-
Content Count
417 -
Joined
-
Last visited
-
Days Won
25
admin last won the day on January 23
admin had the most liked content!
Community Reputation
48 NeutralRecent Profile Visitors
The recent visitors block is disabled and is not being shown to other users.
-
ดูบอลสดฟรี บทความจาก: BBC อาร์เซน่อลหวังปิดดีลชิ้นสุดท้ายเพื่อเติมเต็มแดนกลาง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลก กำลังจะย้ายจากเรอัล โซเซียดาดมาร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 51 ล้านปอนด์ ดีลนี้เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว กองกลางวัย 26 ปีชาวสเปน เคยปฏิเสธข้อเสนอจากลิเวอร์พูลเมื่อซัมเมอร์ปีก่อน และในปีนี้เขาตัดสินใจย้ายซบคู่แข่งแย่งแชมป์ของหงส์แดงแทน ซูบีเมนดี้น่าจะเข้ามาแทนที่ โธมัส ปาร์เตย์ ในแผงมิดฟิลด์ และประสานงานร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ในแดนกลางสามคนของอาร์เซน่อล แล้วอาร์เซน่อลกำลังจะได้ผู้เล่นแบบไหน? ซูบีเมนดี้เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่เล่นด้วยความนิ่ง ฉลาดในการอ่านเกม และแม่นยำในการจ่ายบอล เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่เล่นด้วยพละกำลังดุดันแบบไรซ์ แต่มีจุดเด่นด้านการควบคุมจังหวะเกมจากแดนลึก รักษาสมดุล และมีวินัยในแท็คติกสูงมาก เขายังมีประสบการณ์ในระบบการเล่นที่ต้องการการครองบอลสูงและมีการต่อบอลอย่างเป็นระบบ ซึ่งเข้ากับสไตล์ของมิเกล อาร์เตต้า ได้เป็นอย่างดี บทบาทของเขาที่เอมิเรตส์จะเป็นอย่างไร? เขาน่าจะยืนต่ำสุดในมิดฟิลด์สามคน ทำหน้าที่เป็น "anchor" คอยเชื่อมเกมจากแนวรับขึ้นไปหาแดนกลาง คอยซ้อนและปิดพื้นที่เวลาแบ็กเติมสูง รวมถึงช่วยคุมจังหวะเกมและเปลี่ยนจุดโจมตี การมีซูบีเมนดี้จะช่วยให้ ไรซ์ ได้เล่นแบบ box-to-box ได้เต็มที่มากขึ้น และ โอเดการ์ด มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมรุกโดยไม่ต้องห่วงเรื่องรับมากนัก โดยรวมแล้ว เขาคือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่อาร์เตต้ารอมานานเพื่อทำให้มิดฟิลด์ของอาร์เซน่อลสมบูรณ์แบบทั้งรุกและรับ ซูบีเมนดี้ลงเล่นให้เรอัล โซเซียดาดไปแล้ว 236 นัด ซึ่งเป็นสโมสรเดียวที่เขาเคยเล่นให้จนถึงปัจจุบัน และยิงได้ 10 ประตู แต่เขาไม่ใช่นักเตะที่เน้นการทำประตู เพราะตำแหน่งหลักของเขาคือกองกลางตัวรับ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เรอัล โซเซียดาดใช้หลายแผนการเล่น แต่ส่วนใหญ่เป็นระบบ 4-1-4-1 โดยมีซูบีเมนดี้เป็นแกนกลาง ในลาลีกาฤดูกาล 2024-25 เขาติดอันดับท็อปไฟว์ของกองกลางตัวกลางในหลายด้าน เช่น จำนวนการจ่ายบอลสำเร็จ, การจ่ายบอลยาวสำเร็จ, การจ่ายบอลทะลุแนวรับ, การสัมผัสบอล, การแท็กเกิล, การตัดบอล, การดวลลูกกลางอากาศที่ชนะ และระยะทางรวมของการจ่ายบอลไปข้างหน้า (8.5 กิโลเมตร) "การจ่ายบอลของเขาอาจฟังดูง่าย แต่เขามักเลือกการจ่ายที่ถูกต้องในจังหวะสำคัญ" กิลเล็ม บาลาเก นักข่าวชาวสเปนกล่าว "เขาแทบไม่เสียบอลเลย และนั่นช่วยให้การเล่นลื่นไหลและทีมมีความมั่นใจ เขาอ่านเกมได้ดีมาก แม้ไม่ใช่กองกลางที่เร็วที่สุด แต่เขาเหมือนมีแผนผังการเล่นของทีมอยู่ในหัว" "ช่วงหลังเขากล้าที่จะพาบอลขึ้นหน้าและเข้าเขตโทษมากขึ้น ถ้าเขาเห็นว่ามีเพื่อนร่วมทีมคอยซ้อน เขาก็จะกล้าทำ" "แต่งานหลักของเขาคือการช่วยสร้างเกมรุก บางครั้งก็ถอยลงไปอยู่ระดับเดียวกับเซ็นเตอร์แบ็ค เพื่อให้เกมไหลลื่น หาช่องว่างให้เพื่อน และขับเคลื่อนเกมไปข้างหน้า รวมถึงการไล่เพรสซิ่งด้วย เขาฉลาดมากในการตัดสินใจว่าจะบุกหรือถอย เป็นผู้เล่นที่เล่นเพื่อทีม ผู้นำเงียบๆ และเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีม" แล้วเขาเหมาะสมกับทีมชาติสเปนอย่างไร? ซูบีเมนดี้ติดทีมชาติสเปนไปแล้ว 19 นัด และเป็นตัวหลักในตำแหน่งกองกลางตัวรับแทบทุกเกมนับตั้งแต่โรดรี้บาดเจ็บในนัดชิงยูโร 2024 กับอังกฤษ เมื่อโรดรี้ (ซึ่งภายหลังคว้าบัลลงดอร์) ถูกเปลี่ยนออกในช่วงพักครึ่ง หลายคนมองว่านั่นเป็นโอกาสของอังกฤษ แต่ซูบีเมนดี้โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมทันทีที่ลงสนาม ทำให้สเปนไม่รู้สึกขาดร็อดรี้ และสามารถชนะอังกฤษ 2-1 ได้ "ผมจำได้ว่าปฏิกิริยาของแฟนบอลและนักวิเคราะห์อังกฤษตอนโรดรี้เจ็บในนัดชิงยูโรเป็นยังไง" บาลาเกกล่าว "แต่ผมคิดว่า 'เดี๋ยวก่อน ซูบีเมนดี้จะลงเล่นนะ!' สเปนมีนักเตะสองคนที่เก่งในตำแหน่งนี้" "ผมเคยคุยกับเธียร์รี อองรีเกี่ยวกับเขา ผมจัดเขาอยู่ในท็อป 3 ของโลกในตำแหน่งนี้ อองรีโน้มน้าวให้ผมลดเป็นท็อป 5 แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยอดเยี่ยมมาก" โชคร้ายที่หนึ่งในไม่กี่คนที่เหนือกว่าซูบีเมนดี้ในตำแหน่งกองกลางตัวรับคือ โรดรี้จากแมนฯ ซิตี้ และสเปนก็เล่นระบบที่ใช้กองกลางตัวรับคนเดียว อย่างไรก็ตาม เขาก็ใช้โอกาสในช่วงที่โรดรี้เจ็บได้อย่างคุ้มค่า และทำประตูได้บ้าง ซูบีเมนดี้ยิงได้สองประตูในศึกเนชั่นส์ลีก 2024-25 โดยเป็นประตูในเกมกับเดนมาร์ก และนัดชิงที่แพ้โปรตุเกส ในรอบน็อกเอาต์ของเนชั่นส์ลีก 2025 เขาอยู่อันดับ 5 ในการจ่ายบอลทั้งหมดและจ่ายบอลสำเร็จ อันดับ 2 ในการตัดบอล และอันดับ 7 ในการแท็กเกิล ฟอร์มของเขาทำให้มีข่าวว่าเรอัล มาดริด ที่มีชาบี อลอนโซ่เป็นกุนซือ อาจพยายามแย่งตัวเขา และมันก็มีความดึงดูดไม่น้อย เพราะทั้งสองคนเคยผ่านอะคาเดมี่เดียวกันคือ Antiguoko และเคยเล่นให้เรอัล โซเซียดาดและทีมชาติสเปนในตำแหน่งหมายเลข 6 เหมือนกัน แต่ซูบีเมนดี้ตั้งใจย้ายไปอาร์เซนอล ซึ่งเขาน่าจะเข้ามาแทนที่โธมัส ปาร์เตย์ ที่สัญญาใกล้หมดและอนาคตยังไม่แน่นอน ปาร์เตย์ วัย 32 ปี ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับอาร์เซนอล 35 นัดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่วนใหญ่ในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง ขณะที่จอร์จินโญ่ (ที่ออกจากทีมแล้ว) ได้ลงตัวจริงแค่ 9 นัด แม้ปาร์เตย์จะมีแนวโน้มถ่างออกไปทางขวามากกว่า (รวมถึงเล่นแบ็คขวาด้วย) ซูบีเมนดี้มีการเคลื่อนที่ทั้งสองฝั่ง แต่เน้นไปทางซ้ายมากกว่า เดแคลน ไรซ์ เคยเล่นเป็นหมายเลข 6 ให้เวสต์แฮม แต่กับอาร์เซนอลเขาจะเล่นสูงกว่าในระบบกองกลางสามคนร่วมกับโอเดการ์ด และการมาของซูบีเมนดี้อาจทำให้ไรซ์มีอิสระในการเติมเกมมากขึ้น เพราะนักเตะชาวบาสก์มีความคล่องตัวมากกว่าปาร์เตย์ และเน้นเกมรับมากกว่า ซูบีเมนดี้มีส่วนร่วมกับเกมในแดนตัวเองมากกว่าปาร์เตย์ในฤดูกาลที่แล้ว โดยมี 56% ของการสัมผัสบอลเกิดในแดนตัวเอง เทียบกับของปาร์เตย์ที่ 48% และมีเพียง 27% ของการจ่ายบอลของเขาจบลงในพื้นที่สุดท้าย เทียบกับ 32% ของปาร์เตย์ อาร์เซนอลหวังว่าการใช้จ่ายในตลาดซื้อขายฤดูร้อนยังไม่จบ เพราะพวกเขายังมองหากองหน้าตัวเป้าที่แท้จริง ซึ่งอาจส่งผลต่อวิธีการเล่นของกองกลางด้วย บทความจาก: Sky Sport อาร์เซนอลเชื่อว่าพวกเขากำลังได้หนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่างมาร์ติน ซูบีเมนดี้ และไม่ใช่แค่พวกเขาที่คิดแบบนั้น ซูบีเมนดี้เคยตกเป็นเป้าหมายของทั้งลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับแถวหน้าของเขาอย่างชัดเจน เจ้าตัวคว้าแชมป์ยูโรกับทีมชาติสเปนเมื่อปีที่แล้ว และประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยมีส่วนสำคัญพาเรอัล โซเซียดาด ทีมบ้านเกิด คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ และกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซูบีเมนดี้มีหลายอย่างให้ชื่นชม นักเตะวัย 26 ปีโดดเด่นทั้งเวลามีบอลและไม่มีบอล ด้วยการผสมผสานระหว่างความฉลาด, เทคนิคที่ยอดเยี่ยม และพละกำลังที่ซ่อนอยู่ เขาเป็นเหมือน “เมโทรโนม” คุมจังหวะเกมตรงกลางสนาม และเป็นเกราะป้องกันแนวรับชั้นเยี่ยม แต่ความพิเศษของเขาไม่ได้หยุดแค่ในสนาม เมื่อพูดคุยกับอดีตโค้ชและเพื่อนร่วมทีมหลายคน ภาพที่ได้คือผู้เล่นที่มีบุคลิกเข้มแข็งไม่แพ้ทักษะในเกมฟุตบอล "สิ่งแรกที่อยากพูดเกี่ยวกับมาร์ตินก็คือ เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบพอ ๆ กับที่เขาเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบ" ไอตอร์ ซูไลก้า อดีตโค้ชของเรอัล โซเซียดาด ผู้เคยทำงานกับซูบีเมนดี้ในทีมชุดบี ร่วมกับชาบี อลอนโซ่ กล่าวกับ Sky Sports "เขามี 4 คุณลักษณะที่หายากมาก เขาเป็นคนถ่อมตัว เรียบง่าย แต่ก็มีความภาคภูมิใจและบุคลิกที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง คุณจะไม่ค่อยเจอนักเตะที่มีทุกอย่างนี้ในคนเดียว แต่มาร์ตินมีครบ" เบอนัวต์ คาชโนต์ เซ็นเตอร์แบ็คซึ่งเคยเล่นร่วมกับซูบีเมนดี้ในทีมชุดซีของโซเซียดาดตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นวัยรุ่น ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า: "เขาเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด ทั้งในด้านเทคนิค ความเร็ว ไหวพริบ และพลัง" การมาของซูบีเมนดี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสามารถในสนาม แต่ยังเป็นการเพิ่มบุคลิกผู้นำที่สงบนิ่งและเสริมจิตวิญญาณทีมแบบที่อาร์เซนอลกำลังมองหาอยู่เช่นกัน “คุณเห็นได้เลยว่าเขามีทุกอย่างพร้อมจะก้าวไปสู่ระดับสูงสุด” เบอนัวต์ คาชโนต์ เล่าย้อนถึงตอนร่วมทีมกับมาร์ติน ซูบีเมนดี้ว่า ไม่ใช่แค่ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม แต่เขายังเป็นคนที่ถ่อมตัว ยิ้มแย้ม และเป็นมิตรกับทุกคนเสมอ เขายังจำได้ดีว่าซูบีเมนดี้เคยไปเยี่ยมเขาถึงโรงพยาบาลหลังจากผ่าตัดหัวเข่า “เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มาเยี่ยมผม มันสะท้อนความเป็นคนของเขาได้ดีเลย ทั้งในสนามและนอกสนามเขาใส่ใจคนรอบข้างเสมอ” ไอตอร์ ซูไลก้า กล่าวเสริมว่า “เขาเป็นคนมีวินัยสูง เอาจริงเอาจังกับงานของตัวเอง ฉลาด รับฟังคำแนะนำจากโค้ช และให้ความเคารพทุกคน” คาร์ลอส มาร์ติเนซ อดีตแบ็กขวาที่เคยลงเล่นให้โซเซียดาดกว่า 200 นัด ก็มีความรู้สึกคล้ายกัน “ตั้งแต่แรกที่เราเห็นเขาเล่น เราก็รู้เลยว่าเขาแตกต่าง มันเป็นวิธีการเล่นบอลของเขา และบุคลิกที่กล้าแสดงออกแม้ในตอนที่ยังอายุน้อยมาก” ซูบีเมนดี้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเรอัล โซเซียดาดเกิน 200 นัด เป็นมืออาชีพที่ต้นแบบอย่างแท้จริง และบุคลิกแบบนี้คือสิ่งที่อาร์เซนอลต้องการ อาร์เซนอลต้องการเขาทั้งในแง่ฟุตบอลและบุคลิกผู้นำ พวกเขายังไม่มีมิดฟิลด์ตัวลึกที่สามารถรับบอลจากแนวรับและหมุนเกมได้ดีพอ "พวกเขายังขาดกองกลางตัวรับที่สามารถเล่นบอลได้จากเท้าหลัง" แกรี เนวิลล์ กล่าวทาง Sky Sports การจากไปของจอร์จินโญ่จะทำให้ทีมขาดประสบการณ์และผู้นำในห้องแต่งตัว แต่ซูบีเมนดี้ แม้จะอายุน้อยกว่าถึง 7 ปี ก็แสดงบทบาทผู้นำด้วยการเป็นแบบอย่างที่โซเซียดาดมาโดยตลอด ความเชื่อมโยงกับมิเกล อาร์เตต้า อีกหนึ่งจุดสำคัญคือ เขาเหมาะอย่างยิ่งกับผู้จัดการทีมอย่างมิเกล อาร์เตต้า ทั้งสองคนเกิดและเติบโตในเมืองซาน เซบาสเตียน และต่างเคยเล่นให้เรอัล โซเซียดาด รวมถึงเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังจากสโมสรเยาวชนเดียวกันคือ Antiguoko ความเข้าใจในวัฒนธรรมฟุตบอลแบบบาสก์ และรูปแบบการเล่นที่อาร์เตต้าต้องการ ทำให้ซูบีเมนดี้ไม่ใช่แค่การเสริมทีม แต่คือ “จิ๊กซอว์” ที่พอดีที่สุดในระบบอาร์เซนอลตอนนี้ “เขาเหมือนชาบี อลอนโซ่มากกว่าอาร์เตต้า” มิเกล อาร์เตต้า เคยถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามาตั้งแต่สมัยอยู่กับอะคาเดมี Antiguoko และก้าวไปสู่อะคาเดมีของบาร์เซโลนา (La Masia) ตั้งแต่อายุ 15 ปี แตกต่างจากมาร์ติน ซูบีเมนดี้ที่ไม่ได้โดดเด่นตั้งแต่แรก “เขาขี้อายมาก และร่างกายก็ยังไม่พัฒนาเท่าไหร่” โรแบร์โต้ มอนติเอล รองประธานสโมสร Antiguoko ซึ่งเคยเป็นโค้ชของอาร์เตต้า กล่าวกับ Sky Sports เรอัล โซเซียดาดเคยให้ซูบีเมนดี้มาทดสอบฝีเท้าหลายครั้งแต่ไม่เซ็นสัญญา “พวกเขาคิดว่าเขายังไม่ถึงระดับที่ต้องการ จนกระทั่งตอนเขาอายุ 14 ที่เราบอกว่าแอตเลติโก มาดริดก็สนใจ พวกเขาจึงรีบคว้าตัวไป” จุดเปลี่ยนของซูบีเมนดี้: พัฒนาทางกายภาพ + อ่านเกมเหมือนชาบี เมื่อร่างกายเริ่มพัฒนาขึ้น ซูบีเมนดี้ก็เริ่มฉายแวว “เขาใช้เท้าได้ทั้งสองข้าง, คิดเร็ว, และอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอในสนาม” มอนติเอลกล่าว “เขาเหมือนชาบี อลอนโซ่ในแง่มุมการมองเกม” เขามีเหตุผลที่จะพูดแบบนั้น เพราะเขาเคยเป็นโค้ชให้กับทั้งอาร์เตต้าและชาบี อลอนโซ่ในทีมเยาวชน Antiguoko มาก่อน และต่อมา ชาบี