต่ครึ่งหลังอาจจะดูหายไปจากเกมส์สักหน่อย มิเกล เมริโน่: 7.0 ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้ยืนในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าต่อไป แม้ว่าบรรดาแนวรุกเริ่มทยอยหายเจ็บกลับมา ครึ่งแรกแม้จะมีบทบาทไม่มาก แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เป็นเมริโน่ที่ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จ ครึ่งหลังมีโอกาสบวกเพิ่มด้วย แต่ลูกยิงของเมริโน่ถูกสกัดเอาไว้ได้หวุดหวิด รวมถึงส่วนร่วมกับเกมส์ก็ดูมีมากขึ้น ตัวสำรอง: ยาคุบ คิวิออร์: 6.0 (นาทีที่ 15, กาเบรียล) การมาแทนกาเบรียล ทางคิวิออร์ก็ทำได้โอเคเป็นส่วนใหญ่ จะมีพลาดชัดเจนก็ที่ไปเจอตราโอเร่ฉกบอลไป หวิดทำทีมเสียประตู บูคาโญ ซาก้า: 7.0 (นาทีที่ 66, วาเนรี) หายไปนานร่วม 3 เดือนในที่สุดซาก้าก็หายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้ แล้วเขาใช้เวลาแค่ 7 นาทีในการโขกประตูให้ทีมนำห่าง 2-0 เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 (นาทีที่ 77, ทิมเบอร์) ดูบอลสดฟรี
  20. ดูบอลสดฟรี บทความโดย: แจ็ค แลง (ดิแอธเลติก) มีเหตุผลมากมายให้ตื่นเต้นกับวิคเตอร์ โยเคเรส เครื่องจักรผลิตประตูจากสวีเดน ซึ่งเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดนอก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป อย่างแรกและที่ชัดเจนที่สุดก็คือตัวเลข—มันเหลือเชื่อจนแทบไม่อยากเชื่อสายตา โยเคเรสทำไปแล้ว 85 ประตูจาก 91 นัดในทุกรายการให้กับสปอร์ติง ลิสบอน นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 แค่นั้นก็น่าทึ่งพอแล้ว แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าคือเขากำลังเร่งเครื่องขึ้นไปอีก: 42 ประตูจาก 42 นัดในฤดูกาลนี้ บวกกับอีก 12 ประตูจาก 12 นัดให้กับทีมชาติสวีเดน โดยเฉลี่ยแล้ว ในฤดูกาล 2024-25 เขาทำประตูได้ทุก ๆ 76 นาทีให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ตัวเลขเหล่านี้ก็เหลือเชื่อจนมองข้ามไม่ได้เลย ไม่น่าแปลกใจที่ผลงานของเขาจะได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่องในโปรตุเกส "เขาคือปรากฏการณ์" รูอิ บอร์เกส กุนซือของสปอร์ติงกล่าว หลังจาก โยเคเรสทำสองประตูใส่คาซา เปียเมื่อต้นเดือนนี้ "เขามีทุกอย่าง: คุณภาพทางเทคนิค พละกำลัง ความเฉียบขาด มันน่าประทับใจจริง ๆ เขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดที่เคยเล่นในลีกของเรา" ก่อนเกมที่พบกับเขาในวันเสาร์ เฟร์โร กองหลังของเอสเตรล่า ดา อมาโดร่า ถึงกับบอกว่า "วิธีเดียวที่จะหยุดเขาได้คือใช้ยาวิเศษ" แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหายานั้นมาไม่ได้ เพราะโยเคเรสยิงสองประตูจากจุดโทษ และทำอีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมที่ชนะ 3-0 "เขาเป็นนักเตะที่พิเศษ สนุกมากที่ได้ดูเขาเล่น" บอร์เกสกล่าวหลังจบเกม ภาพรวมของเขามีแต่สิ่งดี ๆ และสำหรับแฟน ๆ อาร์เซนอล ที่กำลังตื่นเต้นกับข่าวว่าสโมสรให้ความสนใจในตัวกโยเคเรสก่อนตลาดซัมเมอร์ ก็มีเหตุผลมากมายให้มองโลกในแง่ดี สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เขาจะเป็นตัวเลือกที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และมอบบางสิ่งที่กองหน้าของอาร์เซนอลในปัจจุบันไม่มี แม้ว่าจะฟิตสมบูรณ์และพร้อมลงเล่นก็ตาม ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เชซุส และเลอันโดร ทรอสซาร์ ต่างมีจุดแข็งของตัวเอง แต่พละกำลังที่ดุดันไม่ใช่หนึ่งในนั้น โยเคเรสในฟอร์มที่ดีที่สุดคือเหมือน "ม้าป่า" เขาสามารถเร่งสปีดหนีแนวรับได้ แต่ก็ดูจะพอใจไม่แพ้กันหากต้องบดขยี้กองหลังก่อนพุ่งเข้าหาประตู เขาสร้างปัญหาให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามได้เสมอ แม้จะเล่นเป็นกองหน้าตัวเดียวก็ตาม โยเคเรสมีเป้าหมายเดียวในใจเมื่อพูดถึงการทำประตู แม้ว่าเขาจะทำแอสซิสต์ได้ไม่น้อย—16 ครั้งในลีกสูงสุดของโปรตุเกสนับตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้ว—แต่นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้จากสไตล์การเล่นที่ดุดันของเขา เมื่อเขาได้บอลในพื้นที่สุดท้าย เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียว “โยเคเรสต้องการพุ่งตรงไปที่ประตู” ปีเตอร์ คิสฟาลูดี หนึ่งในโค้ชเยาวชนของเขาในสวีเดน เคยบอกกับ The Athletic เมื่อปีที่แล้ว “เขาไร้ความปรานีโดยสิ้นเชิง” นอกจากนั้น เขายังหมกมุ่นกับการทำประตูอย่างมาก “บางครั้งเขาจะเริ่มกระวนกระวายในสนามถ้าเขายังยิงไม่ได้” เปโดร กอนคาลเวส มิดฟิลด์ของสปอร์ติงเคยบอกกับหนังสือพิมพ์ A Bola ในเดือนธันวาคม “เขารู้สึกว่าเขาต้องยิงให้ได้เสมอ” ไม่แปลกเลยที่โยเคเรสยกให้คริสเตียโน โรนัลโดเป็นหนึ่งในไอดอลของเขา การเล่นเพื่อทีมเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อพูดถึงกองหน้า บางครั้งต้องยึดคติแบบกอร์ดอน เก็กโก (ตัวละครใน Wall Street) ว่า "ความโลภนั้นดี" นั่นคือเหตุผลที่บอร์เกสอธิบายโยเคเรสว่าเป็นนักเตะที่ “ทะเยอทะยานและแข่งขันสูง” เส้นทางอาชีพของเขาอาจเป็นตัวหล่อหลอมทัศนคติแบบนี้ โยเคเรสคงคิดว่าเขาใกล้จะก้าวเข้าสู่เวทีใหญ่เมื่อเซ็นสัญญากับไบรท์ตันในวัย 19 ปี แต่เขากลับไม่ได้รับโอกาสที่คาดหวังไว้ การยืมตัวไปยังซังต์ เพาลี, สวอนซี ซิตี้ และโคเวนทรี ซิตี้ ก็ไม่ได้สร้างความฮือฮา แต่เมื่อเขาย้ายไปโคเวนทรีแบบถาวร นั่นคือจุดที่เขาเริ่มฉายแวว เขาจะอายุ 27 ปีในเดือนมิถุนายน และดูเหมือนว่าเขาต้องการชดเชยเวลาที่เสียไป อย่างไรก็ตาม เขาก็มีจุดอ่อนในเกมของเขาเช่นกัน เขาไม่ได้คล่องตัวที่สุดเมื่อต้องเล่นในพื้นที่แคบ ความเร็วของเขาช่วยกลบจังหวะสัมผัสบอลที่ไม่แน่นอนเป็นบางครั้ง แม้จะมีร่างกายที่สูงใหญ่ แต่เขาไม่ได้โดดเด่นในลูกกลางอากาศ จาก 68 ประตูล่าสุดที่ทำให้กับสปอร์ติงและสวีเดน มีเพียงลูกเดียวที่มาจากการโหม่ง ถึงแม้ว่าปัญหานี้จะเกี่ยวข้องกับแท็กติกพอ ๆ กับเทคนิค สำหรับสปอร์ติง โยเคเรสมักได้รับมอบหมายให้สร้างโอกาสด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการวิ่งจากด้านในออกไปทางปีกซ้ายหรือขวา ซึ่งได้ผลดีจนเรียกได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา มีตัวอย่างให้เห็นอยู่หลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือประตูที่สองจากแฮตทริกที่เขาทำได้ในเกมพบโบอาวิสต้าเมื่อเดือนมีนาคม 2024 หลังจากการแย่งบอลกันในแดนกลาง ดาเนียล บรากันซา ของสปอร์ติง เปิดบอลออกทางซ้ายให้ นูโน่ ซานโตส ที่เติมเกมขึ้นมา ขณะนั้นโยเคเรสอยู่ค่อนไปทางขวา แต่เมื่อเห็นโอกาส เขาก็ออกตัววิ่งตัดแนวรับด้วยความเร็ว ไม่มีช่องให้ซานโตสจ่ายทะลุช่องตรงกลาง โยเคเรสจึงยังคงวิ่งต่อไป ผ่านเซ็นเตอร์แบ็กตัวที่สอง กระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีมส่งบอลไปยังพื้นที่ว่างทางริมเส้น เมื่อรับบอลได้ โยเคเรสอยู่ในเขตโทษของโบอาวิสต้าแล้ว เขาไม่รอช้า เผชิญหน้ากับกองหลังตรงหน้า ตัดเข้าด้านใน และพุ่งตรงเข้าหาประตู ในจังหวะนี้ การตบกลับให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่โยเคเรสมีสายตาจับจ้องที่เป้าหมายเพียงอย่างเดียว และซัดเต็มข้อส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกล ทำให้สปอร์ติงนำ 3-1 ตัวอย่างที่สองคือประตูของโยเคเรสในเกมตัดเชือก Taça de Portugal ที่สปอร์ติงเอาชนะเบนฟิก้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มันเกือบจะเป็นภาพสะท้อนของประตูก่อนหน้า โดยคราวนี้การโจมตีเริ่มจากฝั่งตรงข้าม เจนี่ คาตาโม เงยหน้าขึ้นมองและเห็นโยเคเรสเร่งสปีดเข้าสู่พื้นที่ว่างด้านหลังแบ็กซ้ายของเบนฟิก้า คาตาโมจ่ายบอลสุดเฉียบด้วยอุ้งเท้าซ้าย โค้งพุ่งเข้าหาทิศทางของโยเคเรส ซึ่งทิ้ง นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไว้ข้างหลังเรียบร้อย โอตาเมนดี้ พยายามเร่งความเร็วเพื่อไล่ตาม และมาทันจังหวะที่โยเคเรสกำลังแตะบอลแรกพอดี หลายคนอาจคาดว่ากองหน้าสวีดิชจะชะลอเกม เก็บบอลไว้แล้วรอเพื่อนเติมขึ้นมา แต่ไม่เลย โยเคเรสยอมรับแรงปะทะ ปัดโอตาเมนดี้กระเด็น และเร่งสปีดพุ่งผ่านเขาลงไปริมเส้น ก่อนมีเวลาตัดเข้าใน แล้วซัดเรียดเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด ตัวอย่างที่สามมาจากเกมพบคาซา เปียเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากแนวรับของสปอร์ติงจัดการเกมบุกของคู่แข่ง มอร์เท่น ยูลมันด์ กัปตันทีมชำเลืองมองขึ้นไป เห็นโยเคเรส และจัดการวางบอลโด่งขึ้นหน้าแบบวัดใจโยเคเรสเริ่มต้นวิ่งจากเส้นกลางสนาม ก่อนรับบอลที่ริมเส้นฝั่งซ้าย มีเพื่อนร่วมทีมสองคนวิ่งสอดขึ้นมาสร้างทางเลือกในการจ่าย แต่โยเคเรสไม่สนใจ เขาหักเข้าใน ดวลตัวต่อตัวแบบไม่เกรงกลัว และสุดท้ายก็แตะหนีแนวรับ ก่อนอัดบอลเต็มข้อเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับประตูเหล่านี้—รวมถึงอีกนับไม่ถ้วนที่คล้ายกัน—ไม่ใช่เพียงแค่ความฉลาดในการวิ่งทำทาง มันไม่ได้เป็นการเคลื่อนที่ระดับอัจฉริยะ และการจบสกอร์ก็ไม่ได้ดูสวยงามเป็นพิเศษ สิ่งสำคัญจริง ๆ คือความสามารถในการพึ่งพาตัวเองของโยเคเรสในฐานะกองหน้า เขามีศักยภาพในการเปลี่ยนสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ให้กลายเป็นโอกาสทำประตูได้ด้วยตัวเอง นี่แหละที่ควรทำให้แฟน ๆ อาร์เซนอลตื่นเต้น เพราะไม่ต้องใช้ความจำมากนักก็สามารถนึกภาพได้ว่า กาเบรียล เชซุส, ไค ฮาแวร์ตซ์ หรือเลอันโดร ทรอสซาร์ เคยรับบอลในพื้นที่คล้ายกันนี้ แต่กลับโดนแนวรับเบียดจนเสียการครองบอล หรืออย่างน้อยก็ต้องคืนบอลกลับหลัง แน่นอนว่ามีปัจจัยที่ต้องพิจารณา หนึ่งในนั้นคือ พรีเมร่า ลีกา โปรตุเกส ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพรีเมียร์ลีก อีกปัจจัยคือ อาร์เซนอลแทบไม่ได้เล่นเกมสวนกลับ และแทบไม่เคยได้รับพื้นที่ว่างมากขนาดตัวอย่างที่เห็นในเกมของโยเคเรส คำถามที่สำคัญคือ เขาจะทำประตูได้มากขนาดนี้ไหม หากต้องเจอกับแนวรับที่ตั้งลึก? เขาจะยังใช้พละกำลังบดขยี้กองหลังพรีเมียร์ลีกได้เหมือนที่ทำในโปรตุเกสหรือเปล่า? และถ้าทำไม่ได้ ความได้เปรียบที่เขามีเหนือฮาแวร์ตซ์หรือกองหน้าคนอื่น ๆ จะหายไปหรือไม่? นี่คือคำถามที่อาร์เซนอล—หรือทุกสโมสรที่สนใจ—ต้องพิจารณา แต่สิ่งหนึ่งที่แทบจะแน่นอนคือ ตัวเลขผลงานของโยเคเรสหนักแน่นเกินกว่าที่สโมสรใดจะมองข้าม และไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีทีมที่ให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองในระดับที่สูงขึ้น ดูบอลสดฟรี
  21. ดูบอลสดฟรี บทความโดย เจมส์ แมคนิโคลัส (ดิแอธเลติก) การทำงานร่วมกับดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อาจเป็นการเตรียมตัวที่สมบูรณ์แบบสำหรับบทบาทใหม่ของอันเดรีย แบร์ตา ในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซนอล แบร์ตา ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุ้นเคยกับการร่วมงานกับผู้จัดการทีมที่มีความต้องการสูงและมีอำนาจมากมาย ซิเมโอเน่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งกุนซือของแอตเลติโก มาดริด มานานกว่า 13 ปีครึ่ง เป็นโค้ชที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในโลก แน่นอนว่าบทบาทของเขาในการตัดสินใจเรื่องการสร้างทีมมีความสำคัญอย่างมาก และแบร์ตามีประสบการณ์หลายปีในการเรียนรู้ว่าควรบริหาร จัดการ หรือโต้แย้งในช่วงเวลาไหน แม้ว่าอาร์เตต้ายังไม่ได้ประสบความสำเร็จถึงระดับเดียวกับซิเมโอเน่ แต่อิทธิพลของเขาที่อาร์เซนอลก็ถือว่าใกล้เคียงกัน บทบาทของแบร์ตาจะครอบคลุมความรับผิดชอบที่หลากหลาย แต่ส่วนสำคัญของงานก็คือการสร้างทีมให้เป็นไปตามแนวทางที่อาร์เตต้ากำหนด อาร์เซนอลไม่เคยมองเรื่องนี้แบบนั้น นับตั้งแต่ที่อาร์เตต้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมในปี 2020 โครงสร้างของสโมสรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขายืนยันชัดเจนว่าเอดูไม่ใช่หัวหน้าของอาร์เตต้า และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ก็จะไม่ใช่เช่นกัน สโมสรมองว่าบทบาทของผู้อำนวยการกีฬาและผู้จัดการทีมเป็นความร่วมมือกัน และเคมีระหว่างอาร์เตต้ากับผู้ที่ได้รับเลือกจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ มีบุคลากรภายในสโมสรที่ถูกพิจารณา นั่นคือ เจสัน ไอโต้ รองของเอดู อดีตแมวมองผู้นี้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการกีฬา และได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราว กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งทำให้ไอโต้มีบทบาทสำคัญในการประสานงานเรื่องต่าง