อลอนโซ่ก็เป็นคนที่ได้โค้ชซูบีเมนดี้อีกครั้งในทีมชุดบีของเรอัล โซเซียดาด “ผมคิดว่ามาร์ตินคล้ายชาบีมากกว่าอาร์เตต้า ทั้งตอนเป็นเด็กและในสไตล์การเล่น” “เขาจ่ายบอลดี, ตัดสินใจแม่น, เก็บบอลได้เก่ง และยังเป็นคนเงียบ ๆ แบบชาบี ส่วนมิเกลจะเปิดเผยมากกว่า มาร์ตินเลยอาจไม่โดดเด่นในสายตาคนอื่นเท่าไหร่” การเติบโตที่โซเซียดาด: จากคนเงียบ ๆ สู่นักเตะครบเครื่อง พอเข้ามาอยู่ในอะคาเดมีของโซเซียดาด ซูบีเมนดี้เริ่มมีความมั่นใจและสรีระแข็งแกร่งขึ้น “ปีแรกเขาก็เล่นดีแล้ว แต่พอขึ้นอายุไม่เกิน 16 ปี เขาก็ระเบิดฟอร์มเต็มที่” มอนติเอลกล่าว “ตอนนั้นเราทุกคนในสโมสรมั่นใจว่าเขาจะขึ้นทีมชุดใหญ่ได้แน่นอน” ไอตอร์ ซูไลก้า กล่าวเสริม “คุณภาพที่เขามีตอนนั้นก็เหมือนที่เราเห็นทุกวันนี้ คุมเกม, จ่ายบอล, อ่านจังหวะ แต่เขาก็รับบทเกมรับได้ยอดเยี่ยมด้วย เขาครบเครื่องทุกด้าน จะจ่ายสั้นหรือยาวก็ได้, พาบอลทะลุแนวได้, ยิงไกลได้, วิ่งได้หลายกิโลเมตร, ดักบอลทั้งบนพื้นและกลางอากาศเก่ง” แม้จะขึ้นทีมชุดบีของโซเซียดาดตั้งแต่อายุยังน้อยและต้องเล่นร่วมกับรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า 3–4 ปี แต่เขาก็ไม่มีอาการเกร็งเลยแม้แต่น้อย ซูบีเมนดี้: คนเงียบที่พูดผ่านฟุตบอล พร้อมพิสูจน์ตัวเองในระดับโลก “เขาไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะเขาเล่นร่วมกับรุ่นพี่ที่อาวุโสกว่า เขาพูดด้วยบอลต่างหาก” อดีตโค้ชกล่าวถึงซูบีเมนดี้ เมื่อได้โอกาส เขาคว้าไว้แน่น และไม่เคยปล่อยให้หลุดมือ เขายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีใครแทนที่เขาได้ ในทีมชุดใหญ่ของ เรอัล โซเซียดาด เขายังกลายเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ที่ลงสนามมากที่สุดตลอด 3 ฤดูกาลหลัง เวทีที่ใหญ่ที่สุด: พิสูจน์ตัวเองในนัดชิงยูโร ซูบีเมนดี้แสดงให้โลกเห็นถึงคุณภาพของเขาในจังหวะที่สำคัญที่สุด — รอบชิงยูโร 2024 ที่เยอรมนี เมื่อเขาลงมาแทน โรดรี้ ที่เจ็บในช่วงพักครึ่ง และช่วยให้สเปนคว้าชัยเหนืออังกฤษ “คุณเห็นเลยว่าเขากล้ารับบอล, กล้าพาบอลไปข้างหน้า, กล้าเล่น เขามั่นใจในตัวเองมาก” คาร์ลอส มาร์ติเนซ “เหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ก็เพราะเขาอยู่หลังนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกในตำแหน่งเดียวกัน” ซูไลก้า กล่าวถึงโรดรี้ จุดแข็ง: ครบเครื่องเกมรับ-รุก, ส่งบอลบุกดีกว่าไรซ์–จอร์จินโญ่ ในครึ่งหลังของเกมที่เบอร์ลิน เขาแสดงให้เห็นทุกอย่างที่เขาทำได้ เข้าปะทะแน่น, จ่ายทะลุไลน์, และพาสเปนขึ้นเกมอย่างมั่นใจ อดีตเพื่อนร่วมทีม คาเชอโนต์ บอกว่า “การเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คแล้วมีเขาอยู่ข้างหน้า คือความสุข เขาไม่เคยกลัวที่จะรับบอลหรือพยายามจ่ายบอลไปข้างหน้า” สถิติยืนยันสิ่งนั้น: เปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลไปข้างหน้า: 31.39% สูงกว่า ปาร์เตย์, จอร์จินโญ่ หรือ ไรซ์ ตราสำเร็จ อยู่ที่ 84.42% (ต่ำกว่า เพราะเขากล้าจ่ายเสี่ยงมากกว่า) ในลาลีกา ฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียง 4 คนที่จ่ายบอลทะลุแนวได้มากกว่าเขา และทั้งหมดอยู่ในทีมใหญ่: เปดรี้, บัลเบร์เด้, เด ปอล, เบลลิงแฮม เหตุผลที่อาร์เซนอลต้องการเขา ทีมของมิเกล อาร์เตต้า ขาดคนที่สามารถเปลี่ยนสปีดเกมจากแดนหลัง — โดยเฉพาะเวลาต้องเจอทีมที่ตั้งรับลึก “พวกเขาขาดนักเตะแบบนี้ ตอนที่ต้องเล่นบอลจากแนวรับด้วยจังหวะ 1-2 สัมผัส” มอนติเอล กล่าว “ซูบีเมนดี้เล่นได้ทุกจังหวะ อ่านเกมดี และเป็นคนที่พวกเขากำลังตามหา” ซูไลก้าเสริมว่า “ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, ลาลีกา หรือยูโร เขาเล่นได้หมด และจะมีที่ยืนในทุกทีมระดับท็อป” คาร์ลอส มาร์ติเนซ สรุปอย่างชัดเจนว่า “เขาเหมือนชาบี อลอนโซ่ — ทั้งความเข้าใจเกมและความยืดหยุ่น เขาเล่นเซ็นเตอร์แบ็คหรือฟูลแบ็คได้ด้วย ถ้าคุณถามผม เขาพร้อมแล้ว” บทสรุป: มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ไม่ใช่แค่กองกลางตัวรับที่ดี — แต่คือผู้นำที่เล่นภายใต้แรงกดดันได้, มีความกล้าจ่าย, คุมเกมเก่ง และมีพรสวรรค์ที่หายากในยุคนี้ เขาคือคำตอบที่อาร์เซนอลรอมานานในตำแหน่งเบอร์ 6 — และกำลังจะกลายเป็นหัวใจคนใหม่ในยุคของอาร์เตต้า. ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี ฟลอเรี่ยน แพตเทนแบร์ก นักข่าวจาก Sky Germany บอกว่า อาร์เซน่อล ยังไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าตัว เบนจามิน เซสโก้ ที่ตัวเลขระหว่าง 80-100 ล้านยูโร ตามที่ไลป์ซิกต้องการ ยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการจากอาร์เซน่อล อาร์เซน่อลกับตัวแทนของนักเตะยังคงมีการติดต่อกันอยู่ แต่เงื่อนไขส่วนตัวก็ยังไม่ได้มีการตกลงกันอย่างสมบูรณ์ อาร์เซน่อลเองก็ยังคงมีการจับตาสถานการณ์ของฝั่งวิคตอร์ เยอเกเรส ด้วย มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องทราบว่าเขาจะย้ายทีมด้วยตัวเลขที่ตกลงกันไว้ทางวาจาที่ 60-70 ล้านยูโร หรือทางสปอร์ติ้ง ต้องการมากกว่านั้น แอร์เบ ไลป์ซิก กำลังผลักดันในการควัาตัว โรมูโล คาร์โดโซ่ กองหน้าแซมบ้า ที่ถูกวางตัวเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่จะมาแทนที่ เบนจามิน เซสโก้ ที่กำลังจะย้ายออกจากทีม การพูดคุยกับทางตัวแทนของนักเตะได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว Record สำนักข่าวจากโปรตุเกส รายงานข่าวว่า การคว่ำบาตรของ วิคตอร์ เยอเกเรส ยังคงดำเนินต่อไป เจ้าตัวรู้สึกเหมือนถูกหักหลังและปฏิเสธที่จะติดต่อกับทางต้นสังกัดสปอร์ติ้ง ลิสบอน ทางสปอร์ติ้งพยายามที่จะติดต่อพูดคุย แต่ตัวแทนของนักเตะตอบปฏิเสธในทันที ABOLA สื่ออีกเจ้าของโปรตุเกส ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า เยอเกเรส ผิดหวังและพอใจกับผู้บริหารของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา เยอเกเรส ต้องการย้ายไปเล่นในลีกระดับท็อปของยุโรป และพรีเมียร์ลีกเป็นตัวเลือกแรก โดยเฉพาะกับอาร์เซน่อลด้วย จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้ามา แต่ทางอาร์เซ่อลได้มีการพูดคุยกับสปอร์ติ้งในตัวเลข 55 ล้านยูโร และโบนัสอีก 10 ล้านยูโร แต่ทางสปอร์ติ้งยังไม่พอใจกับตัวเลขดังกล่าว ดังนั้นอาร์เซน่อลจำเป็นต้องเพิ่มข้อเสนอ แต่จนกว่าข้อตกลงจะเสร็จสิ้น เยอเกเรสจะต้องกลับมาฝึกซ้อมกับทีมในช่วงต้นเดือนกรกฏาคม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ เบน จาค็อบส์ บอกว่า อาร์เซน่อล แสดงความสนใจ โรดรีโก้ ปีกทีมชาติบราซิลของเรอัล มาดริดอย่างจริงจัง และได้คุยกับทางฝั่งนักเตะมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทางทีมราชันชุดขาวตั้งค่าตัวนักเตะไว้ 90 ล้านยูโร Buchi Laba บอกว่า โธมัส ปาร์เตย์ ต้องการค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นในสัญญาฉบับใหม่ แต่ทางอาร์เซน่อลได้ยื่นข้อเสนอเป็นค่าเหนื่อยเท่าเดิมกับสัญญาปัจจุบัน โดยอาร์เซน่อลได้ยื่นข้อเสนอมาให้นักเตะพิจารณาตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบกลับ ตัวปาร์เตย์ได้รับข้อเสนอจากทีมในอิตาลีและตุรกี TNT สายวงในของอาร์เซน่อล ออกมาเปิดเผยว่า โปรแกรมการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เป็นอีกซีซั่นที่อาร์เซน่อลจะเจอโปรแกรมหนักตั้งแต่เริ่มต้น เขาบอกว่า: "การเซ็นสัญญาจะต้องเสร็จสิ้นด้วยดีก่อนเดดไลน์ มันเป็นการออกสตาร์ทที่ยากมากๆ (ของอาร์เซน่อล)" มีข้อมูลหลุดมาแต่ยังไม่ได้รับการยืนยันโปรแกรม 3 เกมส์แรกของอาร์เซน่อล จะเริ่มต้นด้วยการ เยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับน้องใหม่ลีดส์ ยูไนเต็ด และไปเยือนลิเวอร์พูล The Athletic รายงานข่าวว่า คาร์ลอส คูร์เอสต้า ผู้ช่วยของมิเกล อาร์เตต้า เตรียมอำลาทีมเพื่อไปรับงานในตำแหน่งเฮดโค้ชของสโมสรปาร์ม่า ทีมในกัลโช่ ซีรีย์อา อิตาลี คาดว่าเขาจะเดินทางไปที่อิตาลีในวันพรุ่งนี้ ถือเป็นการเสียบุคลากรคนสำคัญในทีมงานสต๊าฟของอาร์เวน่อล โดยเขาเพิ่งต่อสัญญา 3 ปีไปพร้อมกับสต๊าฟคนอื่น แมตต์ ลอว์ นักข่าวดังจาก Daily Telegraph รายงานข่าวว่า เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ย้ายไปอาร์เซน่อล แทบจะเสร็จสิ้นแล้ว ตามข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้รับคือ เขาไม่ต้องการเป็นตัวสำรอง หลังจากที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับบอร์นมัธ มีหลายสโมสรที่ให้ความสนใจและพร้อมให้เขาเป็นมือหนึ่ง ดังนั้นมันน่าแปลกใจที่เขายอมรับบทบาทนี้ (ที่อาร์เซน่อล) ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี แนวรุกของอาร์เซนอลต้องการการปรับปรุงใหม่ ความสนใจส่วนใหญ่ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ของพวกเขาในปีนี้จึงมุ่งไปที่ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความจำเป็นอย่างชัดเจนที่ต้องเพิ่มทางเลือกของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ในตำแหน่งตัวรุกริมเส้นด้วย หากสโมสรต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์อย่างจริงจังในฤดูกาลหน้า บูกาโย่ ซาก้า เป็นนักเตะดาวเด่นของอาร์เซนอลในตำแหน่งริมเส้น แต่เขาก็ต้องแบกรับภาระนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เรื่องนี้ถูก The Athletic ชี้ให้เห็นตั้งแต่ฤดูกาล 2020-21 เมื่อซาก้าในวัย 19 ปี เป็นนักเตะนอกสนาม (outfield player) ที่ถูกใช้งานมากเป็นอันดับสามของทีม รองจากกรานิต ชาก้า และเอคตอร์ เบเยริน ซาก้าประสบกับอุปสรรคครั้งใหญ่ครั้งแรกในเกมที่เขาลงเล่นให้อาร์เซนอลเป็นนัดที่ 250 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าซึ่งต้องพักนานถึงสามเดือน — ต่อมา ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี ก็ประสบชะตากรรมคล้ายกัน (แต่ของมาร์ติเนลลีนั้นเบากว่า) ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งสามคนนี้ถือเป็นสามประสานแดนหน้าที่อาร์เตต้าวางใจที่สุด แต่เมื่อมองไปข้างหน้าในเดือนสิงหาคมเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มขึ้น มีเพียงตำแหน่งของซาก้าเท่านั้นที่อาจจะยังมั่นคงในแผนการเล่นของอาร์เซนอล ขณะที่สโมสรมีเป้าหมายที่จะเพิ่มทางเลือกเชิงคุณภาพให้กับทีมชุดใหญ่ The Athletic รายงานว่า อาร์เซนอลกำลังให้ความสนใจ โรดรีโก้, นิโก้ วิลเลียมส์ และแอนโธนี่ กอร์ดอน ของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในที่นี้ เราจะวิเคราะห์ว่านักเตะแต่ละคนจะสามารถเพิ่มมิติใดให้กับทีมของอาร์เตต้า และเปรียบเทียบกับตัวเลือกแนวรุกที่มีอยู่แล้วอย่างไร อาร์เซนอลเองก็เคยมีลุ้นคว้าตัวลีรอย ซาเน่ ด้วย แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีรายงานว่า ดาวเตะทีมชาติเยอรมนีรายนี้กำลังมองหาความท้าทายใหม่กับกาลาตาซารายในตุรกี หลังจากสัญญากับบาเยิร์น มิวนิค สิ้นสุดลงในช่วงปลายเดือนนี้ โรดรีโก้ ด้วยจำนวนการลงเล่นให้เรอัล มาดริดไปแล้วมากกว่า 250 นัด โรดรีโก้ถือเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาสามเป้าหมายที่อาร์เซนอลกำลังให้ความสนใจ อาร์เตต้าและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชต่างชื่นชอบฝีเท้าของเขา โดยโรดรีโก้ยังเหลือสัญญาอยู่กับเรอัล มาดริดอีก 3 ปี ดาวเตะทีมชาติบราซิลยังไม่ได้พูดคุยกับชาบี อลอนโซ่ กุนซือคนใหม่ของมาดริดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง แต่ตามแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระบุว่า ตัวนักเตะต้องการรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญกับทีมไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม โรดรีโก้อายุ 24 ปี มากกว่ามาร์ติเนลลีเพียง 6 เดือน ในฤดูกาลปัจจุบันของมาดริด เขายิงไป 13 ประตูและทำอีก 9 แอสซิสต์จากทุกรายการ ส่วนในลาลีกาเขาทำได้ 6 ประตูและ 5 แอสซิสต์ โดยฤดูกาล 2023-24 เขายิงในลีกไป 10 ประตู แต่ฤดูกาลที่เขามีส่วนร่วมกับประตู (ยิง+จ่าย) มากที่สุดในลีกคือตอนปีที่แล้วที่ยิงได้ 9 และจ่ายอีก 8 โรดรีโก้ถูกมาดริดใช้งานหลากหลายในแนวรุกฤดูกาลนี้ แต่ตำแหน่งที่เขาสบายใจที่สุดคือฝั่งซ้ายหรือกึ่งกลาง มากกว่าฝั่งขวา ความถนัดทางซ้ายของเขาเห็นได้ชัดจากพื้นที่ที่เขามักสร้างโอกาสมากที่สุด นั่นคือ "ฮาล์ฟสเปซฝั่งซ้าย" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขามีผลงานโดดเด่น ในบรรดาสามนักเตะที่เรากำลังพูดถึง โรดรีโก้สร้างโอกาสได้มากที่สุดที่ 2.40 ครั้งต่อ 90 นาที ตามมาด้วยกอร์ดอนที่ 1.99 และวิลเลียมส์ที่ 1.80 โดยแน่นอนว่าคุณภาพของเพื่อนร่วมทีมมาดริดก็มีส่วนช่วยด้วย แต่ความหลากหลายในรูปแบบการสร้างโอกาสของเขาก็ถือเป็นข้อดีอีกอย่าง โรดรีโก้สามารถประสานงานกับคีเลียน เอ็มบัปเป้ และวินิซิอุส จูเนียร์ ด้วยการจ่ายสั้นในพื้นที่แคบ ๆ อย่างฮาล์ฟสเปซฝั่งซ้าย ซึ่งจากฟอร์มส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2024-25 จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่ออาร์เซนอล เพราะในพรีเมียร์ลีก อาร์เซนอลมักเจอกับแนวรับที่ถอยลึกหรือตั้งรับแน่น การมีนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกมในพื้นที่แคบจะช่วยเจาะแนวรับคู่แข่งได้ง่ายขึ้น ดังตัวอย่างในที่นี้: นอกจากนี้ โรดรีโก้ยังสามารถเปิดบอลจากพื้นที่กว้าง และสร้างโอกาสให้ตัวเองจากการเลี้ยงบอล แม้จะทำสิ่งนี้น้อยกว่าวิลเลียมส์และกอร์ดอนก็ตาม ด้วยวัยย่างเข้า 25 ปี โรดรีโก้เข้าสู่ช่วงอายุที่อาร์เตต้ามักชื่นชอบเมื่อต้องการเสริมทัพสำคัญในอดีต เช่น ไค ฮาแวร์ตซ์ และดีแคลน ไรซ์ ก็อายุ 24 ปีตอนที่ย้ายมาอาร์เซนอลในปี 2023 ส่วนกาเบรียล เฆซุส และโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก็อายุ 25 ปีเมื่อตอนย้ายมาเอมิเรตส์เมื่อซัมเมอร์ก่อนหน้านั้น ในฐานะแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย โรดรีโก้จะถือเป็นการเสริมทัพระดับยกระดับเพดานศักยภาพของอาร์เซนอล คล้ายกับที่เฆซุสและซินเชนโก้เข้ามาเติมเต็มทีมจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกในตอนนั้น นิโก้ วิลเลียมส์ อาร์เซนอลให้ความสนใจในตัววิลเลียมส์มาอย่างยาวนาน สัญญาฉบับล่าสุดของเขากับแอธเลติก คลับ ทีมในลาลีกา เซ็นไปเมื่อเดือนธันวาคม 2023 และมีผลจนถึงเดือนมิถุนายน 2027 ก่อนหน้านี้ บาร์เซโลน่าพยายามเซ็นสัญญากับปีกทีมชาติสเปนรายนี้ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแต่ไม่สำเร็จ ส่วนแอสตัน วิลล่าเองก็เคยแสดงความสนใจในเดือนมกราคม 2023 นับแต่นั้นมา วิลเลียมส์ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโรเมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน โดยเขาทำประตูใส่อังกฤษในรอบชิงชนะเลิศ และพาแอธเลติก คลับ ทีมบ้านเกิดในแคว้นบาสก์ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโรป้าลีกในฤดูกาลนี้ เขายิงไป 11 ประตูและทำอีก 7 แอสซิสต์จากทุกรายการในฤดูกาล 2024-25 โดยในลาลีกายิงได้ 5 และจ่ายอีก 5 ฤดูกาลที่มีส่วนร่วมกับประตูสูงสุดในลีกของเขาคือปีก่อนหน้านั้น ยิง 5 จ่าย 11 สิ่งที่ทำให้นักเตะวัย 23 ปี (จะครบ 23 ในวันที่ 12 กรกฎาคม) โดดเด่นกว่าปีกคนอื่นคือความกล้าที่จะเลี้ยงบอลบุกเข้าใส่ แม้โรดรีโก้จะพยายามเลี้ยงหลบใกล้เคียงกับซาก้าในสถิติต่อ 90 นาที แต่ในลีกยุโรปฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียงเจมี กิตเทนส์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า) และเฌเรมี โดกู (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) เท่านั้นที่เลี้ยงบอลมากกว่าวิลเลียมส์ แม้อัตราความสำเร็จในการเลี้ยงของเขาจะต่ำกว่าหลายคน แต่สไตล์การเล่นของเขาจะนำมิติใหม่เข้ามาสู่แนวรุกริมเส้นของอาร์เซนอล เขามักเล่นทางฝั่งซ้าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับทั้งมาร์ติเนลลีและเลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ต่างพยายามเลี้ยงบอลน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่ง ความแตกต่างในเรื่องปริมาณการเลี้ยงระหว่างเขากับโรดรีโก้เห็นได้ชัดจากจำนวนครั้งที่วิลเลียมส์ลากบอลมากกว่า 5 เมตรก่อนสร้างโอกาสหรือยิงประตู ตามสถิติในฤดูกาล 2023-24 เช่นเดียวกับอัตราความสำเร็จในการเลี้ยง ยังมีพื้นที่ให้พัฒนาต่อในเรื่องการเปลี่ยนโอกาสและการยิงให้เป็นประตู อย่างไรก็ตาม วิลเลียมส์มักสร้างปัญหาให้กับแนวรับคู่แข่งได้เสมอ ยกตัวอย่าง 2 จังหวะต่อไปนี้ที่เขาโชว์ความสามารถในการลากเลื้อย: จังหวะแรกเกิดขึ้นในเกมยูโรป้าลีกรอบ 16 ทีม นัดสองกับโรม่า เมื่อเดือนมีนาคม แอธเลติกพลิกสถานการณ์จากเกมแรกที่แพ้ในอิตาลี 1-2 กลับมาชนะในนัดนี้ ตอนแรกวิลเลียมส์จ่ายบอลฉลาดเข้าแดนกลางให้เกมไหลลื่น ก่อนรับบอลกลับมาในกรอบเขตโทษ กองหลังคิดว่าเขาจะลากออกด้านนอก แต่เขากลับแตะเข้าในด้วยเท้าซ้าย หลบกองหลังอีกคน แล้วชิพข้ามตัวผู้รักษาประตูเข้าไป นั่นคือประตูที่สองของเขาในเกมนี้ ส่วนประตูแรกเขาชาร์จบอลจ่อๆ ที่เสาสอง ซึ่งเป็นลักษณะประจำการเล่นริมเส้นของเขา และช่วยให้เขาทำประตูสำคัญให้ทั้งสโมสรและทีมชาติ รวมถึงนัดชิงยูโร 2024 ด้วย อีกตัวอย่างชัดๆ ของความสามารถในการเลี้ยง เกิดขึ้นในเกมที่แอธเลติกถล่มเรอัล บายาโดลิด 7-1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วิลเลียมส์รับบอลที่ริมเส้นแล้วพุ่งเข้าใส่แบ็คทันที จากนั้นแตะบอลเข้าในและแหวกแนวรับ 4 คน (ทีละ 2 คน) จนทำให้หนึ่งในนั้นล้มลง แทนที่จะยิงทันที เขาแตะหลบกองหลังคนสุดท้ายแล้วแปสวนตัว คาร์ล ไฮน์ นายทวารที่ยืมตัวมาจากอาร์เซนอล แม้ตัวอย่างทั้งสองจะเป็นการตัดเข้าใน แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา วิลเลียมส์มักสร้างโอกาสจากการลากไปจนสุดเส้นหลังแล้วตัดเข้ากลาง (cutback) หนึ่งในเหตุผลที่กองหลังของโรม่าอาจคาดว่าเขาจะลากออกนอก ก็เพราะส่วนใหญ่จังหวะเลี้ยงของเขาในฤดูกาล 2024-25 เป็นแบบนั้น อย่างไรก็ดี ความสามารถในการเลี้ยงได้ทั้งสองทางด้วยความเร็วเป็นสิ่งที่อาร์เซนอลน่าจะได้ประโยชน์ ทรอสซาร์เปลี่ยนจังหวะทิศทางได้ดีในพื้นที่แคบแต่ขาดความเร็ว ส่วนมาร์ติเนลลีเร็วแต่บางครั้งยังเสียบอลก่อนจ่าย แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิลเลียมส์จะลังเลที่จะย้ายออกจากแอธเลติก แต่ The Athletic รายงานเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วว่าสัญญาของเขามีค่าฉีกในระดับประมาณ 55 ล้านยูโร (ประมาณ 59 ล้านดอลลาร์ หรือ 47 ล้านปอนด์) เมื่อเทียบกับโรดรีโก้ เขาจะเป็นการเสริมทัพในรูปแบบที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังอายุน้อยกว่าทั้งโรดรีโก้และนักเตะรายอื่นที่อาร์เซนอลเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ก่อนหน้า นั่นหมายความว่าอาจต้องใช้เวลาปรับตัว แต่เขาก็จะเข้ามาเปลี่ยนมิติการโจมตีริมเส้นของอาร์เซนอลอย่างชัดเจน แอนโธนี่ กอร์ดอน กอร์ดอนมักสร้างความเจ็บแสบให้อาร์เซนอลอยู่เสมอนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดเมื่อสองปีครึ่งก่อน เขายิงประตูชัยแบบมีประเด็นในเกมที่นิวคาสเซิลชนะ 1-0 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์กในเดือนพฤศจิกายน 2023, แอสซิสต์ให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยิงประตูชัยในเกมที่จบด้วยสกอร์เดียวกันเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และยิงประตูได้ทั้งสองนัดในการพบกันในรอบรองชนะเลิศคาราบาวคัพเมื่อเดือนมกราคม โดยรวมแล้ว ฤดูกาล 2024-25 ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขา กอร์ดอนทำได้ 9 ประตูและ 6 แอสซิสต์จากทุกรายการ โดยในลีกยิง 6 จ่าย 5 เมื่อเทียบกับฤดูกาล 2023-24 ที่เขายิงไปถึง 11 ประตูและทำ 10 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกเพียงอย่างเดียว — ทั้งที่ตอนนั้นทีมต้องเจอกับความยากลำบากในการรับมือกับการเล่นทั้งพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีกพร้อมกัน กอร์ดอน ซึ่งมาจากเมอร์ซีย์ไซด์ อดีตเด็กปั้นของเอฟเวอร์ตัน รู้สึกไม่มั่นคงเมื่อดีลการย้ายไปลิเวอร์พูลล่มไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ในเดือนตุลาคมเขาก็เซ็นสัญญาใหม่กับนิวคาสเซิลจนถึงปี 2029 ถึงอย่างนั้น อนาคตของเขาและฮาร์วีย์ บาร์นส์ในทีมก็ยังไม่แน่นอน แม้นิวคาสเซิลจะคว้าตั๋วแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า แต่การขายนักเตะบางรายอาจช่วยให้สโมสรทำตามข้อกำหนดด้านการเงินและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก (PSR) ได้ เช่นเดียวกับโรดรีโก้และวิลเลียมส์ กอร์ดอนก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวในฐานะปีกฝั่งซ้าย เขาชอบสร้างโอกาสจากฮาล์ฟสเปซฝั่งซ้ายและพื้นที่ในเขตโทษ แต่จุดแข็งของเขาคือการวิ่งทำทางทะลุแนวรับจากด้านหลังมากกว่า เหมือนกับวิลเลียมส์ กอร์ดอนนำเสนอสไตล์การวิ่งแบบไม่มีบอลที่แตกต่างจากสิ่งที่อาร์เซนอลมีอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าทีมของอาร์เตต้าจะมีนักเตะที่วิ่งเติมซ้อนและวิ่งเข้ารับบอลจากการเปิดอยู่พอสมควร แต่ในฤดูกาล 2024-25 พวกเขามีนักเตะที่วิ่งทำทางทะลุแนวรับหรือลากวิ่งนำหน้าบอลน้อยลง ในขณะที่จุดเด่นของโรดรีโก้คือการจ่ายบอลสั้นและความคล่องตัวในพื้นที่แคบที่ช่วยเจาะแนวรับตั้งรับต่ำ กอร์ดอนสามารถช่วยให้ทีมโต้กลับเร็วก่อนที่คู่แข่งจะตั้งแนวรับได้ทัน ซึ่งจะทำให้อาร์เซนอลเล่นเกมรุกตรงไปตรงมามากกว่าที่เคยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา — และการมีรูปแบบการโจมตีหลากหลายก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการลุ้นแชมป์ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทั้งโรดรีโก้ วิลเลียมส์ และกอร์ดอน ต่างก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่อาจเป็นประโยชน์ต่ออาร์เซนอล แต่การเลือกว่าแบบไหนเหมาะสมที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย การตัดสินใจในเรื่องการเสริมกองหน้าคนใหม่อาจส่งผลต่อการเลือกปีกที่จะเข้ามาช่วยเสริมความสมดุลในแดนหน้าได้หรือไม่? ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ดี ตัวเลือกคุณภาพสูงในตำแหน่งริมเส้นกำลังเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์อย่างเต็มตัว ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี By Matt Pyzdrowski (THE ATHLETIC) แนวคิดที่ว่า อาร์เซนอล อาจจะเซ็นสัญญาคว้าตัว เกปา อาร์ริซาบาลากา ในช่วงซัมเมอร์นี้ อาจทำให้หลายคนประหลาดใจ และก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นี่คือผู้รักษาประตูที่ครั้งหนึ่งเคยมีค่าตัวในการย้ายทีมสูงเป็นสถิติโลก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากการย้ายทีมเกิดขึ้น อาร์ริซาบาลากาจะมายังอาร์เซนอลในฐานะผู้รักษาประตูสำรองอย่างชัดเจน ดาบิด รายา ยังคงเป็นมือหนึ่งที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ นี่อาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดาในอาชีพค้าแข้งของนักเตะระดับเขา ผู้ซึ่งเพิ่งกลับมาสร้างชื่อเสียงอีกครั้งด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งกับบอร์นมัธ และยังคงรักษามาตรฐานได้ดีในปีสุดท้ายกับเชลซี แต่มันจะดูเป็นแบบนั้นก็ต่อเมื่อคุณประเมินค่าบทบาทที่ยากและละเอียดอ่อนที่สุดบทบาทหนึ่งในวงการฟุตบอลต่ำเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสโมสรชั้นนำของอังกฤษ แล้วทีมต้องพิจารณาอะไรบ้างเมื่อจะหาผู้รักษาประตูสำรอง? นี่คืองานที่ต้องอาศัยความอ่อนน้อมถ่อมตน ความทะเยอทะยาน และวินัยทางจิตใจที่เหนือกว่า หากเซ็นสัญญาผิดพลาด ไม่ว่าจะในการคัดเลือกหรือการสื่อสาร ก็อาจสร้างความเสียหายมากกว่าผลดี แต่เมื่อคุณทำได้ถูกต้อง นี่อาจเป็นการเซ็นสัญญาที่สร้างผลกระทบอย่างเงียบๆ แต่สำคัญที่สุดของสโมสรเลยทีเดียว เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างพลวัตที่ดีที่ทั้งแข่งขันกันและทำงานร่วมกันได้ คุณต้องการให้มือหนึ่งรู้สึกกดดันเพียงพอที่จะรักษาความเฉียบคม แต่ไม่มากเกินไปจนสร้างรอยร้าวระหว่างเขากับมือสอง คุณต้องการให้ผู้รักษาประตูสำรองยกระดับการฝึกซ้อม และท้าทายผลักดันมือหนึ่งในทุกวัน แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ส่วนใหญ่แล้ว หน้าที่คือการสนับสนุนจากข้างสนาม นี่คือการรักษาสมดุล หากบริหารจัดการได้ดี ผู้รักษาประตูทั้งสองคนก็จะเติบโตได้ดี แต่หากบริหารจัดการไม่ดี คุณอาจเสี่ยงที่จะทำให้ตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในสนามของคุณสั่นคลอน การเป็นผู้รักษาประตูสำรองเป็นงานที่ยากและมักจะไม่ได้รับการยกย่อง คุณไปทำงานทุกวันและฝึกซ้อมอย่างหนักเท่ากับผู้รักษาประตูตัวจริง เตรียมตัวสำหรับการแข่งขันสุดสัปดาห์ราวกับว่าคุณเป็นคนที่จะได้ลงเล่น และเมื่อถึงวันแข่งขัน คุณก็ต้องนั่งดูอยู่ข้างสนาม ในขณะที่คุณสามารถหมุนเวียนผู้เล่นนอกสนามและปรับเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อให้พวกเขาได้ลงเล่นได้ คุณไม่สามารถทำเช่นนั้นกับผู้รักษาประตูของคุณได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถลงเล่นได้ในแต่ละครั้ง และหากมือหนึ่งยังคงฟิตและฟอร์มดี อาจเป็นสัปดาห์ บางครั้งเป็นเดือนกว่าที่มือสองจะได้ลงเล่นในการแข่งขันจริง และเมื่อคุณได้รับโอกาส ความคาดหวังคือคุณจะต้องทำผลงานในระดับสูงเช่นเดียวกับคนที่ได้ลงเล่นทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นงานที่ยากมากเมื่อการเป็นผู้รักษาประตูส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับจังหวะ ความรู้สึกในการแข่งขัน และช่วงเวลาที่ไม่สามารถจำลองได้ในการฝึกซ้อม การรักษาความเฉียบคมด้วยการได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอก็ยากพอแล้ว การรักษาความเฉียบคมโดยที่ไม่ได้ลงเล่นเลย? นั่นเป็นความยากอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว และไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ดี เมื่อคุณเล่นได้ดี ก็จะมีความรู้สึกว่าทุกคนคาดหวังอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีปัญหา ก็จะมีคำถามเกี่ยวกับความเฉียบคม ความน่าเชื่อถือ สภาพจิตใจของคุณ ทุกอย่างจะถูกตั้งคำถาม และบางครั้งก็อาจรู้สึกเหมือนเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีทางชนะเลย ความชัดเจนและการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การแข่งขันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่การพูดคุยอย่างต่อเนื่องจากสโมสร ทั้งผู้จัดการทีม, โค้ชผู้รักษาประตู, ผู้อำนวยการกีฬา ก็อาจจะสำคัญยิ่งกว่า ทุกคนต้องเข้าใจตรงกัน บทบาทของผู้รักษาประตูสำรองอาจเป็นบทบาทที่ซับซ้อนและต้องใช้ความอดทนทางอารมณ์มากที่สุดในทีม มันต้องการความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ความยืดหยุ่นทางจิตใจที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการรักษาสมดุล สนับสนุนผู้รักษาประตูตัวจริง, ผลักดันเขาในการฝึกซ้อมทุกวัน แต่ไม่เคยบ่อนทำลายเขา หากเส้นแบ่งไม่ชัดเจน หากความคาดหวังไม่ถูกระบุไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะก่อให้เกิดความตึงเครียดได้ เราเคยเห็นมาแล้ว และเมื่อการรับรู้บทบาทของผู้เล่นไม่ตรงกับสโมสร มักจะจบลงไม่สวย การเก็บผู้รักษาประตูสำรองที่ไม่พอใจไว้ก็เป็นความเสี่ยง ความไม่พอใจสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าอาร์เซนอลรู้ดีถึงกระบวนการนี้ เมื่อ อารอน แรมส์เดล ย้ายมาร่วมทีมในปี 2021 เพื่อแข่งขันกับ แบร์นด์ เลโน ในตอนแรก แรมส์เดลถูกมองว่าเป็นผู้รักษาประตูสำรอง แต่เขาก็กลายเป็นมือหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้เลโนรู้สึกผิดหวังและท้ายที่สุดก็ต้องย้ายออกไป จากนั้น เพียงสองปีต่อมา ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในรูปแบบที่ต่างออกไป: แรมส์เดล ซึ่งเป็นมือหนึ่งอย่างมั่นคง กลับถูกแทนที่โดย รายา การขาดความชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อผู้เล่นทั้งสองอย่างชัดเจน และสร้างเรื่องราวรองที่ยืดเยื้อตลอดฤดูกาลที่สโมสรคงอยากจะหลีกเลี่ยง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อาจกำลังเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาต้องการดึงตัว เจมส์ แทรฟฟอร์ด จากเบิร์นลีย์ ซึ่งเป็นผู้เล่นวัย 22 ปีที่มีความทะเยอทะยานในระดับนานาชาติ แต่พวกเขามีมือหนึ่งอยู่แล้วคือ นิก โป๊ป ดังนั้น เอ็ดดี้ ฮาว เฮดโค้ชจะต้องจัดการสถานการณ์นี้อย่างรอบคอบหากการย้ายทีมนั้นเกิดขึ้นจริง ตลอดอาชีพการเป็นผู้รักษาประตูของผม ผมได้สัมผัสทั้งสองด้านของพลวัตนี้ ประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของผมมักจะเป็นช่วงที่ความคาดหวังถูกทำให้ชัดเจน เมื่อผมย้ายไป เฮลซิงบอร์กส์ ในปี 2015 ผมได้รับแจ้งว่าหน้าที่ของผมคือการสนับสนุนผู้รักษาประตูตัวจริง ผลักดันเขาในการฝึกซ้อม และเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ถ้าผมดีพอ ผมก็จะได้ลงเล่น — แต่ผู้รักษาประตูตัวจริงคือคนที่สำคัญ ผมยอมรับความท้าทายนั้นและยอมรับบทบาทนั้น และมันนำไปสู่การที่ทั้งคู่มีฤดูกาลที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง ผู้รักษาประตูตัวจริงยกระดับการเล่นของเขา ผมยังคงเฉียบคม และเมื่อผมได้รับโอกาส ซึ่งบังเอิญเกิดขึ้นบ่อยครั้งในฤดูกาลนั้น ผมก็พร้อม นั่นคือสิ่งที่พลวัตของผู้รักษาประตูที่ดีควรจะเป็น แต่ผมก็เคยเจอประสบการณ์ตรงกันข้าม ผมเคยอยู่ในทีมที่มีผู้รักษาประตูสองคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันถูกสลับสับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่มีใครมีความชัดเจน และพวกเราทั้งคู่ก็เล่นต่ำกว่าระดับของเรา ความไม่แน่นอนกัดกินความมั่นใจของเรา เราสงสัยทุกสิ่งทุกอย่าง และทั้งทีมก็ได้รับผลกระทบ ฤดูกาลนั้น พวกเราตกชั้น ผู้รักษาประตูต้องการความมั่นใจมากกว่าผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ เกือบทั้งหมด เมื่อพวกเขามีความมั่นใจ พวกเขาจะเล่นได้อย่างอิสระ ด้วยสัญชาตญาณและความชัดเจน เมื่อพวกเขาไม่มี ทุกอย่างก็จะดูถูกบังคับและอึดอัด ผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีมก็สามารถรู้สึกได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการมีบทบาทที่ชัดเจน การสื่อสารที่แข็งแกร่ง และความเคารพซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ความโปร่งใสจากอาร์เซนอลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งหากอาร์ริซาบาลากาเข้าร่วมทีม และพวกเขาจะต้องสื่อสารให้ถูกต้องตั้งแต่วันแรก เขาต้องรู้ว่าคาดหวังอะไรบ้าง การลงเล่นของเขาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร สภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร และบทบาทของเขาจะเข้ากับภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร ไม่มีพื้นที่สีเทา ไม่มีคำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น ในฐานะผู้จัดการทีม คำสัญญา (โดยเฉพาะเรื่องเวลาการลงเล่น) เป็นอันตราย พวกเขามักจะถูกล่อลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเจรจาใกล้จะสำเร็จ เพื่อเสนอการรับประกันบางอย่าง แต่การบอกผู้เล่นว่าพวกเขาจะได้ลงเล่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้ หากคำสัญญานั้นไม่ได้รับการเติมเต็ม ความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับโค้ชก็จะพังทลาย ผู้เล่นจะเลิกเชื่อว่าผลงานในการฝึกซ้อมของพวกเขามีความสำคัญ ทำไมต้องผลักดันตัวเองถ้าลำดับการเล่นถูกกำหนดไว้แล้ว? แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการรักษาสมดุลนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ เซร์คิโอ โรเมโร อยู่กับสโมสร โรเมโรดีพอที่จะเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงให้กับหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกเมื่อเขาย้ายมาถึง แต่เขาเข้าใจและยอมรับบทบาทของเขาในการเป็นสำรองของ ดาบิด เด เคอา เขาให้การสนับสนุน, ผลักดันในการฝึกซ้อม และทำผลงานได้ดีเมื่อได้รับโอกาส — ทำคลีนชีทได้ 39 ครั้งจาก 61 เกม ขณะที่เด เคอาเองก็ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรถึงสามครั้งในช่วงหกปีที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน โรเมโรคือต้นแบบ: มีประสบการณ์, มีความสามารถ, เป็นมืออาชีพ และไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีอีโก้ ยูไนเต็ดไม่เคยต้องกังวลเรื่องความตึงเครียดในห้องแต่งตัว พวกเขามีผู้รักษาประตูสำรองที่เข้าใจหน้าที่ของตนเอง, เคารพในลำดับชั้น และยกระดับมาตรฐานเพียงแค่การมีเขาอยู่ นี่คือการจัดระเบียบแบบที่อาร์เซนอลอาจกำลังพยายามทำซ้ำกับ อาร์ริซาบาลากา และ รายา รายาคือคนที่ผู้จัดการทีม มิเกล อาร์เตต้า ต้องการ นั่นเป็นที่ชัดเจนแล้ว อาร์ริซาบาลากาจะไม่เข้ามาแข่งขันเพื่อตำแหน่งตัวจริง ยังไม่ใช่ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม หากรายาฟอร์มตก ประตูนั้นก็จะเปิดออก และอาร์ริซาบาลากาจะต้องพร้อมสำหรับโอกาสของเขา ในหลายๆ ด้าน มันเป็นบทบาทที่เหมาะกับเขา ที่บอร์นมัธในฤดูกาล 2024-25 อาร์ริซาบาลากาพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เล่นด้วยความมั่นใจและควบคุมได้ดีกว่าที่เราเคยเห็นในสองสามฤดูกาลสุดท้ายที่เชลซี ฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ยังบ่งบอกถึงการที่ผู้รักษาประตูเริ่มที่จะปรับตัวได้อีกครั้ง ไม่ได้ถูกถ่วงด้วยน้ำหนักของค่าตัวอีกต่อไป เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่งาน เขาอาจไม่ใช่ผู้เล่นคนเดียวกับที่ย้ายมาอังกฤษด้วยความคาดหวังที่สูงลิบ แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นที่มีคุณค่าในรูปแบบที่แตกต่างกันไป — ใครบางคนที่เป็นมือหนึ่งทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ, ผ่านความยากลำบาก, ฟื้นตัวกลับมาได้ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ประสบการณ์แบบนั้นมีค่าดุจทองในตำแหน่งผู้รักษาประตูสำรอง ผู้เล่นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันสามารถเข้ากับบทบาทนี้ได้ บางครั้งก็เป็นผู้รักษาประตูหนุ่มที่พยายามเรียนรู้และเติบโต รอโอกาสของตนเอง บางครั้งก็เป็นผู้เล่นอาวุโสที่มีประสบการณ์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง แต่บ่อยครั้งที่มือสองที่สมบูรณ์แบบคือใครบางคนที่อยู่ตรงกลาง: ดีพอที่จะลงเล่น และรู้ตัวดีพอที่จะรอ การย้ายทีมแบบนี้อาจไม่เป็นข่าวใหญ่เท่าการเซ็นสัญญาที่มีค่าตัวสูงๆ แต่มันสำคัญ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมสิ่งนี้จึงเป็นการทำธุรกิจที่ฉลาดจากอาร์เซนอลอย่างยิ่ง. ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี เครดิต: Spencer Mossman @@fc_mossman ไปเจอทวิตเธรด (Thread) ที่น่าสนใจ ที่อธิบายว่าทำไมถึงควรมอง เบนจามิน เซสโก้ ให้ลึกกว่าเพียงตัวเลขผิวเผินอย่างจำนวนประตู หรือค่า xG (Expected Goal) จุดเริ่มต้นของเธรดนี้มาจากกราฟเรดาร์ด้านล่าง ตัวเลขของเขาในฤดูกาลนี้ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน (สีน้ำเงินคือเมื่อฤดูกาล 2023/24, สีแดงคือฤดูกาล 2024/25) คำถามคือ เซสโก้ ผลงานดร็อปลงในฤดูกาลที่สองในบุนเดสลีกาหรือไม่? หรือมีปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง ในการอธิบายเรื่องนี้ได้ บวกกับเขาคือกองหน้าตัวเลือกแรกของอาร์เซน่อล ในตลาดนักเตะรอบนี้ และยังไม่เคยได้วิเคราะห์แบบละเอียด จึงถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะลองดูสักครั้ง กลุ่มผู้เล่นที่จะนำมาเปรียบเทียบกับเซสโก้ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ กองหน้าระดับอายุไม่เกิน 21 ปี ในบรรดา 5 ลีกชั้นนำของยุโรป ที่ลงเล่นเกิน 900 นาทีในฤดูกาลนี้ หรือฤดูกาลก่อน ทั้งหมดจำนวน 92 คน และกองหน้าในบุนเดสลีกา ที่อายุต่ำกว่า 24 ปี ที่มีค่า npxG (Non-Penalty expected Goals) อย่างน้อย 7.0 ซึ่งมีทั้งหมด 8 คน กลุ่มนี้จะมีบทบาทสำคัญในบทวิเคราะห์ลำดับต่อๆ ไป ก่อนเริ่มการวิเคราะห์แบบจริงจัง ผมลองถามผู้ติดตามก่อนว่า "คุณคิดว่า เบนจามิน เซสโก้ ในฤดูกาลนี้มีผลงานแย่กว่าในฤดูกาลก่อนหรือไม่?" ส่วนตัวผมเองก่อนที่จะศึกษาข้อมูล ก็คิดว่า เซสโก้ ฟอร์มตกลงไป แต่พอได้เจาะลึกลงไปในเรื่องของตัวเลขสถิติและบริบทต่างๆ แล้ว ผมเปลี่ยนความคิดของตัวเองทันที เบนจามิน เซสโก้ คือสัตว์ประหลาดทางด้านกายภาพ ผมเพิ่งทราบว่าเว็บไซต์ของบุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดเผย้อมูลด้านกายภาพให้สาธารณะทราบได้มากขนาดนี้ ลองดูอันดับต่อ 90 นาทีของ เชสโก้ เทียบกับกองหน้าคู่แข่งในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน การวิ่งแบบเต็มสปีด อันดับ 2 การเร่งสปีดความเร็ว อันดับ 2 ความเร็วสูงสุด อันดับ 2 ระยะทางการวิ่งรวม อันดับ 3 ชนะในการแย่งบอล อันดับ 2 ชนะในการแย่งโหม่ง อันดับ 1 เมื่อดูข้อมูลกองหน้าบุนเดสลีกาทั้ง 8 คน แล้วจัดอันดับในค่าเฉลี่ยในแต่ละด้าน ถ้าคุณอยากได้นักเตะกองหน้าที่วิ่งไม่มีหมด ก็ต้องเป็น แม็คซิมิเลียน ไบเออร์ กองหน้าของดอร์ทมุนด์ ถ้าอยากได้กองหน้าที่มีความเร็วสูง ก็ตองเป็น ลออิก โอเพนด้า กองหน้าเพื่อนร่วมทีมไลป์ซิกของเชสโก้ ถ้าอยากได้กองหน้าที่มีความแข็งแกร่งด้านร่างกายก็ต้อง โบนิเฟส หรือนิค โวลเตอมาเดอ แต่ถ้าหากคุณอยากได้กองหน้าที่ครบเครื่องทุกอย่างในคนเดียว เบนจามิน เชสโก้ คือคำตอบ!! บทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของเชสโก้ หากมองเผินๆ ผลงานการทำประตูของเชสโก้ ในฤดูกาลล่าสุดจะดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด จากสถิติเฉลี่ยต่อ 90 นาที สถิติ npG (Non-Penalty Goals) ลดจาก 0.83 เหลือ 0.42 สถิติ npxG (Non-Penalty Expected Goals) ลดจาก 0.45 เหลือ 0.32 แต่ตัวเลขมันไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด มีเหตุผลที่อยุ่เบื้องหลังสถิติเหล่านี้ บทบาทของเชสโก้ในสองฤดูกาลที่บุนเดสลีกา มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จาก Box Dominator มาเป็น Link-up Forward ฤดูกาล 2023/24 เขาคือ กองหน้าที่โจมตีกรอบเขตโทษแบบคลาสิก ส่วนฤดูกาลที่ผ่านมา เขาถูกจับถอยต่ำลงมา เชื่อมเกมส์ และทำทาง ในลักษณะคล้ายกับ False 9 แผนที่ Heat Map ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี และตัวเลขเหล่านี้ด้วย การจ่ายบอลขึ้นหน้า เพิ่มขึ้นจาก 1.29 เป็น 1.74 การพาบอลขึ้นหน้า เพิ่มขึ้นจาก 1.28 เป็น 1.78 การพาบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย เพิ่มจาก 0.76 เป็น 1.10 การพาบอลเข้ากรอบเขตโทษ ลดลงจาก 0.88 เหลือ 0.53 การสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษ ลดลงจาก 16.5% เหลือ 10.1% การรับบอลแดนบน ลดลงจาก 25.7% เหลือ 20.4% การสัมผัสบอลในแดนกลาง เพิ่มขึ้นจาก 40.7% เป็น 52.6% นอกจากนี้อัตราการวิ่งเฉลี่ยต่อเกมส์ของเขายังเพิ่มขึ้น จากเดิม 10.5 กิโลเมตร เป็น 11.23 กิโลเมตร การวิ่งแบบเต็มสปีด เพิ่มขึ้นจาก 75.61 เป็น 78.05 การเร่งสปีดความเร็วเพิ่มขึ้น 31.97 เป็น 33.09 การที่เขาเพิ่มปริมาณการวิ่งที่มากขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถรักษา อัตราการยิงประตูและโอกาสจบสกอร์ ได้ในระดับเดิม เชสโก้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวจบสกอร์หลักของทางไลป์ซิก เขาต้องถอยต่ำลงมาช่วยเชื่อมเกมส์ ดึงแนวรับคู่แข่ง เพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม การเปลี่ยนบทบาทนี้ อาจทำให้สถิติเรื่องการยิงประตูของเขาดร็อปลงไป แต่จริงๆ แล้ว เขาอาจกำลังกลายเป็น กองหน้าที่ครบเครื่องที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม หลังจากเรานำเขาไปเทียบกับกองหน้าอายุไม่เกิน 24 ปีในบุนเดสลีกา เยอรมันแล้ว เรามาลองเปรียบเทียบกับกลุ่มกองหน้า อายุไม่เกิน 21 ปี ในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ผมได้ทำการวัดแบบจำลอง 2 แบบ แบบแรกคือ Box Dominator Rating จะบ่งบอกความอันตรายในกรอบเขตโทษ (การสัมผัสบอนในกรอบเขตโทษ x จำนวนการยิงประตู x npXG) และสองคือ Link-up Play Target Man Rating บ่งบอกความสามารถในการเชื่อมเกมส์และเล่นเป็นเป้าหมายแดนบน (%สัมผัสบอลในพื้นที่แดนกลาง x จำนวนเฉลี่ยในการชนะในลูกกลางอากาศ x อัตราการโดนแย่งบอลต่อการสัมผัสบอล) ผลลัพธ์ที่ได้ของ เบนจามิน เชสโก้ ในฤดูกาล 2023/24 เขาอยู่ในอัดนับ 13 ของ Box Dominator และอันดับ 10 ใน Target Man มันบ่งชี้ว่าเขาเป็นกองหน้าที่มีความครบเครื่องทีเดียว ส่วนในฤดูกาล 2024/25 ในบทบาท Target Man เขาพุ่งมาอยู่อันดับ 3 แต่คะแนนของ Box Dominator ลดลดอย่างชัดเจน เพราะเขาถูกวางให้ทำหน้าที่เชื่อมเกมส์มากกว่าที่จะเข้าไปจบสกอร์ เซสโก้ อาจยังไม่ได้สมบูรณ์แบบในบทบาท เพชรฆาตในกรอบเขตโทษ แต่เขากำลังจะกลายเป็นกองหน้าที่ยอดเยี่ยมในหลายด้านที่คนอาจจะมองข้ามไป การชนะในการดวลลูกกลางอากาศ, สามารถถอยต่ำลงมาเชื่อมเกมส์, เก็บบอลท่ามกลางคู่แข่ง และเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม นี่จะเป็นรากฐานที่แข็งแรงมากสำหรับการพัฒนาไปเป็นกองหน้าระดับโลกในอนาคต สถิติการยิงประตูของเชสโก้ ถ้าพูดถึงผู้เล่นตำแหน่งกองหน้า แน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องการยิงประตูไปได้ มาดูสถิติของเชสโก้ ในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูของเขาตลอดอาชีพ และในบุนเดสลีกา สองฤดูกาลที่ผ่านมา ตลอดอาชีพ: จำนวนการยิงประตู (373) จำนวนประตูไม่รวมจุดโทษ (76) Expected Goals (60.99) Non-Penalty Expected Goals (58.22) บุนเดสลีกา: จำนวนการยิงประตู (113) จำนวนประตูไม่รวมจุดโทษ (25) Expected Goals (17.56) Non-Penalty Expected Goals (15.97) เชสโก้ ตอบโจทย์ทุกอย่างสำหรับสโมสรที่มองหากองหน้าชั้นยอด จำนวนการยิงมากพอ ยิงประตูได้มากกว่าค่า Expected Goals เขาทำแบบนี้มาได้ตลอดทั้งอาชีพ และในลีกระดับท็อปอย่างบุนเดสลีกา เขายังสามารถรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างต่อเนื่อง สรุปง่ายๆ เขาคือกองหน้าที่ยิงประตูได้อย่างเฉียบคม ยิงเกินค่าเฉลี่ย อย่างมีนัยยะสำคัญ ถัดไปเราจะมาเจาะลึกเข้าไปอีก ว่าเชสโก้ ยิงประตูได้จากสถานการณ์ใดบ้าน และมีความพึ่งพาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ โดยเทียบกับบรรดากองหน้าระดับท็อปที่อยู่ในตลาดตอนนี้ กองหน้าเหล่านี้ต้องการพึ่งพาจังหวะสวนกลับที่มีพื้นที่เปิดหรือไม่ในการทำประตู เนื่องจากการมาเล่นกับอาร์เซน่อล ส่วนใหญ่พวกเขาอาจต้องเจอสถานการณ์ที่คู่แข่งถอยลงไปรับลึก ซึ่ง เชสโก้ อยู่ในระดับกลางๆ เขามีความสามารถในการเล่นจังหวะสวนกลับ แต่ไม่ได้พึ่งพามากจนเกินไป การยิงประตูจากเท้าข้าไม่ถนัด จะเห็นได้ว่า เชสโก้ จัดอยู่ในกลุ่มบนๆ กองหน้าที่มีความสามารถในการยิงด้วยเท้าข้างไม่ถนัด ซึ่งถือว่า มีความยืดหยุ่นสูงในการยิงประตู ได้พึ่งพาเฉพาะเท้าขวาข้างถนัดเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังระบุว่า จริงๆ แล้ว ลูกโหม่งของเขาทำผลงานได้โดดเด่นมาก เขายิงด้วยเท้าซ้าย 4 ประตู (xG 3.06) แม้ว่าตัวเลขตัวอย่างอาจน้อยไปหน่อย (19 ครั้ง) แต่การเปลี่ยนเป็นประตูด้วยเท้าข้างไม่ถนัด ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเท้าข้างถนัดมากนัก บทสรุปจากเธรดนี้ ที่เกี่ยวข้องกับ เบนจามิน เชสโก้ ความสามารถเชิงกายภาพที่โดดเด่น ทั้งความแข็งแรง ความเร็ว และการเล่นลูกกลางอากาศ เขามีอัตราการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่กองหน้าที่ใช้โอกาสเปลือง Conversion Rate อยู่ในระดับที่สูง เขาเหมาะกับสิ่งที่อาร์เซน่อลต้องเจอ ที่ต้องเจอคู่แข่งที่มารับลึก มากกว่าจะมาเปิดพื้นที่หลังแบ็ค มีความยืดหยุ่นในการทำประตูทั้งจากเท้าทั้งสองข้าง และลูกโหม่ง สามารถเล่นได้หลากหลายบทบาท ทั้งการลงมาเชื่อมเกมส์และเปิดพื้นที่ หรือจะให้เขาขึ้นไปเป็นตัวโจมตีในกรอบเขตโทษก็ได้ หลายคนยังมองเขาว่ายังเป็นผู้เล่นที่ "ดิบ (Raw)" อยู่ แต่หลังจากทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าหากนี่เป็นเวอร์ชันที่ยังดิบของเชสโก้ ผมกลัวจริงๆ ว่าเวอร์ชันเชสโก้ ที่สุกงอมแล้ว มันจะขนาดไหน หากสโมสรกำลังมองหากองหน้าหมายเลข 9 ในระยะยาว นี่อาจเป็น สัตว์ประหลาดที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งคุณไม่ควรพลาดที่จะปลุกมันขึ้นมา ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า หน้าร้อนนี้คือช่วงเวลา "Win Now" ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล กำลังมองหาชิ้นส่วนสุดท้ายของจิ๊กซอว์ ที่หวังว่าจะลงล็อกพอดีในการพาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ในปี 2026 ผู้บริหารของอาร์เซน่อล มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนเขาในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เราวางแผนจะลงทุนเพื่อสนับสนุนการคว้าแชมป์และทำให้ดีกว่าเดิมในฤดูกาลหน้า” จอซ ครองเก้ ประธานร่วมของสโมสร กล่าวกับแฟนบอลในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่แฟนๆ ไม่ค่อยประทับใจกับการเสริมทัพของสโมสรในสองตลาดนักเตะที่ผ่านมา แฟนบอลอาร์เซน่อลจึงคาดหวังว่าครั้งนี้จะมีการเซ็นสัญญานักเตะที่สามารถสร้างผลกระทบได้ทันที อย่างไรก็ตาม สโมสรต้องมองให้ไกลเกินกว่าแค่ฤดูกาล 2025-26 ตลาดนักเตะครั้งนี้จึงเป็นโอกาสในการดึงนักเตะฝีเท้าดีที่ไม่เพียงช่วยทีมในฤดูกาลหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยในระยะยาว อาร์เซน่อลจะสร้างสมดุลระหว่างการเสริมความแข็งแกร่งทันที กับการป้องกันอนาคตของทีมและการเสริมดาวรุ่งได้อย่างไร? แต่คำถามสำคัญคือ: กลยุทธ์การเสริมทัพแบบไหนที่จะรองรับเป้าหมายนั้นได้อย่างยั่งยืน? มิเกล อาร์เตต้า มั่นใจว่าทีมจำเป็นต้องเสริมผู้เล่นที่พร้อมใช้งานในพรีเมียร์ลีกทันทีในซัมเมอร์นี้ ขณะเดียวกัน สโมสรเองก็ให้การสนับสนุน แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ หัวหน้าฝ่ายอคาเดมี ด้วยงบประมาณสำหรับการเสริมทีมในระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 16 และ 17 ปี แต่ระหว่างสองขั้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งกลุ่มที่ควรพิจารณา: "นักเตะที่กำลังพัฒนา" (Development Players) กลุ่มผู้เล่นอายุ 18-21 ปี ที่แม้ยังไม่ใช่ตัวหลักของทีมชุดใหญ่ แต่พร้อมมีส่วนร่วมเมื่อจำเป็น และที่สำคัญคือพวกเขาคือ "การลงทุน" อาจกลายเป็นสตาร์ในอนาคต หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่ม อาร์เซน่อลยุคอาร์แซน เวนเกอร์ เคยใช้แนวทางนี้อยู่บ่อยครั้ง ในช่วงที่สโมสรต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงจากการสร้างสนามเอมิเรตส์ ซึ่งการซื้อนักเตะราคาถูกแต่มีศักยภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็น แม้ปัจจุบันอาร์เซน่อลเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งในด้านเป้าหมายและสถานะทางการเงิน แต่นี่ยังเป็นแนวทางที่อาจควรรักษาเอาไว้? ครอบครัวโครเอนเก้เข้าใจความท้าทายนี้ดี เหมือนเจ้าของทีมอเมริกันในพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่ พวกเขาชอบแนวคิดเรื่อง "ซื้อดาวรุ่งที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงในอนาคต" แต่ก็รู้เช่นกันว่าทีมต้อง "ชนะให้ได้เดี๋ยวนี้" พวกเขาเคยแสดงให้เห็นในทีมอื่น เช่น Los Angeles Rams ที่ลงทุนในตัวเก๋าและคว้าแชมป์ Super Bowl ได้ในปี 2022 แต่ที่ผ่านมา อาร์เซน่อลมีความลังเลที่จะลงทุนกับ "นักเตะที่กำลังพัฒนา" เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ยกตัวอย่างในตลาดมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทีมต้องการกองหน้าเข้ามาเสริมแบบเร่งด่วน สะท้อนให้เห็นปัญหานี้อย่างชัดเจน บางฝ่ายในสโมสรผลักดันให้สโมสรซื้อตัว นีปาน และวิคตอร์ ไรส์ แต่อาร์เตต้า กลับต้องการ โอลลี่ วัตกินส์ กองหน้าวัย 29 ปีของแอสตัน วิลล่า ที่จะเข้ามาช่วยแก้วิกฤตขาดแคลนศูนย์หน้าของทีม แต่สองแนวทางนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งกันเสมอไป ทั้งการลงทุนในดาวรุ่ง และการซื้อผู้เล่นพร้อมใช้งาน สามารถเสริมกันได้ การวางแผนอนาคตและการต่ออายุทีม คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เสริมทัพที่รอบด้าน หน้าที่นี้ตกอยู่กับผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ อันเดรีย แบร์ต้า ในขณะที่อาร์เตต้าเน้นปัจจุบัน แบร์ต้าคือตัวแปรสำคัญสำหรับแผนระยะกลางและยาว เขาต้องตัดสินใจว่าจะมีที่ว่าง (ทั้งในแผนงานและงบประมาณ) สำหรับนักเตะพัฒนาหรือไม่ ตัวอย่างชัดเจนในเรื่องนี้: ตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 เบนจามิน เซสโก้ จาก แอร์เบ ไลป์ซิก คือโปรเจกต์แห่งอนาคต เขาเพิ่งอายุ 22 ปี มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา ขณะที่ วิกเตอร์ เยอเกเรส ของสปอร์ติง ลิสบอน กำลังอยู่ในช่วงพีค อายุครบ 27 ปีเมื่อต้นสัปดาห์นี้ พร้อมช่วยทีมทันที สองตัวเลือกนี้ สะท้อนคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี อาร์เซน่อลจะชนะตอนนี้ หรือสร้างเพื่ออนาคต หรือทำทั้งสองอย่างพร้อมกันได้จริงหรือไม่!? เรายังต้องรอการเซ็นสัญญาครั้งแรกของ อันเดรีย แบร์ต้า แต่เขาได้เริ่มกระบวนการปรับโฉมทีมงานแมวมองของอาร์เซน่อลแล้ว หลังการจากไปของ เจสัน ไอโต อดีตผู้ช่วยและผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราว สโมสรอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสูงกับ มัตเตโอ โตญอซซี เพื่อรับตำแหน่งระดับอาวุโสในทีมสรรหานักเตะ โตญอซซีเคยมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง Juventus Next Gen ทีมชุดยู-23 ของยูเวนตุส ที่ถูกส่งเข้าแข่งขันในระดับเซเรีย ซี (ดิวิชันสามของอิตาลี) เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างเยาวชนกับทีมชุดใหญ่ ผลงานของเขาที่ตูรินได้รับคำชื่นชมอย่างมาก ในยุคนั้น นักเตะอย่าง ดีน ฮุยเซน, เคนาน ยิลดิซ, มาติอัส ซูเล่ และ ซามูเอล อิลลิง-จูเนียร์ ต่างถูกดึงตัวและก้าวสู่ฟุตบอลระดับสูงได้สำเร็จ โตญอซซีอาจเข้าร่วมอาร์เซน่อลในซัมเมอร์นี้ แต่ก็อาจสายเกินกว่าที่จะมีบทบาทในการเจรจาดีลช่วงตลาดซื้อขายนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งเขาอาจสะท้อนถึงลำดับความสำคัญของแบร์ต้าในการเน้นการเฟ้นหากลุ่มผู้เล่นที่สามารถพัฒนาได้ (Development Player) แล้วทั้งหมดนี้มีความอย่างไรต่อดีลของ "คารัตเซส" ค่าตัวที่อาจจะพุ่งเกิน 30 ล้านยูโร ถือว่าสูงมาก สำหรับนักเตะที่ยังไม่สามารถลงเล่นให้กับอาร์เซน่อลได้ภายในปีนี้ (นักเตะต้องอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ก่อน) ตลอดช่วงที่ผ่านมา เสียงของอาร์เตต้า คือเสียงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในการเสริมทัพทีมชุดใหญ่ คำถามคือ เขาจะสนับสนุนการเซ็นสัญญาที่ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อทีมชุดใหญ่ในทันทีหรือไม่? ถ้าไม่ แบร์ต้า จะมีอำนาจ ความสามารถ หรือความมุ่งมั่นมากพอ ที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของอาร์เตต้าได้หรือเปล่า? การที่ผู้จัดการทีม มีส่วนร่วมในการตัดสินใจถือเป็นเรื่องสำคัญ หากอาร์เซน่อลจะใช้แนวทางการสร้างทีมเพื่ออนาคต ควบคู่ไปด้วย สำหรับคารัตเซส เขาเคยเล่นให้ทีมชาติเบลเยี่ยมในระดับเยาวชน เมื่อมาถึงระดับทีมชุดใหญ่ เขาเลือกที่จะเล่นให้กับกรีซ ที่เป็นบ้านเกิดพ่อ-แม่ของเขา เขาลงเล่นนัดแรกกับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม โดยลงมาเป็นตัวสำรองในเกมส์กับสก็อตแลนด์ ในศึกเนชันส์ลีก รอบเพลย์ออฟ และยิงประตูแรกได้ในเกมส์เลกที่สอง กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้ทีมชาติกรีซ ด้วยวัย 17 ปี 4 เดือน 4 วัน เขาเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองของกรีซยุคใหม่ อาร์เซน่อลยังตามอง คริสตอส มูซากิติส มิดฟิลด์วัย 18 ปีของโอลิมเปียกอส ซึ่งทางอาร์เซน่อลกำลังจับตามอง คารัตซาส อย่างใกล้ชิด พวกเขาติดตามความก้าวหน้าอันรวดเร็วของนักเตะ ตั้งแต่ที่เล่นในทีมสำรองของเกงค์ (ยอง เกงค์) ก่อนจะขึ้นชุดใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา คารัตซาสในวัย 16 ปี ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในลีกสูงสุดของเบลเยี่ย การแจ้งเกิดของเขา ช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการย้ายทีมของ บิลาล เอล-คานนูสส์ ที่ย้ายไปเลสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนสิงหาคม คารัตซาส สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งกองกลางตัวรุกหมายเลข 8 และ 10 และยังเล่นริมเส้นฝั่งขวาได้ด้วย การเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งจากข้างนอกจะกระทบผลผลิตจากอะคาเดมี่หรือไม่? อีกหน่งข้อโต้แย้งที่อาจมีจากภายในสโมสร คือ พวกเขาอาจมองว่าการลงทุนในนักเตะดาวรุ่งในตอนนี้ จะกระทบกับผลผลิตจากอะคาเดมี่ของสโมสรหรือไม่ เช่น อีธาน วาเนรี, แม็กซ์ ดาวแมน และคารัตเซส ล้วนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ถนัดเท้าซ้ายเหมือนกัน คำถามคือ อาร์เซน่อลจะเสี่ยงอัดแน่นตำแหน่งนี้มากเกินไปหรือไม่? โดยเฉพาะในบริบทที่ต้องแสดงให้เห็น เส้นทางในการพัฒนา หรือเส้นทางในการขึ้นสู่ชุดใหญ่ ที่ชัดเจนให้แก่ดาวรุ่งของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียแบบที่พวกเขาเสีย ชิโด โอบี-มาร์ติน และเอแซค เฮฟเว่น ไปให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดท้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของสโมสรว่า วาเนรี และดาวแมน จะถูกวางไว้เล่นในตำแหน่งไหนในทีมชุดใหญ่ และการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ของ วาเนรี จะลงเอยอย่างไร สำหรับอาร์เซน่อล จุดสำคัญคือ "ความสมดุล" ถ้าพวกเขาไม่แก้ไขปัญหาปัจจุบัน ก็อาจจะพลาดโอกาสอีกครั้งในฤดูกาลหน้า ขณะเดียวกันทีมคู่แข่งอย่างแมนซิตี้ และเชลชี ก็ยังคงเดินหน้าสะสมนักเตะดาวรุ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยสายตาที่มองไปที่อนาคต หากอาร์เซน่อล ละเลยนักเตะที่สามารถพัฒนาได้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเขาอาจต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลังคู่แข่ง แทนที่จะเป็นผู้นำในเกมส์เสียเอง ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี HandOfArsenal สายวงในของอาร์เซน่อล ออกมาเปิดเยผว่า อาร์เซนอลวางโรดรีโก้เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งในตำแหน่งปีกช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานล่าสุดที่เปิดเผยร่วมกับนักข่าว @Rodra10_97 จาก Relevo ทีมงานเสริมทัพของอาร์เซนอลมีความเห็นตรงกันว่า โรดรีโก้ โกเอส คือผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมในการลุ้นแชมป์รายการใหญ่ มีรายงานว่าแข้งตัวหลักของอาร์เซนอลบางรายได้พูดคุยกับโรดรีโก้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในลอนดอนเหนือและการเล่นให้กับอาร์เซนอลแล้ว แม้ว่าจะมีหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกที่สนใจและเริ่มดำเนินกลยุทธ์เพื่อดึงตัวเขาเช่นกัน แต่อาร์เซนอลเตรียมยื่นข้อเสนอทางการเงินที่แข็งแกร่ง หากเรอัล มาดริดเปิดโอกาสขายนักเตะรายนี้ออกจากตลาด สถานการณ์ล่าสุดของโรดรีโก้เป็นอย่างไร? ตามที่เคยมีรายงานมาก่อนหน้านี้ โรดรีโก้เตรียมเข้าพบ ชาบี อลอนโซ่ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด เพื่อพูดคุยถึงบทบาทในทีม ซึ่งการประชุมนี้ยังไม่เกิดขึ้น โดยมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมว่า โรดรีโก้จะพยายามแสดงความต้องการในการเล่นตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นจุดที่สามารถปลดปล่อยศักยภาพสร้างสรรค์ได้มากที่สุด การแข่งขัน ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ จะมีบทบาทสำคัญในการชี้ชะตาอนาคตของโรดรีโก้ โดยมาดริดยังคงยืนกรานว่าจะไม่ขายนักเตะ เว้นแต่ตัวผู้เล่นร้องขอย้ายทีมด้วยตัวเอง หากโรดรีโก้เปิดทางย้ายทีม อาร์เซนอลพร้อมจัดดีลใหญ่แบบ “โอซิล” อีกครั้ง และพร้อมแข่งขันกับทุกสโมสรเพื่อคว้าลายเซ็นของแข้งบราซิลรายนี้ เดลี่ เอ็กซ์เพลส เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล ได้มีการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ มอร์แกน โรเจอร์ กับทางแอสตัน วิลล่า ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่มีการติดต่อเพิ่มเติมหลังจากนั้น โดยทางแอสตัน วิลล่า ต้องการค่าตัวนักเตะ 70 ล้านปอนด์ โดยก่อนหน้านี้ทาง The Times ได้มีรายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล ได้เพิ่มชื่อ มอร์แกน โรเจอร์ เป็นหนึ่งในเป้าหมายเสริมทัพ กับตำแหน่งริมเส้นทางฝั่งซ้าย
-
ดูบอลสดฟรี The Times รายงานข่าวว่า อาร์เซนอลได้เพิ่ม มอร์แกน โรเจอร์ส ของแอสตัน วิลลา และอีกอร์ ไปเซา ของเฟเยนูร์ด เข้าในรายชื่อเป้าหมายเกมรุกช่วงซัมเมอร์นี้ มิเกล อาร์เตต้าให้ความสำคัญกับการเพิ่มความหลากหลายในเกมรุก หลังทีมจบอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยยิงได้เพียง 69 ประตู น้อยกว่าฤดูกาลก่อน 22 ประตู เขาต้องการเสริมปีกซ้าย, กองหน้า, เซ็นเตอร์แบ็ก และอาจรวมถึงกองกลาง แม้จะใกล้ปิดดีล 51 ล้านปอนด์กับมาร์ติน ซูบีเมนดี จากเรอัล โซเซียดาด อาร์เตต้าชอบนักเตะสารพัดประโยชน์และมักเลือกผู้มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก โรเจอร์ส วัย 22 ยิง 8 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ให้วิลลาในซีซั่นแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก และติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน เขาเล่นได้หลายตำแหน่งทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก กองหน้า และปีก โดยเพิ่งขยายสัญญากับวิลลาจนถึงปี 2030 อาร์เซนอลอาจต้องจ่ายค่าตัวสูงเพื่อดึงเขาไปร่วมทีม ขณะที่ไปเซาวัย 24 ปี เป็นตัวเลือกที่ถูกกว่าโรเจอร์ส รวมถึงลีรอย ซาเน่ และนิโก้ วิลเลียมส์ โดยเขายิง 16 ประตู และทำ 14 แอสซิสต์ในลีกกับเฟเยนูร์ด พร้อมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเนเธอร์แลนด์ เขาย้ายจากคอริทิบาเมื่อ 3 ปีก่อน และมีสัญญาถึงปี 2029 แม้ยังไม่ติดทีมชาติบราซิล แต่มีข่าวกับลีดส์ ยูไนเต็ดเช่นกัน อาร์เซนอลได้มีการเจรจากับตัวแทนของนิโก้ วิลเลียมส์ และลีรอย ซาเน่ ซึ่งซาเน่กำลังจะหมดสัญญากับบาเยิร์น มิวนิค และยังไม่ตกลงสัญญาใหม่ ทั้งสองรายเป็นปีกค่าตัวสูง ซึ่งอาจกระทบกับงบในตำแหน่งอื่น โดยซาเน่ วัย 29 ปี รับค่าเหนื่อยมากกว่า £220,000 ต่อสัปดาห์ที่บาเยิร์น และคาดว่าจะเรียกร้องค่าเหนื่อยระดับเดียวกัน พร้อมโบนัสเซ็นสัญญาเนื่องจากเป็นแข้งฟรีเอเย่นต์ สำหรับวิลเลียมส์ มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ £42 ล้าน แต่คาดว่าจะเรียกร้องค่าเหนื่อยมากกว่า £250,000 ต่อสัปดาห์ ขณะนี้แอธเลติก บิลเบา กำลังพยายามขยายสัญญาของแข้งวัย 22 ปีออกไปจากเดิมที่จะหมดในปี 2027 โดยเขาน่าจะได้ลงตัวจริงให้ทีมชาติสเปนเจอกับฝรั่งเศสในศึกเนชันส์ลีก รอบรองชนะเลิศ คืนวันพฤหัสบดีนี้ แม้ทีมคู่แข่งจะเร่งเสริมทัพในเดือนนี้ แต่ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของอาร์เซนอล อันเดรีย แบร์ต้า นิยมเจรจาหลายดีลสำหรับตำแหน่งเดียวกัน ก่อนจะตัดสินใจเลือกเซ็นใคร การเสริมทัพของอาร์เซนอลจะต้องมีความสมดุล ทั้งในแง่ค่าตัวและอายุ พวกเขากำลังพิจารณาวิธีบริหารงบประมาณให้ดีที่สุด เพราะการเซ็นสัญญาปีกค่าตัวแพงอาจทำให้ไม่สามารถลงทุนในตำแหน่งอื่นได้มากนัก อีกหนึ่งคำถามใหญ่คือจะเลือกนักเตะดาวรุ่งที่มีโอกาสพัฒนาและขายต่อในอนาคต หรือเลือกนักเตะประสบการณ์สูงเพื่อช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ หลังจากจบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก และทะลุถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา ฤดูร้อนที่แล้ว อาร์เซนอลมีการใช้เงินสุทธิไปเพียง £20 ล้าน บ่งชี้ว่าสโมสรอาจเก็บงบไว้สำหรับดีลใหญ่ อาร์เตต้าเคยระบุว่าทุนเสริมทัพมีความยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่มีในตลาด อย่างไรก็ตาม สโมสรต้องการเพิ่มรายได้จากการขายนักเตะ นูโน่ ตาวาเรส ได้ย้ายไปลาซิโอด้วยค่าตัวราว £7.9 ล้าน ขณะที่ ฟาบิโอ วิเอร่า, อัลเบิร์ต แซมบี โลกองก้า, รีส์ เนลสัน, ยาคุบ คีวีออร์ และโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก็พร้อมปล่อยตัว ส่วนอนาคตของเลอันโดร ทรอสซาร์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี ยังไม่แน่นอน ในฤดูกาลหน้า แม็กซ์ ดาวแมน มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 15 ปี จะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มากขึ้น โดยคาดว่าจะมีชื่อร่วมทัวร์ปรีซีซั่นที่สิงคโปร์และฮ่องกง และอาจได้ประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกในเดือนสิงหาคม ดูบอลสดฟรี
-