ๆ เช่น ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม และการแต่งตั้งผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงคนใหม่ แม้ว่าอาร์เซนอลจะเชื่อมั่นในความสามารถของไอโต้เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ต้องการดำเนินกระบวนการสรรหาจากภายนอกอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ พวกเขาทำงานร่วมกับบริษัทจัดหางาน ซึ่งเป็นผู้นำในขั้นตอนแรกของกระบวนการ โดยเริ่มจากการระบุผู้สมัครที่มีศักยภาพและคัดกรองรายชื่อให้แคบลง อาร์เซนอลมองหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่โดยเฉพาะ เพื่อเข้ามารับผิดชอบบทบาทเดิมของเอดูโดยตรง ไม่ได้มีการพูดถึงการกลับไปใช้ตำแหน่ง "ผู้อำนวยการเทคนิค" หรือบทบาทที่ลดขอบเขตลงแต่อย่างใด นี่เป็นตำแหน่งที่ดึงดูดใจอย่างมาก ทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอลเป็นหนึ่งในทีมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกฟุตบอล งานหลักของการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น—หรือที่เอดูเรียกว่า “การล้างทีม” นั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ตอนนี้หน้าที่หลักคือการรักษาสมดุลและพัฒนาทีมให้ดีขึ้นไปอีก ความน่าสนใจของการทำงานกับอาร์เซนอล—ในลอนดอน ที่สนามแข่งระดับโลก ด้วยงบประมาณของพรีเมียร์ลีก และได้ร่วมงานกับผู้จัดการทีมที่ได้รับการยกย่อง—เป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลบางประการ แคนดิเดตบางคนแสดงความไม่แน่ใจ—ไม่ว่าถูกหรือผิด—ว่าการเข้าร่วมอาร์เซนอลอาจหมายถึงการเป็นเพียงผู้ช่วยของอาร์เตต้า สำหรับผู้ที่มาจากวัฒนธรรมที่ผู้อำนวยการกีฬามีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจ นี่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา แต่นั่นก็สะท้อนถึงความน่าสนใจของอาร์เซนอลที่แม้แต่แคนดิเดต มีข้อกังวลก็ยังพร้อมจะพิจารณาตำแหน่งนี้ ในช่วงแรกมีการหารือเกี่ยวกับแคนดิเดตหลายคนจากลีกยุโรป บางคน เช่น โรแบร์โต้ โอลาเบ แห่งเรอัล โซเซียดาด เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในวงการฟุตบอลและเหมาะสมกับตำแหน่งนี้โดยธรรมชาติ ขณะที่บางคน เช่น โทมัส โรซิคกี้ อาจมีประสบการณ์น้อยกว่า แต่ก็มีชื่อเสียงที่กำลังเติบโตและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสโมสร โอลาเบดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งนี้จากผลงานของเขากับ เรอัล โซเซียดาด อย่างไรก็ตาม เขาได้ให้คำมั่นกับสโมสรในลาลีกาว่าจะโฟกัสอยู่กับทีมจนถึงช่วงซัมเมอร์ ซึ่งทำให้ช่วงเวลานั้นไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่ออาร์เซนอลต้องการแต่งตั้งผู้บริหารถาวรก่อนตลาดซื้อขายนักเตะเปิด อันเดรีย แบร์ตา กลายมาเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งเมื่อเขาออกจากแอตเลติโก มาดริด ในช่วงต้นเดือนมกราคม หลังจากทำงานในเมืองหลวงของสเปนมานาน 12 ปี เขาพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง การเข้ามาของ การ์ลอส บูเซโร ในเดือนมกราคม 2024 ในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารฝ่ายฟุตบอลของแอตเลติโก ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับโครงสร้างสโมสร และหนึ่งปีต่อมา แบร์ตาก็ประกาศอำลาตำแหน่ง แบร์ตาวัย 53 ปี ตั้งใจจะใช้เวลาช่วงต้นปี 2025 ในอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเขา ก่อนจะพิจารณาย้ายมาทำงานในพรีเมียร์ลีก และตลอดกระบวนการสัมภาษณ์ เขาชัดเจนเสมอว่า อาร์เซนอลเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของเขา ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจากบริษัทจัดหางานเข้าสู่รอบสุดท้ายมีเพียงไม่กี่คน ขั้นแรกพวกเขาต้องเข้าพบ ทิม ลูอิส รองประธานกรรมการบริหารของอาร์เซนอล, ริชาร์ด การ์ลิค และอาร์เตต้า แดน แอชเวิร์ธ อดีตผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในตัวเต็ง เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับการ์ลิค เนื่องจากเคยร่วมงานกันที่เวสต์บรอม อย่างไรก็ตาม แอชเวิร์ธถอนตัวออกจากกระบวนการสรรหาเพื่อแสวงหาโอกาสอื่น ติอาโก้ สกูโร ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในรอบสุดท้าย เขาเคยเป็นผู้อำนวยการกีฬาของโมนาโกก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอ และถูกมองว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์กว้างขวาง สุดท้าย อาร์เซนอลต้องเลือกระหว่าง เจสัน ไอโต้ และ อันเดรีย แบร์ตา—ระหว่างความต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลง ทั้งสองคนได้เข้าพบ จอช โครเอนเก้ ประธานร่วมของสโมสร แม้ว่าเจ้าของสโมสรจะมีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหาตลอด แต่ในช่วงสุดท้าย จอชบินมายังอังกฤษเพื่อมีบทบาทอย่างจริงจังมากขึ้น สุดท้าย ฝ่ายบริหารยอมรับคำแนะนำของสโมสร: แบร์ตา ได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของอาร์เซนอล มุมมองของอาร์เตต้ามีน้ำหนักอย่างมากในการตัดสินใจครั้งนี้ เมื่อได้มีส่วนร่วมในช่วงสุดท้ายของกระบวนการ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลสนับสนุนการแต่งตั้งแบร์ตา อย่างไรก็ตาม การเลือกแบร์ตาได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ซับซ้อนทางการเมืองภายในสโมสร เนื่องจากไอโต้ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ ขณะที่ข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงของแบร์ตากับอาร์เซนอลเริ่มแพร่สะพัด สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้ยิ่งเปราะบางขึ้นคือ อาร์เซนอลต้องการให้ไอโ้อยู่กับสโมสรต่อไปในระยะยาว เขาเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับตำแหน่งนี้ และสโมสรก็ต้องการรักษาความสามารถของเขาไว้ อย่างไรก็ตาม โปรไฟล์ที่สูงขึ้นของไอโต้ทำให้เขาได้รับความสนใจจากที่อื่น และสถานการณ์นี้ยังไม่สามารถสรุปได้ สุดท้าย สโมสรเลือกแบร์ตาเพราะประสบการณ์และชื่อเสียงของเขา พวกเขามองว่าแบร์ตาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของอาร์เซนอลในตลาดนักเตะ ผู้บริหารชาวอิตาลีรายนี้มีเครือข่ายกว้างขวางในหมู่เอเยนต์ระดับสูงของยุโรป ประสบการณ์ของเขากับแอตเลติโก มาดริดจะนำมุมมองที่แตกต่างมาสู่อาร์เซนอลในช่วงเวลาสำคัญของโปรเจกต์—ช่วงที่ทีมชุดใหญ่กำลังพยายามก้าวไปสู่ขั้นตอนที่ห้าของแผนพัฒนาของอาร์เตต้า ซึ่งก็คือการคว้าแชมป์รายการใหญ่ แบร์ตาเคยช่วยให้แอตเลติโกคว้าแชมป์ลาลีกาสองสมัย และผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกสองครั้ง ก่อนที่การแต่งตั้งของเขาจะประกาศอย่างเป็นทางการ แบร์ตาได้เริ่มทำความรู้จักกับทีมงานที่มีอยู่ของอาร์เซนอลแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นนักสื่อสารที่ดีในภาษาอิตาลีและสเปน แต่ภาษาอังกฤษของเขายังต้องพัฒนาอีกมาก นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไอโต้ ซึ่งพูดได้หลายภาษา อาจเข้ามาช่วยเชื่อมโยงระหว่างแบร์ตากับฝ่ายต่าง ๆ ของสโมสร โดยเฉพาะในรายละเอียดของการเจรจาต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่าในช่วงแรก แบร์ตาจะต้องพึ่งพาการสนับสนุนจาก เจมส์ คิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการฟุตบอลของอาร์เซนอล และเจมส์ เอลลิส หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะเป็นอย่างมาก แผนปัจจุบันคือให้แบร์ตาเข้ามาทำงานเพียงลำพังและร่วมงานกับทีมสรรหานักเตะที่มีอยู่ของอาร์เซนอล—ซึ่งรวมถึงไอโต้ด้วย หากเป็นไปได้ และหากแบร์ตายึดตามแผนที่วางไว้ งานเตรียมการสำหรับตลาดซัมเมอร์ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาย่อมมีมุมมองของตัวเองเกี่ยวกับนักเตะ ซึ่งอาจทำให้แผนการบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป แม้แฟนบอลจะกังวลเกี่ยวกับความล้มเหลวล่าสุดในการเสริมแนวรุก แต่การระบุและซื้อตัวนักเตะของอาร์เซนอลตั้งแต่ปี 2021 ถือว่าทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่ งานของเอดูได้รับการยกย่องอย่างสูง อาร์เซนอลไม่ต้องการรื้อโครงสร้างที่เอดูสร้างขึ้นเพียงเพราะการเปลี่ยนตัวบุคลากร อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งในลักษณะนี้มักจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมื่อเอดูเข้ามาในปี 2019 ก็มีการยกเครื่องแผนกแมวมองของสโมสรอย่างสิ้นเชิง แม้อาร์เซนอลจะยังไม่มีแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในตอนนี้ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่าแบร์ตาจะเข้ากับทีมที่มีอยู่ได้ดีแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างแบร์ตากับอาร์เตต้า ในอดีต แบร์ตาเคยร่วมงานกับโค้ชที่มีความเข้มงวดสูงอย่างซิเมโอเน่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาแม้จะมีความตึงเครียดเป็นระยะ แต่ก็ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด อาร์เซนอลก็คงหวังให้ความร่วมมือครั้งใหม่นี้นำไปสู่ผลลัพธ์ในลักษณะเดียวกัน ดูบอลสดฟรี
  22. ดูบอลสดฟรี ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวดังจาก BBC รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล ยังไม่ปิดโอกาสที่ บูกาโญ ซาก้า ปีกขวาตัวเก่ง จะกลับมามีชื่อในเกมส์กับฟูแล่ม ในวันอังคารหน้า หลังจากซาก้า กลับมาลงสนามซ้อมได้แล้ว โดยเขาพักยาวมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Hand of Arsenal สายข่าววงในของอาร์เซน่อล ได้เผยผ่านทาง (X) ว่า สโมสรต้องการให้ซาก้า ประกาศการกลับมาของเขาเอง เพื่อไม่ให้มีการสปอยล์ล่วงหน้า แผนคือพยายามให้เขามีส่วนร่วมในเกมก่อนพบมาดริดให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เดวิด ออร์นสตีน ได้ตอบคำถามใน The Athletic เกี่ยวกับข่าวลือที่เชื่อมโยงมาร์ติน ซูบิเมนดีกับเรอัล มาดริด "โดยไม่ต้องการลดความน่าเชื่อถือของรายงานจากแหล่งอื่น ส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ "อาร์เซนอลคาดหวังว่าซูบิเมนดีจะย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ ผมไม่รู้ว่ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือไม่ แต่พวกเขาทำงานบนสมมติฐานว่าเขาจะเข้ามาเป็นเวลานานแล้ว และใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ดีลนี้มาถึงจุดนี้—ตั้งแต่สมัยที่เอดูยังดำรงตำแหน่ง และต่อมาหลังจากที่เจสัน ไอโตเข้ามารับหน้าที่ชั่วคราว" "อันเดรีย แบร์ตาจะเริ่มงานเร็ว ๆ นี้ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งถาวรของเอดู ดังนั้นเราหวังว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้และประเด็นอื่น ๆ ในไม่ช้า" ส่วนในกรณีของ โจน การ์เซีย ทางออร์นสตีน ตอบคำถามว่า "อาร์เซนอลได้ศึกษาข้อมูลของโจน การ์เซียอย่างละเอียด เนื่องจากมิเกล อาร์เตต้าต้องการให้เขาเป็นมือสองรองจากดาบิด รายา และจากสิ่งที่เราได้ยินมา การ์เซียก็เปิดกว้างสำหรับการย้ายมาร่วมทีม อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่ทราบว่ามีการตกลงกันเสร็จสิ้นหรือไม่ และจนกว่าจะถึงตอนนั้น ดีลนี้ก็ยังเปิดอยู่" Dharmesh Sheth นักข่าวจากสกายสปอร์ต ให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวที่เรอัล มาดริด ขยับเข้ามาหา มาร์ติน ซูบิเมดนี้ ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเขากำลังจะย้ายมาอาร์เซน่อลค่อนข้างจะแน่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ เขากล่าวว่า: "ผมบอกได้เลยว่ามาร์ติน ซูบิเมนดีย้ายไปอาร์เซนอลแทบจะเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ถ้าย้อนกลับไปดูช่วงตลาดซัมเมอร์ ลิเวอร์พูลเกือบจะได้ตัวเขาไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย—หรืออาร์เซนอลเข้ามาแทรกแซงในช่วงท้าย?" "เป็นตัวเขาเองที่เปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย และมันทำให้เราสงสัยว่าอาร์เซนอลอาจจะเข้ามาพูดคุยและบอกว่า ‘ตอนนี้เรายังดึงคุณมาไม่ได้ แต่เราอยากได้คุณมากจริงๆ มิเกล อาร์เตต้ารู้จักเขาเป็นอย่างดี และบางทีซูบิเมนดีอาจคิดว่า ‘ผมขอรอเวลาอีกสักหน่อย เพราะจริงๆ แล้วผมอยากย้ายไปอาร์เซนอล’" Jacob Ben อาร์เซนอลได้เจรจากับตัวแทนของมาร์ติน ซูบิเมนดีอย่างกว้างขวาง โดยการเจรจาอยู่ในขั้นตอนที่คืบหน้าแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปสมบูรณ์ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงในหลักการเกี่ยวกับโครงสร้างค่าเหนื่อยและโบนัสแล้ว ยูฟ่าได้แต่งตั้ง "ผู้ตรวจสอบด้านจริยธรรมและวินัย" เพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ "พฤติกรรมไม่เหมาะสม" ของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คีเลียน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์ และ ดานี่ เซบาญอส ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องการแสดงท่าทางที่ผู้เล่นแสดงออกต่อแฟนบอลแอตเลติโก มาดริด แต่ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าการสอบสวนและกระบวนการทางวินัยที่อาจเกิดขึ้นจะเสร็จสิ้นทันเวลาสำหรับเกมรอบก่อนรองชนะเลิศของเรอัล มาดริดกับอาร์เซนอลในเดือนหน้าหรือไม่ อาร์เซนอลกำลังเข้าใกล้ข้อตกลงสัญญาใหม่กับอีธาน นวาเนรี แหล่งข่าวบอกกับ Football Insider ว่าการเจรจาระหว่างทุกฝ่ายคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยมีรายงานว่านวาเนรี "มีความสุขมาก" กับอาร์เซนอล และการเจรจาสัญญาเป็นไปอย่าง "ราบรื่น" อาร์เซน่อล ทีมหญิง ที่พลิกสถานการณ์เอาชนะเรอัล มาดริด 3-2 หลังจากตกเป็นรองด้วยสกอร์ 0-2 ในเลกแรก จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับโอลิมปิก ลียง ส่วนอีกคู่บาร์เซโลน่า จะพบกับเชลชี อีกหนึ่งตัวแทนจากอังกฤษ เดแคลน ไรซ์ มีชื่อเขาชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ประจำเดือนมีนาคม ดูบอลสดฟรี
  23. ระยะยาว Model ฟุตบอลเราก็คงจะเหมือนกับลิเวอร์พูล ที่ต้องอยู่ด้วยรายได้ที่สโมสรเป็นคน Generate ออกมาได้ หรือเรียกว่าให้ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ทาง KSE ก็คงไม่ได้อัดฉีดเงินเข้ามาเหมือนตอนเริ่มโปรเจ็กต์ Rebuild ด้วยผลงานและมาตรฐานของทีมในตอนนี้ การได้เล่นแชมเปี้ยนลีกแบบต่อเนื่อง และเป็นทีมระดับลุ้นแชมป์ มันช่วยเรื่องการเงินได้เยอะ ทั้งจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอด รายได้จากตั๋วเข้าชมเกมส์ ทิศทางของอาร์เซน่อล มันเห็นแล้วว่ากำลังไปได้สวย จะขาดก็แค่เมเจอร์โทรฟี่มามอบให้กับแฟนบอลเท่านั่นแหละ
  24. ดูบอลสดฟรี The Athletic ได้แต่งตั้ง คริส วิทเธอร์สปูน เป็นนักเขียนด้านการเงินฟุตบอลโดยเฉพาะเป็นครั้งแรก เขาเป็นนักบัญชีชาร์เตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและจะใช้ทักษะของเขาในฐานะ The BookKeeper เพื่อสำรวจเรื่องเงินเบื้องหลังวงการฟุตบอล โดยเขาเริ่มต้นด้วยซีรีส์วิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์นี้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คริส รวมถึงเสนอแนวคิดให้เขา และดูบทความสองชิ้นแรกของเขาที่วิเคราะห์งบการเงินของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การกลับมาสู่จุดสูงสุดของอาร์เซนอล อาร์เซนอลกลับมาสู่เวทีสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้งหลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุด—แทบไม่มีใครที่เคยชมทีม "Invincibles" อันโด่งดังของฤดูกาล 2003-04 จะคาดคิดว่านั่นจะเป็นแชมป์ลีกสุดท้ายของ อาร์แซน เวนเกอร์ อย่างไรก็ตาม ฟุตบอล—โดยเฉพาะฟุตบอลอังกฤษ—ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากนับตั้งแต่ยุคของ เธียร์รี อองรี, เดนนิส เบิร์กแคมป์ และโรแบร์ ปิแรส ในด้านการเงิน อาร์เซนอลต้องเผชิญกับความมั่งคั่งที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดของ เชลซี และต่อมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นสองทีมคู่แข่งที่สร้างยุคแห่งความสำเร็จบนเวทีในประเทศขึ้นมา โดยอาศัยนักเตะระดับท็อปที่พวกเขาดึงตัวไปจากทีมของเวนเกอร์ การที่สองสโมสรนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากเจ้าของทีมภายนอกสวนทางกับความพยายามของอาร์เซนอลในการรักษาความยั่งยืนทางการเงิน ผลลัพธ์ในสนามจึงเป็นไปอย่างที่เห็น อีกหนึ่งปัจจัยนอกสนามที่ฉุดรั้งอาร์เซนอลเอาไว้ (แม้จะไม่ได้ตั้งใจ) ก็คือการย้ายจาก ไฮบิวรี ไปสู่สนามที่ทันสมัยอย่าง เอมิเรตส์ สเตเดียม ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งทำให้พวกเขาต้องแบกรับต้นทุนที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันแย่งแชมป์ ยิ่งไปกว่านั้น การเข้ามาของกลุ่มทุนจากภาครัฐและมหาเศรษฐีในช่วงเวลาเดียวกันยิ่งทำให้ภาระนี้หนักขึ้น แม้ว่า เอมิเรตส์ สเตเดียม ยังคงเป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดในประเทศ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้นทุนการก่อสร้างทำให้สโมสรไม่สามารถแข่งขันด้านการลงทุนได้ ส่งผลให้ทีมอื่นๆ ก้าวขึ้นมาแทนที่ ระหว่างปี 2005 ถึง 2022 อาร์เซนอลทำได้เพียงคว้ารองแชมป์ลีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เวนเกอร์ซึ่งเคยเป็นดั่งเทพเจ้าสำหรับแฟนบอล ต้องอำลาสโมสรในปี 2018 ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อาร์เซนอลยุคใหม่ ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า เกือบสองทศวรรษหลังจากที่สนามเอมิเรตส์เปิดใช้งาน อาร์เซนอลได้แปรเปลี่ยนเป็นสโมสรที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า พวกเขาสามารถก้าวขึ้นมาจากการจบอันดับ 5-8 ในลีกนานถึง 6 ฤดูกาล กลับมาสู่การเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างจริงจัง แม้ว่าจะพลาดแชมป์ในสองฤดูกาลล่าสุดให้กับหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเช่นเดียวกับที่ผลงานในสนามดีขึ้น ด้านการเงินของสโมสรก็เติบโตขึ้นตามไปด้วย—ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซนอลมีรายได้สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งเป็นการขยับขึ้นมาถึง 4 อันดับจากเมื่อสามปีก่อน และเป็นอันดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 ด้วยสัญญาสปอนเซอร์ใหม่และเงินรางวัลจากแชมเปียนส์ลีกที่กลับมาอีกครั้ง รายได้ของพวกเขามีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีกในฤดูกาลนี้ อาร์เซนอลขาดทุนเป็นปกติ – แล้วสถานะ PSR ของพวกเขาเป็นอย่างไร? แม้ว่าจะมีข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับรายได้ของสโมสร แต่อาร์เซนอลยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง รายงานการเงินล่าสุดเผยว่าสโมสรขาดทุนก่อนหักภาษีถึง 17.7 ล้านปอนด์ (23 ล้านดอลลาร์) ในฤดูกาลที่แล้ว การเงินของสโมสรในพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบหนักหลังจากการระบาดของ โควิด-19 ในปี 2020 และอาร์เซนอลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม การขาดทุนของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ทำกำไรต่อเนื่อง 16 ปี พวกเขากลับขาดทุนต่อเนื่อง 6 ปีติดต่อกัน รวมเป็นเงิน 328.7 ล้านปอนด์ ซึ่งเกือบล้างกำไรสะสม 385.0 ล้านปอนด์ ที่สโมสรเคยทำได้ใน 16 ปีก่อนหน้านั้น แน่นอนว่าการระบาดของโควิดมีผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2021 ซึ่งอาร์เซนอลขาดทุนเป็นประวัติการณ์ถึง 127.2 ล้านปอนด์ แต่แนวโน้มการขาดทุนตลอด 6 ปีที่ผ่านมาก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือการที่ Kroenke Sports & Entertainment (KSE) เข้าควบคุมสโมสรโดยสมบูรณ์ อาร์เซนอลถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์และกลายเป็นบริษัทเอกชนในเดือนตุลาคม 2018 นับแต่นั้น ภายใต้การบริหารของ KSE อาร์เซนอลได้ทุ่มเงินลงทุนอย่างมหาศาลในการเสริมทีม ซึ่งช่วยให้รายได้ของสโมสรเติบโตขึ้นอย่างมากในฤดูกาลที่แล้ว การขาดทุนต่อเนื่องเป็นเรื่องที่น่ากังวลหรือไม่? เจ้าของทีมอย่างตระกูลโครเอนเก้ ไม่มีความรู้ด้านการเงินเลยหรือ? คำตอบคือ "ไม่น่าเป็นไปได้" ตรงกันข้าม นี่อาจเป็นกลยุทธ์หลังจากที่พวกเขาประหยัดค่าใช้จ่ายมาหลายปี ตอนนี้ KSE ได้เปิดไฟเขียวให้สโมสรลงทุนเพื่อพยายามก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรป แต่เมื่อต้องพูดถึง "ขาดทุนก่อนหักภาษี" ก็มักจะต้องพูดถึง กฎกำไรและความยั่งยืน (PSR – Profit and Sustainability Rules) ตามไปด้วย อาร์เซนอลจะมีปัญหากับ PSR หรือไม่? อาร์เซนอลขาดทุนมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้กฎ PSR เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองสำหรับทั้งเจ้าของทีมและแฟนบอล อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของพวกเขายังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ตามกฎ PSR เจ้าของทีมสามารถให้เงินสนับสนุน ("secure funding") ผ่านการออกหุ้น เพื่อเพิ่มเพดานการขาดทุนของสโมสรได้สูงสุด 105 ล้านปอนด์ ในรอบ 3 ปี แต่ในกรณีของอาร์เซนอล KSE เลือกใช้เงินกู้เป็นหลักแทน ซึ่งไม่นับเป็น "secure funding" มีเพียงเงินลงทุนโดยตรง 5.4 ล้านปอนด์ ในปี 2023 ที่สามารถใช้เพิ่มเพดานได้ ด้วยเหตุนี้ อาร์เซนอลจึงถูกจำกัดให้ขาดทุนตาม PSR ได้เพียง 20.4 ล้านปอนด์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจาก 15 ล้านปอนด์ ที่ทุกสโมสรสามารถขาดทุนได้บวกกับเงินลงทุนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณจากรายการที่สามารถหักออกได้ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน, ศูนย์ฝึกเยาวชน, กิจกรรมเพื่อสังคม และฟุตบอลหญิง The Athletic ประเมินว่าอาร์เซนอลยังคงมีกำไร 28 ล้านปอนด์ ภายใต้กฎ PSR ซึ่งยังห่างจากจุดที่ผิดกฎอยู่ 48 ล้านปอนด์ ฤดูกาลนี้ อาร์เซนอลยังปลอดภัยหรือไม่? สำหรับฤดูกาลปัจจุบัน The Athletic ประเมินว่าอาร์เซนอลสามารถขาดทุนได้สูงสุดถึง 97 ล้านปอนด์ และยังอยู่ภายใต้กฎของพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ยากที่จะถึงจุดนั้น อย่างไรก็ตาม สโมสรยังต้องปฏิบัติตาม กฎการเงินของยูฟ่า ด้วย ซึ่งกำหนดเพดานค่าใช้จ่ายสำหรับทีม โดยจำกัดค่าเหนื่อยนักเตะไม่ให้เกิน 90% ของรายได้ จากการคำนวณเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซนอลอยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งยังต่ำกว่าขีดจำกัด แม้ว่าจะต้องคอยจับตาดูสถานะทางการเงินของสโมสร แต่อาร์เซนอลยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยทั้งในระดับพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า รายได้ที่พุ่งสูงสะท้อนการเติบโตของอาร์เซนอลในสนาม รายได้ของอาร์เซนอลในฤดูกาลที่แล้วเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แม้ว่าสโมสรชั้นนำของโลกมักทำลายสถิติรายได้ของตัวเองเป็นประจำ แต่ในกรณีของอาร์เซนอล การเติบโตครั้งนี้ถือว่าน่าทึ่ง รายได้รวมของพวกเขาแตะ 616.6 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2023-24 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 150 ล้านปอนด์ หรือเกือบ หนึ่งในสาม แม้ว่าเงินรางวัลจากแชมเปียนส์ลีกและรายได้เชิงพาณิชย์จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเพิ่มรายได้ แต่ก็ยังถือเป็นการเติบโตครั้งใหญ่สำหรับสโมสรที่เคยอยู่ใน อันดับ 10 ของสโมสรที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก รายได้เพิ่มขึ้นจากทุกช่องทางหลัก อาร์เซนอลทำลายสถิติรายได้ในทุกแหล่ง ได้แก่ รายได้จากวันแข่งขัน (matchday revenue), ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด (broadcast revenue) และรายได้เชิงพาณิชย์ (commercial revenue) โดยเฉพาะรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่สูงที่สุดที่ 262.3 ล้านปอนด์ แต่ทุกช่องทางก็เติบโตขึ้นราว 30% รายได้จากวันแข่งขัน รายได้จากตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดียม พุ่งสูงขึ้นมาก สนามเหย้าของอาร์เซนอลเคยทำรายได้ถึง ระดับเกิน 100 ล้านปอนด์ หลายครั้ง แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา รายได้จากวันแข่งขันแตะ 131.7 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจาก 102.6 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2022-23 สาเหตุของการเติบโตนี้มาจากปัจจัยหลัก 2 อย่าง: จำนวนเกมในบ้านเพิ่มขึ้น – อาร์เซนอลได้เล่นเกมในบ้าน 25 นัด มากกว่าฤดูกาลก่อนที่มี 24 นัด โดยการแข่งขัน ยูโรปาลีก 4 นัด ถูกแทนที่ด้วยแชมเปียนส์ลีก 5 นัด ซึ่งช่วยให้สโมสรสามารถตั้งราคาตั๋วที่สูงขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงระบบตั๋วฤดูกาล – สโมสรลดจำนวนเกมที่ครอบคลุมในตั๋วฤดูกาลจาก 26 นัด เหลือ 22 นัด พร้อมกับขึ้นราคาตั๋วโดยเฉลี่ย 5% ผลลัพธ์ คือ อาร์เซนอลทำรายได้จากวันแข่งขันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขึ้นเป็น อันดับสองของพรีเมียร์ลีก ในด้านรายได้จากวันแข่งขัน แซงหน้าท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ที่นำหน้าในสองฤดูกาลก่อน ตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียง 5.5 ล้านปอนด์ (ช่องว่างนี้เคยกว้างกว่า 30 ล้านปอนด์ในสองฤดูกาลก่อน) แม้ว่า เอมิเรตส์ สเตเดียม จะเป็นภาระทางการเงินของสโมสรในช่วงแรก ๆ แต่ประโยชน์จากการย้ายสนามก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น นับตั้งแต่สนามเปิดใช้ในปี 2006 อาร์เซนอลทำรายได้จากวันแข่งขันรวมแล้ว 1.652 พันล้านปอนด์ ซึ่งสูงกว่าต้นทุนการก่อสร้าง 390 ล้านปอนด์ กว่า 4 เท่า รายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เงินจากการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด – ความแตกต่างระหว่างการเล่นใน แชมเปียนส์ลีก กับ ยูโรปาลีก นั้นชัดเจนมาก ในฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลได้รับเงิน 80.4 ล้านปอนด์ จากการถ่ายทอดสดแชมเปียนส์ลีกจนถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เทียบกับรายได้จากยูโรปาลีกในฤดูกาล 2022-23 ซึ่งอยู่ที่เพียง หนึ่งในสามของตัวเลขนี้ รายได้จากเชิงพาณิชย์ รายได้เชิงพาณิชย์ของอาร์เซนอลเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันสโมสรระดับท็อปมุ่งเน้นไปที่ ดีลสปอนเซอร์และการตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น อาร์เซนอลทำรายได้จากเชิงพาณิชย์ 218.3 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการเติบโตที่สำคัญ และช่วยให้พวกเขาไล่ตามคู่แข่งในพรีเมียร์ลีก ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็น สโมสรที่มีรายได้เชิงพาณิชย์ต่ำสุดในกลุ่ม "Big Six" แต่ก็ลดช่องว่างได้มากขึ้น เช่น เชลซีเคยมีรายได้จากเชิงพาณิชย์สูงกว่าอาร์เซนอลถึง 40 ล้านปอนด์ ในปี 2023 ปัจจุบันช่องว่างระหว่างทั้งสองทีมลดลงเหลือเพียง 7 ล้านปอนด์ ดีลสปอนเซอร์สำคัญของอาร์เซนอล: Adidas – ผู้ผลิตชุดแข่ง มูลค่า 75 ล้านปอนด์ต่อปี Emirates – สปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อ มูลค่า 40 ล้านปอนด์ต่อปี (และเพิ่มเป็น 60 ล้านปอนด์ ต่อปีในการต่อสัญญาล่าสุด) Sobha Realty – สปอนเซอร์สิทธิ์การตั้งชื่อศูนย์ฝึกซ้อม มูลค่า 15 ล้านปอนด์ต่อปี Visit Rwanda – สปอนเซอร์คาดแขนเสื้อ มูลค่า 10 ล้านปอนด์ต่อปี แนวโน้มการเติบโตในอนาคต สัญญาสปอนเซอร์กับ Emirates ถูกต่ออายุและเพิ่มมูลค่าเป็น 60 ล้านปอนด์ต่อปี ตั้งแต่ฤดูกาลนี้ การได้เล่นแชมเปียนส์ลีกต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มรายได้จาก ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดและวันแข่งขัน อาร์เซนอลกำลังปิดช่องว่างรายได้เชิงพาณิชย์กับคู่แข่งโดยตรง เช่น เชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สรุป อาร์เซนอลไม่เพียงแค่เติบโตในสนาม แต่การเงินของพวกเขาก็กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รายได้โดยรวมแตะ 616.6 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 150 ล้านปอนด์ภายในปีเดียว ทำสถิติสูงสุดในทุกช่องทาง – วันแข่งขัน, ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และเชิงพาณิชย์ ขึ้นเป็นอันดับสองในรายได้วันแข่งขันในพรีเมียร์ลีก และไล่ตามแมนฯ ยูไนเต็ดมาติด ๆ ดีลสปอนเซอร์สำคัญ เช่น Adidas และ Emirates กำลังช่วยเพิ่มรายได้ แม้ว่าจะยังมีงานที่ต้องทำเพื่อไล่ตามสโมสรอย่างแมนฯ ซิตี้และลิเวอร์พูล แต่แนวโน้มการเติบโตของอาร์เซนอลทั้งในและนอกสนามบ่งบอกว่าพวกเขา กำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำของยุโรปอีกครั้ง ค่าเหนื่อยที่พุ่งสูงขึ้น — แต่ยังอยู่ในระดับล่างของกลุ่มสโมสรชั้นนำ การที่อาร์เซนอลทำผลงานได้ดีขึ้นในสนามส่งผลกระทบเชิงบวกไปยังบรรยากาศในทีม รวมถึงการใช้จ่ายทางการเงินด้วย โดยปกติ ค่าเหนื่อยของสโมสรมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอันดับในลีก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาร์เซนอลได้แหกกฎข้อนี้ในทางที่ดี ค่าเหนื่อยของอาร์เซนอลอยู่ที่ประมาณ 230 ล้านปอนด์มาหลายปี โดยเพิ่มขึ้นเพียง 11.5 ล้านปอนด์ ระหว่างปี 2018-2023 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เล่นในแชมเปียนส์ลีก ทำให้ไม่มีโบนัสตามสัญญาสำหรับการเข้าร่วมรายการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2023-24 ค่าเหนื่อยพุ่งสูงขึ้น 93 ล้านปอนด์ (+40%) สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการลงทุนในนักเตะและการต่อสัญญากับผู้เล่นสำคัญอย่าง บูกาโย่ ซาก้า และ วิลเลียม ซาลิบา ยังตามหลังคู่แข่ง แต่ใช้งบอย่างคุ้มค่า ถึงแม้ว่าค่าเหนื่อยของอาร์เซนอลจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังตามหลังคู่แข่งหลัก: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี มีค่าเหนื่อยเกิน 400 ล้านปอนด์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็ใกล้จะแตะระดับดังกล่าวที่ 387 ล้านปอนด์ อาร์เซนอลยังคงใช้จ่ายน้อยกว่าหลายทีม แม้ว่าผลงานในสนามจะดีกว่าก็ตาม นี่ถือเป็น การใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ เพราะในช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุด อาร์เซนอลจบอันดับสองของพรีเมียร์ลีก แม้ว่าค่าเหนื่อยของพวกเขาจะเป็นอันดับที่ 5 หรือ 6 ก็ตาม ในฤดูกาล 2022-23 ค่าเหนื่อยของอาร์เซนอลเป็นอันดับ 6 แต่จบอันดับรองแชมป์ ในฤดูกาล 2023-24 พวกเขายังเป็นรองเพียงแมนฯ ซิตี้ ในการแข่งขันลุ้นแชมป์ แม้ค่าเหนื่อยจะเป็นอันดับ 5 ที่น่าสนใจคือ แมนฯ ซิตี้ มีค่าเหนื่อยสูงกว่าอาร์เซนอลถึง 188 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2022-23 และถึงแม้ช่องว่างจะลดลงเหลือ 85 ล้านปอนด์ในปีล่าสุด แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมาก จากทีมที่ประหยัดในการซื้อนักเตะ — สู่หนึ่งในทีมที่ใช้เงินมากที่สุด อาร์เซนอลเคยขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่ ประหยัด ในตลาดนักเตะ โดยเฉพาะในช่วงหลังย้ายมา เอมิเรตส์ สเตเดียม แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขากลับกลายเป็นหนึ่งในทีมที่ใช้เงินมากที่สุดในยุโรป ในช่วง 6 ฤดูกาลแรกหลังย้ายมาเอมิเรตส์ (2006-2012) อาร์เซนอลมี ค่าใช้จ่ายสุทธิต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 เป็นต้นมา (หลัง KSE ครอบครองสโมสรเต็มตัว) อาร์เซนอลเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างชัดเจน โดยใช้เงินสุทธิไปแล้วถึง 857.2 ล้านปอนด์ การใช้จ่ายในตลาดนักเตะของอาร์เซนอล (2018-2023) ค่าใช้จ่ายสุทธิ: อันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก รองจากเชลซี ค่าใช้จ่ายรวม: 991.7 ล้านปอนด์ สูงกว่า แมนฯ ซิตี้ (970.3 ล้านปอนด์) และแมนฯ ยูไนเต็ด (918.3 ล้านปอนด์) แม้ว่า เชลซีจะยังนำโด่งในแง่การใช้เงิน (1.458 พันล้านปอนด์ในช่วงเวลาเดียวกัน) แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอาร์เซนอล ไม่ใช่ทีมที่ขี้เหนียวอีกต่อไป ค่าใช้จ่ายสูง แต่ยังต้องไล่ตาม แม้อาร์เซนอลจะใช้จ่ายมากขึ้น พวกเขายังตามหลังบางสโมสรในแง่ของ มูลค่าการสร้างทีม แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ต่างใช้เงินเกิน 1 พันล้านปอนด์ ในการสร้างทีมปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เพิ่งแตะหลักพันล้านปอนด์เมื่อช่วงต้นฤดูกาล 2023-24 อาร์เซนอลใช้เงิน 882.4 ล้านปอนด์ในการสร้างทีมชุดนี้ อยู่ในอันดับ 4 ของลีก สรุป: อาร์เซนอลกำลัง "เร่งเครื่อง" ตามทีมชั้นนำ ค่าเหนื่อยพุ่งสูงขึ้น แต่ยังคงใช้เงินได้คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง ใช้เงินในตลาดนักเตะมากขึ้น แต่ยังตามหลังบางทีม จากทีมที่เคยประหยัด กลายเป็นสโมสรที่ใช้เงินเป็นอันดับ 2 ในอังกฤษ แนวโน้มต่อไป? ด้วยแนวทางที่ชัดเจนภายใต้ มิเกล อาร์เตต้า และ KSE อาร์เซนอลกำลังสร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในและนอกสนาม เงินกู้จากผู้ถือหุ้นพุ่งทะลุ £300m – แต่มีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่? ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เงินกู้จากผู้ถือหุ้น กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองมากขึ้นในพรีเมียร์ลีก โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สโมสรต่างๆ ได้ลงมติให้มีการจัดการเงินกู้จากเจ้าของทีมในลักษณะเดียวกับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในเครือ (APT) ผลกระทบของกฎใหม่ สโมสรต้องบันทึกเงินกู้จากผู้ถือหุ้นในอัตราดอกเบี้ยตามราคาตลาด (Fair Market Value – FMV) หากสโมสรใดที่ไม่ทำเช่นนี้ อาจเผชิญต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อผลกำไร-ขาดทุน และการคำนวณกฎ Profitability and Sustainability Rules (PSR) อาร์เซนอลติดหนี้ KSE เท่าไร? ณ สิ้นฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซนอลติดหนี้ KSE อยู่ที่ £324.1m ในจำนวนนั้น £61.9m เป็นเงินกู้ที่เพิ่มเข้ามาในฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอลดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากกฎ APT ใหม่ แต่กลับลงมติ เห็นด้วย กับการเปลี่ยนแปลง เหตุผลหลักคือ กฎใหม่จะมีผลเฉพาะเงินกู้ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 22 พฤศจิกายน 2024 เท่านั้น เงินกู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อาจต้องถูกประเมินที่ FMV แต่ ยังไม่มีผลบังคับใช้ในเชิงบัญชีตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งไม่มีเงินกู้จากผู้ถือหุ้น ลงมติคัดค้าน กฎนี้ และกำลังต่อสู้ในศาลกับพรีเมียร์ลีก เงินกู้นี้ใช้ทำอะไร? เงินกู้ส่วนใหญ่จาก KSE ไม่ได้เป็นหนี้ใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการ รีไฟแนนซ์หนี้เก่าของสโมสร ก่อนฤดูกาล 2020-21 อาร์เซนอลมีหนี้ £218m ในจำนวนนั้น £187m เป็นพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับรายได้จากตั๋วสนาม การระบาดของ COVID-19 ทำให้รายได้จากสนามหายไป KSE จึงเข้ามารีไฟแนนซ์หนี้ก้อนนี้ การรีไฟแนนซ์มี ค่าธรรมเนียมยกเลิกพันธบัตร £32m ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยที่อาร์เซนอลต้องจ่ายหากยังใช้พันธบัตรเดิม เงินกู้เพิ่มเติม £122.5m ตั้งแต่ปี 2021 ส่วนใหญ่ถูกใช้เสริมทัพนักเตะ แต่เงินกู้ดังกล่าว ไม่ใช่เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อล จ่ายดอกเบี้ยในหมวด Other ซึ่งรวมเงินกู้จาก KSE โดยฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อลจ่ายดอกเบี้ยให้ KSE ไป 7.8 ล้านปอนด์ คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 2.7% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยของธนาคาร แต่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 0% สรุปเงินกู้จาก KSE มีผลกระทบอย่างไร? เงินกู้จาก KSE ช่วยให้สโมสรอยู่รอดในช่วง COVID-19 และเสริมทัพนักเตะ การเปลี่ยนแปลงกฎ APT อาจส่งผลในอนาคต แต่ยังไม่กระทบเงินกู้ก่อนพฤศจิกายน 2024 KSE คิดดอกเบี้ยเงินกู้ (2.7%) แม้จะต่ำกว่าตลาด แต่ก็ไม่ใช่เงินกู้ฟรี รายรับสโมสรพุ่งสูงจากแชมเปียนส์ลีก เพิ่มโอกาสรักษาขุมกำลังต่อไป การใช้จ่ายอาจลดลงในระยะสั้น แต่ไม่น่าหยุดลงทุนโดยสิ้นเชิง หลายคนสงสัยว่าทำไมอาร์เซนอลไม่ซื้อกองหน้าช่วงหน้าหนาว แต่อาจเป็นเพราะยังไม่มีดีลที่เหมาะสมทางการเงิน ตลาดซัมเมอร์น่าจะมีการเสริมทัพเพิ่มเติม เพื่อรักษาการแข่งขันกับทีมชั้นนำ บทสรุปคือ KSE อาจต้องการให้สโมสรเข้าสู่จุดที่ "ยั่งยืน" ทางการเงิน แต่ฟุตบอลยังคงเป็นเกมของการลงทุน และหากอาร์เซนอลต้องการก้าวสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยุโรป การใช้จ่ายยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ดูบอลสดฟรี
  25. เป้าหมายเสริมทัพซัมเมอร์ชัดแทบจะทุกตำแหน่งแล้ว น่าสนใจว่าแบร์ต้า จะมี Power รื้อแผนของเอดูได้หรือเปล่า เพราะหลายดีลก็เดินหน้ามาจนใกล้ปิดดีลแล้ว บางทีด้วยเวลาไม่มาก อาจจะแค่เดินเรื่องต่อให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วตลาดหน้าถึงจะมีส่วนร่วมในการเลือกนักเตะ แต่อยากเห็นฝีมือการปล่อยนักเตะของแบร์ต้า ว่าจะขายได้ราคาหรือเปล่า ตาวาเรซ โลกองก้า เนลสัน คิวิออร์ ชินเชนโก้ จะขายได้ราคาไหม
×
×
  • Create New...