By Sam Dean (Telegraph) ดูบอลสดฟรี สโมสรอังกฤษที่กำลังติดตามสองกองหน้าที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในโปรตุเกสและเยอรมนี อาจควรมองไปที่สเปนแทน นี่คือคำถามสำคัญสำหรับผู้อำนวยการกีฬาหรือทีมสรรหานักเตะของแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีก: พวกเขาควรจะซื้อใครในช่วงซัมเมอร์นี้? ควรมองหานักเตะจากภายในลีกเดียวกัน หรือว่าควรจะมองหาความคุ้มค่าจากลีกอื่นในยุโรป หรืออาจจะไกลถึงอเมริกาใต้? แม้จะไม่มีคำตอบที่แน่นอน แต่เมื่อหลายสโมสรในอังกฤษหวังจะเสริมแนวรุกในช่วงซัมเมอร์นี้ ก็ยังมีวิธีประเมินว่าลีกไหนผลิตนักเตะแนวรุกคุณภาพดีที่สุด เพื่อตอบคำถามนี้ Telegraph Sport ได้วิเคราะห์ดีลนักเตะแนวรุกที่มีค่าตัวแพงที่สุด 15 รายแรกที่ย้ายจากลีกในประเทศโปรตุเกส ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน มาสู่พรีเมียร์ลีกในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่กองหน้า ปีก และมิดฟิลด์ตัวรุก เราได้เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยประตูต่อเกมในฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายทีม (ฤดูกาลที่ทำให้พวกเขาได้รับความสนใจจากสโมสรในอังกฤษ) กับค่าเฉลี่ยประตูต่อเกมหลังย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกเมื่อเทียบกับลีกชั้นนำอื่น ๆ ของยุโรป พร้อมกับเป็นทั้งคำเตือนและแรงกระตุ้นสำหรับสโมสรใดก็ตามที่กำลังมองไปยังยุโรปเพื่อต้องการเสริมแนวรุกในช่วงตลาดนักเตะฤดูร้อนนี้ โปรตุเกส ลีกสูงสุดของโปรตุเกส (Primeira Liga) อาจไม่ถือเป็นหนึ่งในลีกใหญ่ของยุโรป แต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งสโมสรในอังกฤษจากการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้านักเตะแนวรุกจากทีมอย่างเบนฟิก้า, ปอร์โต้ และสปอร์ติ้ง ลิสบอน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีนักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ (64 ล้านปอนด์ ไปลิเวอร์พูล), หลุยส์ ดิอาซ (37.5 ล้านปอนด์ ไปลิเวอร์พูล), เอวานิลซอน (40 ล้านปอนด์ ไปบอร์นมัธ), ฟาบิโอ วิเอร่า (34 ล้านปอนด์ ไปอาร์เซนอล) และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส (47 ล้านปอนด์ ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ที่ย้ายจาก Primeira Liga มาสู่พรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งตัวชี้วัดถึงความเข้มข้นของสองลีกคือ การที่นักเตะชื่อดังเหล่านี้ไม่สามารถรักษาฟอร์มการทำประตูได้เหมือนเดิมเมื่อมาเล่นในพรีเมียร์ลีกที่แข่งขันสูงกว่า แม้แต่นักเตะอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ประสบความสำเร็จ ก็ยังไม่สามารถรักษาอัตราการทำประตูในระดับเดียวกับที่เคยทำไว้ในฤดูกาลสุดท้ายที่โปรตุเกสได้ จากการวิเคราะห์ของ Telegraph Sport พบว่า การเซ็นสัญญานักเตะแนวรุก 15 รายที่มีค่าตัวแพงที่สุดจากโปรตุเกสสู่พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 2010 มีค่าเฉลี่ยการทำประตูลดลงถึง 62% โดยพวกเขามีค่าเฉลี่ย 0.41 ประตูต่อเกมในฤดูกาลสุดท้ายที่โปรตุเกส แต่ทำได้เพียง 0.15 ประตูต่อเกมเมื่อมาเล่นในอังกฤษ ในบรรดานักเตะ 15 คนนี้ มีเพียงคนเดียวที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้บ่อยกว่าช่วงก่อนย้ายมาคือ ราอูล ฆิเมเนซ อดีตดาวยิงวูล์ฟแฮมป์ตัน ปัจจุบันอยู่กับฟูแล่ม แล้วแบบนี้ควรเป็นสัญญาณเตือนสำหรับทีมพรีเมียร์ลีกที่กำลังมองหาการเซ็นสัญญากับ วิคเตอร์ เยอเคเรส จากสปอร์ติ้งหรือไม่? อย่างน้อย ทีมที่กำลังสนใจเขา (รวมถึงอาร์เซนอล) ควรตระหนักว่าเขาอาจจะไม่สามารถโชว์ฟอร์มการทำประตูได้อย่างถล่มทลายในอังกฤษเหมือนที่ทำได้ในโปรตุเกส เยอเคเรสยิงไปถึง 39 ประตูในลีกโปรตุเกสฤดูกาลที่ผ่านมา หากเทียบกับอัตราการลดลงของผู้เล่นก่อนหน้านี้ ตัวเลขนี้อาจเท่ากับประมาณ 15 ประตูในพรีเมียร์ลีก เยอรมนี การย้ายตัวครั้งใหญ่ล่าสุดจากบุนเดสลีกาคือ โอมาร์ มาร์มูช ที่ย้ายจากไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 59 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคม ในซัมเมอร์นี้ หลายสโมสรพรีเมียร์ลีกแสดงความสนใจในผู้เล่นจากเยอรมนี โดยเฉพาะ เจมี กิทเทนส์ ปีกจากดอร์ทมุนด์ที่เชลซีเล็งไว้ และ เบนจามิน เซสโก กองหน้าจากแอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของทั้งอาร์เซนอลและเชลซี ขณะที่ ฮูโก้ เอกีตีเก้ จากแฟรงค์เฟิร์ตก็เป็นอีกคนที่อาจย้ายมาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับลีกโปรตุเกส ผู้เล่นที่ย้ายจากบุนเดสลีกามักไม่สามารถรักษาอัตราการทำประตูไว้ได้ในพรีเมียร์ลีก โดยในบรรดานักเตะแนวรุกค่าตัวแพงที่สุด 15 คนที่ย้ายจากเยอรมนีมายังอังกฤษตั้งแต่ปี 2010 มีเพียง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เท่านั้นที่ทำประตูได้บ่อยขึ้น ขณะที่ผู้เล่นอย่าง เจดอน ซานโช่ (73 ล้านปอนด์ ไปแมนยูฯ), คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู (52 ล้านปอนด์ ไปเชลซี) และ เซบาสเตียง อัลแลร์ (45 ล้านปอนด์ ไปเวสต์แฮม) ต่างก็พบกับความยากลำบากในการปรับตัว ในทางกลับกัน ผู้เล่นบางรายอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์, เควิน เดอ บรอยน์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ประสบความสำเร็จมากกว่า โดยรวมแล้ว การวิเคราะห์ของ Telegraph Sport พบว่า อัตราการทำประตูเฉลี่ยของนักเตะที่ย้ายจากบุนเดสลีกามาพรีเมียร์ลีกลดลง 40% ซึ่งหากใช้มาตรฐานนี้ เซสโก และ เอกีตีเก้ ที่ยิงได้ 13 และ 15 ประตูในฤดูกาล 2024-25 อาจจะทำได้เพียง 8 และ 9 ประตู ตามลำดับในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ฝรั่งเศส นักเตะระดับตำนานในพรีเมียร์ลีกหลายคนเริ่มต้นจาก ลีกเอิง ของฝรั่งเศส เช่น เอเด็น อาซาร์ ตำนานเชลซี และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ดีลของ ราฟินญ่า จากแรนส์มาลีดส์ในปี 2020 ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว เมื่อดูจากสถิติพบว่า อัตราการทำประตูของนักเตะจากลีกเอิงที่ย้ายมาเล่นในอังกฤษลดลงอย่างมาก โดยเฉลี่ยลดลง 49% ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ ที่ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องกับลียง แต่โชว์ฟอร์มได้ไม่สม่ำเสมอกับอาร์เซนอล และ มิชี บัตชัวยี ที่เคยยิง 17 ประตูในฤดูกาลสุดท้ายกับมาร์กเซย แต่กลับยิงได้เพียง 15 ประตูจาก 77 เกมในพรีเมียร์ลีก ทั้งหมดนี้อาจเป็นเหตุผลให้ แมนฯ ซิตี้ ต้องพิจารณาให้รอบคอบในการไล่ล่าตัว รายาน แชร์กี มิดฟิลด์ตัวรุกจากลียง วัย 21 ปี ที่ทำไป 8 ประตู และ 11 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่ผ่านมา อิตาลี จากสถิติแล้ว การย้ายจากเซเรีย อา มาเล่นในพรีเมียร์ลีกนั้น “ราบรื่น” กว่าการย้ายจากโปรตุเกส เยอรมนี หรือฝรั่งเศส โดยการวิเคราะห์ของ Telegraph Sport พบว่า อัตราการทำประตูของนักเตะแนวรุกจากอิตาลีลดลงเพียง 32% ซึ่งน้อยกว่าลีกอื่น ๆ ที่กล่าวมา นักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการย้ายจากอิตาลีสู่พรีเมียร์ลีกคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างไม่ต้องสงสัย โดยดาวเตะชาวอียิปต์ยิงได้เฉลี่ย 0.48 ประตูต่อเกมในฤดูกาลสุดท้ายกับโรม่า และเพิ่มขึ้นเป็น 0.62 ประตูต่อเกมเมื่อมาเล่นในพรีเมียร์ลีก นักเตะรายอื่นอย่าง เฟลิเป้ อันแดร์สัน (เวสต์แฮม) และ มาริโอ บาโลเตลลี่ (แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล) ก็รักษาอัตราการทำประตูได้ใกล้เคียงระหว่างสองลีก ขณะที่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ กลายเป็นตัวอันตรายในเกมรุกของสเปอร์สมากกว่าตอนอยู่ยูเวนตุส แม้การเซ็นสัญญาล่าสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่าง โจชัว เซิร์กซี และ ราสมุส ฮอยลุนด์ จะยังไม่โดดเด่นนักหลังย้ายจากอิตาลี แต่ภาพรวมของนักเตะจากเซเรีย อา นั้นถือว่ามีแนวโน้มดีสำหรับทีมพรีเมียร์ลีก ตัวอย่างเช่น วิคเตอร์ โอซิมเฮน ที่โชว์ฟอร์มการทำประตูได้อย่างน่าทึ่งกับนาโปลี (รวมถึงกับกาลาตาซารายตอนถูกยืมตัวฤดูกาลที่แล้ว) ก็น่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จนั้นในอังกฤษได้ อีกคนที่อาจเป็นที่สนใจของทีมในพรีเมียร์ลีกคือ อเดโมลา ลุคแมน ดาวยิงเชื้อสายอังกฤษ-ไนจีเรียที่กำลังฉายแววเด่นกับอตาลันต้า สเปน แม้จะมีการพูดถึงความ “เหนือชั้น” ของพรีเมียร์ลีกอยู่เสมอ แต่จากการวิเคราะห์ของ Telegraph Sport กลับพบว่า นักเตะที่ย้ายจากลาลีกามาอังกฤษ มักยิงประตูได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในช่วงหลังคือ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ซึ่งยิงไปแล้ว 54 ประตูจาก 86 นัดในลีกกับนิวคาสเซิล ในขณะที่ฤดูกาลสุดท้ายกับเรอัล โซเซียดาด เขายิงได้เพียง 6 ประตูจาก 32 เกม ผู้เล่นรายอื่นอย่าง มาเธอุส คุนญ่า, มาร์ติน โอเดการ์ด, เฟร์ราน ตอร์เรส, มิเกล เมรีโน่ และ โรดริโก้ โมเรโน่ ต่างก็ทำผลงานในการทำประตูได้ดีกว่าหลังย้ายจากสเปนมาอังกฤษด้วยค่าตัวก้อนโต โดยรวมแล้ว การวิเคราะห์พบว่า อัตราการทำประตูของนักเตะตำแหน่งกองหน้า, ปีก และกองกลางตัวรุกที่ย้ายจากสเปนมาอังกฤษ “เพิ่มขึ้น” 1.7% บทเรียนจากตรงนี้ค่อนข้างชัดเจน: คุณภาพของลาลีกาสูงกว่าลีกสูงสุดของโปรตุเกส ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี และจากหลักฐานทั้งหมดนี้ หากทีมในพรีเมียร์ลีกต้องการเสริมแนวรุกจากต่างแดนในช่วงซัมเมอร์นี้ สเปนควรเป็นจุดหมายแรกที่พวกเขามองหา ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี แม้กระแสข่าวเรื่องอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญากับกองหน้าจะเป็นประเด็นหลักในการแถลงข่าว, โซเชียลมีเดีย และในหมู่แฟนบอลที่เอมิเรตส์ สเตเดียม แต่สโมสรก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่งานเดียวที่ต้องจัดการในช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ความสนใจในตัวมาร์ติน ซูบีเมนดี้ ซึ่งมีมายาวนาน ทำให้อาร์เซนอลเริ่มเดินหน้าไล่ล่าดีลนี้อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนมกราคม แม้กองกลางตัวรับอาจไม่ใช่ของเล่นใหม่ที่ดูน่าตื่นเต้นที่สุด แต่จากสิ่งที่เห็นในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ซูบีเมนดี้อาจมีค่าพอ ๆ กับกองหน้าตัวใหม่เลยทีเดียว การค้นหาสามประสานในแดนกลางของอาร์เซนอล แดนกลางของอาร์เซนอลต้องเจอกับจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก นับตั้งแต่กรานิต ชาก้า อำลาทีมในปี 2023 เดแคลน ไรซ์ และไค ฮาแวร์ตซ์ ย้ายเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นั้น โดยคาดว่าจะมาเติมเต็มแผงกองกลางร่วมกับมาร์ติน โอเดการ์ด อย่างไรก็ตาม ฮาแวร์ตซ์กลับเล่นไม่ออกในตำแหน่งกองกลาง และถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง ส่งผลให้แดนกลางต้องปรับเปลี่ยน โดยมีโธมัส ปาร์เตย์เป็นตัวรับหลัก และมีโอเดการ์ดกับไรซ์ยืนประกบข้าง แม้มิเกล เมริโน่จะย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่สามประสานอย่างโอเดการ์ด, ปาร์เตย์ และไรซ์ ก็ยังคงเป็นชุดที่มิเกล อาร์เตต้าไว้ใจมากที่สุด ไรซ์พัฒนาขึ้นมาเป็นกองกลางแบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์อย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ซูบีเมนดี้สามารถเติมเต็มในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเมื่อปาร์เตย์กำลังจะอายุครบ 32 ปีในเดือนหน้าและกำลังจะหมดสัญญา ขณะที่จอร์จินโญ่น่าจะย้ายไปฟลาเมงโก การวางแผนเพื่อหาคนมาแทนในตำแหน่งนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น และสิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการมองหาผู้เล่นที่สามารถสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางได้มากขึ้น ผู้เล่นที่เป็นเหมือนวาทยกรของทีม และโชคดีสำหรับอาร์เซนอล เพราะแข้งทีมชาติสเปนรายนี้ก็โดดเด่นในบทบาทนั้นพอดี ความสามารถในการต้านเพรสซิ่งและแนวโน้มการจ่ายบอล นี่คือตำแหน่งที่ต้องการทั้งความละเอียดอ่อน, ความชัดเจน และความกล้าหาญ ซึ่งซูบีเมนดี้มีครบทั้งสามอย่าง The Athletic เคยชี้ให้เห็นถึงความต้องการของอาร์เซนอลในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่สามารถต้านเพรสซิ่งได้ หลังเกมที่พวกเขาชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-0 และซูบีเมนดี้ก็มีความเข้าใจเกมดีพอที่จะผ่านบททดสอบนี้ได้ ซูบีเมนดี้ติดทีมชาติสเปนไปแล้ว 17 นัด และเป็นตัวเลือกในทีมชุดยูโร 2024 โดยได้ออกสตาร์ทเพียงนัดเดียว แต่หลังจากโรดรี้บาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าเข่า (ACL) เขาได้ลงตัวจริง 6 จาก 8 นัดในศึกเนชั่นส์ลีกฤดูกาลนี้ ตัวอย่างที่ดีในการที่เขาช่วยให้เกมของสเปนไหลลื่น คือแมตช์ที่พวกเขาบุกชนะเดนมาร์ก 2-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ในเกมนั้น เขารับบอลในสถานการณ์ที่มีผู้เล่นเดนมาร์กสามคนไล่บีบ แต่เขายังสามารถใช้เทคนิคและความนิ่งหลบการเพรสซิ่งและหมุนบอลกลับคืนได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับอาร์เซนอล สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้เล่นฝั่งขวาเล่นง่ายขึ้น เพราะเขาจะดึงคู่แข่งให้มารวมกันตรงกลางมากขึ้น ซูบีเมนดี้แสดงบุคลิกในแดนกลางกับเรอัล โซเซียดาดได้เด่นชัดกว่ากับทีมชาติสเปน การสัมผัสบอลหลบหลีกแรงกดดันของเขานั้น มักจะน่าทึ่งและมีความสร้างสรรค์ ตัวอย่างหนึ่งคือ เขาแตะบอลด้วยเท้าซ้ายแบบไม่ต้องจับบอลข้ามหัวคู่แข่ง แล้วพักบอลลงบนต้นขา ก่อนจ่ายออกไปให้ทาเคฟุสะ คุโบะทางขวา คุโบะลากบอลไปจนถึงริมเส้นและเปิดให้มิเกล โอยาร์ซาบาล แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ตรงกลางสนามของซูบีเมนดี้สามารถสร้างโอกาสให้ทีมได้ เขายังสามารถทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายในพื้นที่ต่ำของสนามได้อีกด้วย ในเกมกับบาเลนเซีย บอลถูกเปิดมาจากฝั่งซ้าย และแม้จะมีแรงกดดันเข้ามา เขาก็ปล่อยให้บอลไหลผ่านก่อนจะใช้ส้นเท้าจ่ายคืนให้เซ็นเตอร์แบ็กอย่างปลอดภัย อีกครั้งที่โซเซียดาดสามารถคลายความกดดันออกไปฝั่งขวาและหาคุโบะได้ สิ่งที่อาร์เซนอลขาดหายไปในฤดูกาลนี้ ดังนั้น การที่ซูบีเมนดี้เล่นในระบบที่ใช้จุดแข็งฝั่งขวาอยู่แล้ว อาจช่วยให้อาร์เซนอลฟื้นความเชื่อมโยงตรงนั้นกลับมาได้ สิ่งสำคัญคือ ผู้เล่นต้องสามารถรับบอลในพื้นที่ว่างได้ และนี่คืออีกหนึ่งจุดเด่นในสไตล์การเล่นของซูบีเมนดี้ เขามักจะจ่ายบอลสั้นบ่อยครั้ง ซึ่งช่วยล่อให้กองกลางฝ่ายตรงข้ามเข้ามากดดันเขาและเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม มีตัวอย่างจากเกมกับเลกาเนสที่แสดงให้เห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน การจ่ายบอลครั้งแรกของเขาดึงคู่แข่งให้วิ่งเข้ามา และจังหวะต่อไปเขาจ่ายทะลุขึ้นไปข้างหน้า ทั้งหมดเกิดขึ้นจากจังหวะแรกที่เขาสัมผัสบอล สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การจ่ายบอลที่เร็วและแม่นยำในพื้นที่แคบมีประสิทธิภาพสูงในการจัดการแนวรับที่เล่นรัดกุม ปัญหาที่อาร์เซนอลเจอมาตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ในตัวอย่างข้างต้น คุโบะไม่มีความเร็วพอที่จะหนีคู่แข่งและถูกทำฟาวล์ แต่กับอาร์เซนอล พวกเขามีผู้เล่นอย่างบูกาโย่ ซาก้า, อีธาน วาเนรี และโอเดการ์ด ที่สามารถฉีกแนวรับได้ จากการดูตำแหน่งที่ซูบีเมนดี้รับบอลในฤดูกาลนี้ เขามักจะอยู่ในตำแหน่งพร้อมช่วยทีมครองบอลภายใต้แรงกดดันและดันเกมไปข้างหน้า เขามักขยับออกไปที่ริมเส้นทั้งสองฝั่ง มองหาโอกาสในการมีส่วนร่วมในแดนกลางที่แออัด และกล้าที่จะเสี่ยงในสถานการณ์ใกล้กรอบเขตโทษของตัวเอง ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นผู้เล่นที่สัมผัสบอล, จ่ายบอล และพาบอลขึ้นหน้าได้มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้ เขานำความสมดุลมาสู่เกมบุกของทีม และเป็นทางออกจากเพรสซิ่งที่มั่นคง ช่วยให้เรอัล โซเซียดาดได้เปรียบในจังหวะขึ้นเกมอยู่เสมอ แล้วเกมรับของเขาเป็นอย่างไร? เมื่อไม่มีบอล ซูบีเมนดี้เป็นนักเตะที่เน้นการดักทางมากกว่าการเข้าสกัดหนัก เขาให้ความสำคัญกับการยืนตำแหน่งที่ดี การตัดบอล และเก็บบอลจังหวะสอง มากกว่าการเข้าแท็คเกิลแบบปะทะแรง อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถรับมือกับการปะทะที่ดุเดือดได้เช่นกัน กราฟด้านล่าง (ในต้นฉบับ) แสดงให้เห็นสถิติสำคัญในเชิงสไตล์การเล่น เมื่อเทียบกับกองกลางรายอื่นในลาลีกา ซูบีเมนดี้เข้าสกัดแบบ “แท็คเกิลจริง” ค่อนข้างน้อย (ซึ่งหมายถึงรวมทั้งแท็คเกิลที่ชนะ, แพ้ และฟาวล์จากการเข้าสกัด) แต่เมื่อเขาเข้าแท็คเกิล อัตราความสำเร็จของเขาสูงถึง 66.4% ซึ่งมีเพียงกองกลางอีกสามคนเท่านั้นที่ทำได้ดีกว่า ซูบีเมนดี้มีอันดับสูงในประเภท “เกมรับเชิงรับ” (passive defensive actions) คือรอให้บอลเข้ามาหา มากกว่าขยับออกจากตำแหน่งไปไล่บอลเอง เขามีอัตราการ “ตัดบอลจริง” (รวมการตัดบอลและการบล็อกการจ่ายบอล) ที่สูง และมีเพียงซามู คอสต้า จากมายอร์ก้า เท่านั้นที่เคลียร์บอลได้มากกว่าเขา เขาเป็นผู้เล่นที่ “เก็บกวาดเกม” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คอยป้องกันพื้นที่หน้ากองหลังตัวกลาง แต่ก็สามารถเข้าสกัดหนักหรือโหม่งลูกกลางอากาศเมื่อจำเป็นได้เช่นกัน ตัวอย่างจากเกมกับบาเลนเซีย ในจังหวะนี้ เขาแย่งบอลจังหวะสองและแย่งบอลได้ก่อนฮูโก้ กียามอน แม้จะมีผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจ้องจะเข้าทำอยู่ข้างหลัง จากนั้นเขาจ่ายบอลออกไปให้แบ็กซ้ายอย่างฆาบี โลเปซ ก่อนจะถอยออกไปริมเส้นเพื่อเป็นทางเลือกในการจ่ายคืน บอลกลับมาถึงเขาอีกครั้งในเฟรมที่สี่ ซึ่งเขาสามารถใช้ร่างกายบังบอลจากปีกคู่แข่ง แล้วจ่ายบอลง่าย ๆ กลับไปยังแนวรับ ด้วยการหยุดโอกาสอันตรายของคู่แข่งและทำให้ทีมกลับมาครองบอลได้ ซูบีเมนดี้จึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเล่นเกมรับแบบดุดันผสมกับการรักษาบอลที่มั่นใจช่วยให้ทีมรอดพ้นจากสถานการณ์กดดันได้อย่างดีเยี่ยม แล้วผลงานด้านตัวเลขล่ะ? ซูบีเมนดี้ไม่ได้ถูกเซ็นมาเพื่อทำประตูหรือแอสซิสต์เป็นหลัก เขาทำไปเพียง 10 ประตู และ 9 แอสซิสต์ จาก 236 นัดให้กับเรอัล โซเซียดาด อย่างไรก็ตาม ยังมีบางจังหวะที่สามารถนำมาปรับใช้กับอาร์เซนอลได้ ตัวอย่างแรกคือแอสซิสต์ในฤดูกาล 2023-24 กับแอธเลติก คลับ บอลกำลังตกลงมา และผู้เล่นแอธเลติกพยายามจ่ายบอลเสี่ยงผ่านแดนกลาง ซูบีเมนดี้ยืนอยู่ในตำแหน่งธรรมชาติของเขาและตัดบอลได้ จากนั้นเขาจ่ายบอลด้วยเท้าซ้ายทะลุช่องให้โอยาร์ซาบาลหลุดเดี่ยวไปแตะหลบผู้รักษาประตูและยิงประตู ฟังดูเหมือนเป็นจังหวะง่าย ๆ แต่ความจริงคืออาร์เซนอลแทบไม่มีจังหวะแบบนี้ในฤดูกาลที่ผ่านมา ในฤดูกาล 2022-23 เขาทำแอสซิสต์อีกแบบหนึ่งกับทีมคิโรน่า ขณะนั้นคิโรน่านำ 2-1 และพยายามตั้งรับลึกเพื่อรักษาสกอร์ก่อนพักครึ่ง ซูบีเมนดี้ยืนอยู่นอกกรอบเขตโทษ และขณะรับบอล เขาก็มองหาเพื่อนร่วมทีมทันที เขาเห็นอเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธที่เสาสอง และเปิดบอลโค้งน้ำหนักพอดีข้ามแนวรับให้กองหน้ารับด้วยอกก่อนวอลเลย์เข้าไป แม้อาร์เซนอลจะมีแนวทางการเจาะแนวรับลึกหลายแบบ แต่การมีผู้เล่นที่มองเห็นและจ่ายบอลแบบนั้นได้อีกคน จะช่วยเสริมศักยภาพทีมในสถานการณ์เช่นนี้ได้แน่นอน แม้กองหน้าจะเป็นเป้าหมายหลักของอาร์เซนอลในช่วงซัมเมอร์นี้ การจัดระเบียบแดนกลางให้ลงตัวก่อน อาจเป็นรากฐานที่มั่นคงในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี เจมส์ แม็คนิโคลัส นักข่าวสายอาร์เซน่อลจาก The Athletic ตอบคำถามแฟนบอลจากทางบ้านเกี่ยวกับอาร์เซน่อล Tichakunda M. ถาม: กาเบรียลและเจอร์เรียน ทิมเบอร์จะหายทันช่วงปรีซีซั่นไหม? แผนของคาร์ล ไฮน์เป็นอย่างไร? และดีลของมาร์ติน ซูบีเมนดี้จะเสร็จเมื่อไหร่? เจมส์ตอบ: สวัสดีครับ Tichakunda คำถามตั้งสามข้อเลย! เดี๋ยวลองตอบทีละข้อนะครับ: ตารางเวลาการฟื้นตัวของทั้งสองคนยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ ถ้าพวกเขาหายทันช่วงปรีซีซั่นจริง ๆ ถือว่าเกินความคาดหมายเลย ทิมเบอร์เพิ่งผ่าตัดไปไม่นาน ทางสโมสรบอกว่าเป็น “การผ่าตัดเล็ก” แต่พวกเขาเคยใช้คำเดียวกันกับเบน ไวท์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสุดท้ายไวท์ต้องพักหลายเดือน เพราะงั้นควรใช้มุมมองแบบระมัดระวัง ส่วนกรณีของกาเบรียล อาการบาดเจ็บก็ไม่ง่ายเช่นกัน และสโมสรจะจัดการการกลับมาของเขาอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอาการซ้ำ หวังว่าทั้งคู่จะฟิตทัน (หรือใกล้เคียง) กับช่วงเริ่มต้นฤดูกาลหน้า — แต่อาการบาดเจ็บมักไม่เป็นเส้นตรง จึงยังไม่สามารถสรุปอะไรได้แน่ชัด คาร์ล ไฮน์ ลงเล่นเต็มฤดูกาลในลาลีกากับเรอัล บายาโดลิด และยังมีสัญญาอยู่กับอาร์เซนอล เขาน่าจะเป็นตัวเลือกสำรองที่ประหยัดต้นทุนให้กับดาบิด รายาได้ ขึ้นอยู่กับว่าไฮน์อยากทำอะไร — หลังจากได้เล่นฟุตบอลชุดใหญ่หนึ่งปีเต็มแล้ว เขาอาจไม่อยากกลับมาเป็นตัวสำรองอันดับ 2 หรือ 3 อีก ดีลของซูบีเมนดี้กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว อาร์เซนอลเริ่มดำเนินการเรื่องตรวจร่างกายและวีซ่าอยู่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็น่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ แต่อาร์เซนอลไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะมั่นใจมากว่าจะคว้านักเตะรายนี้ได้แน่นอน ผมคาดว่าเขาจะเป็นนักเตะใหม่คนแรกของซัมเมอร์นี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Luco O. ถาม: สโมสรมองบทบาทของไค ฮาแวร์ตซ์ในทีมอย่างไร? เจมส์ตอบ: สวัสดีครับ Luco มิเกล อาร์เตต้าและทีมงานยังคงเห็นว่าไค ฮาแวร์ตซ์มีความสำคัญกับทีมอย่างมาก พวกเขาชอบการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งทางร่างกาย จิตใจ และทักษะของเขามาก ผมคาดว่าไม่ว่าอาร์เซนอลจะเซ็นใครเพิ่มก็ตาม ฮาแวร์ตซ์น่าจะเริ่มต้นฤดูกาลในฐานะกองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 และน่าจะได้เล่นในตำแหน่งนั้นมากกว่าที่หลายคนคาดไว้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- George H ถาม: ข่าวลือเรื่องการเจรจาสัญญากับอีธาน วาเนรี และไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ไม่ราบรื่น เป็นเรื่องจริงไหม? มีโอกาสที่พวกเขาอาจไม่ต่อสัญญาหรือเปล่า? เจมส์ตอบ: สวัสดีครับ George ผมคิดว่าอาร์เซนอลมั่นใจว่าจะสามารถต่อสัญญากับทั้งสองคนได้ เพราะทั้งสองมีความผูกพันกับสโมสร และได้รับโอกาสลงสนามในฤดูกาลนี้ ลูอิส-สเกลลี่เป็นตัวหลักของทีมชุดใหญ่ ผมไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจะไม่ต่อสัญญา ตราบใดที่เงื่อนไขเหมาะสม ส่วนกรณีของ วาเนรี ผมคิดว่ายังต้องมีการพูดคุยกันว่าอาร์เซนอลมองพัฒนาการของเขาในอีก 24 เดือนข้างหน้าอย่างไร จะใช้เขาเป็นปีกหรือเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 8? และถ้าเลือกอย่างหลัง อาร์เตต้าพร้อมจะวางใจนักเตะอายุน้อยแบบเขาในแดนกลางแล้วหรือยัง? อาร์เซนอลพยายามลดกระแสของ วาเนรีลงในช่วงท้ายฤดูกาล ผมเชื่อว่ามีเหตุผลของเขา แต่นักเตะเองย่อมกระหายที่จะได้ลงสนาม และอาจต้องการความมั่นใจว่าโอกาสลงเล่นจะมาเมื่อไหร่และอย่างไร ก่อนจะตัดสินใจต่อสัญญา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Bill I ถาม: มีข่าวลือว่าอาร์เซนอลสนใจดึงเอมิ มาร์ติเนซกลับมาจากแอสตัน วิลล่า จริงไหม? เจมส์ตอบ: สวัสดีครับ Bill ผมมองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ดาบิด รายาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และเขายังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับโค้ชผู้รักษาประตู อินญากิ คานญ่า ด้วย มาร์ติเนซถูกขายออกไปเมื่อปี 2020 ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ตรงกับโปรไฟล์ที่คานญ่าต้องการในผู้รักษาประตู แม้ในวงการฟุตบอลจะไม่มีอะไรที่ "เป็นไปไม่ได้" แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะตัดข่าวลือนี้ทิ้งได้เลยครับ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Spaceman S ถาม: ใครอาจจะเป็น "ฟาบิโอ วิเอร่า" ของซัมเมอร์นี้? หมายถึง นักเตะที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่เรากลับใช้เงินก้อนโตกับเขา? เจมส์ตอบ: ผมคิดว่าถ้ามีการเซ็นสัญญาประเภทนั้นเกิดขึ้น มันน่าจะเป็นในตำแหน่งกองหน้าริมเส้น (Wide Forward) ตอนนี้มีการพูดถึงตำแหน่งที่ต้องการชัดเจน เช่น กองหน้าตัวเป้า, มิดฟิลด์ตัวรับ, ผู้รักษาประตู ฯลฯ แต่ผมมองว่าโซนริมเส้นคือพื้นที่ในสนามที่มีโอกาสเกิดการเซ็นแบบ “ไม่ทันตั้งตัว” มากที่สุด ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Shaun B ถาม: รู้ชื่อใครบ้างไหมที่ถูกเชื่อมโยงในฐานะผู้รักษาประตูตัวสำรองหรือกองหลังตัวสำรอง? และมีโอกาสไหมที่อาร์เซนอลจะหาผู้รักษาประตูมือสามใหม่ เช่น แดน เบนท์ลีย์จากวูล์ฟ? เจมส์ตอบ: ทุกซัมเมอร์ผมก็พูดว่าอาร์เซนอลอยากเซ็นผู้รักษาประตูมือสามที่เป็นโฮมโกรว์น และทุกปีพวกเขาก็พลาดเป้า! ในระยะยาว มันเป็นตำแหน่งที่อาร์เซนอลอยากเติมเต็ม เพราะจะเปิดโอกาสให้ทอมมี่ เซ็ตฟอร์ดได้ออกไปยืมตัวบ้าง แต่ปีนี้จะทำได้ไหม ยังไม่ชัวร์เลยครับ เพราะมันอยู่ลำดับล่างของลิสต์ความสำคัญ ซึ่งก็เข้าใจได้ สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวสำรองของรายา ผมได้ยินชื่ออยู่บ้าง แต่ชื่อที่ได้ยินบ่อยที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดคือ โจน การ์เซีย จากเอสปันญอล แต่อย่างที่รู้กัน ตอนนี้เขาเริ่มได้รับความสนใจจากหลายทีมแล้ว ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าอาร์เซนอลจะโน้มน้าวการ์เซียให้มาเป็นมือสองได้ไหม ในเมื่อหลายทีมพร้อมจะให้เขาเป็นมือหนึ่ง… ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Will S ถาม: งบซื้อนักเตะจะโฟกัสเฉพาะตัวริมเส้นฝั่งซ้าย, กองหน้า, มิดฟิลด์กลาง และผู้รักษาประตูหรือเปล่า? หรือจะมีการเสริมในตำแหน่งอื่นที่เป็นโอกาสพิเศษ? เจมส์ตอบ: อาร์เซนอลยังคงมองหากองหลังตัวกลางอายุน้อยที่มีโปรไฟล์คล้าย ดีน ฮอยเซ่น อยู่ ถ้าหาเป้าหมายที่เหมาะสมได้ พวกเขาอาจดึงเข้ามาเพื่อเสริมความลึกและสร้างอนาคตในแนวรับ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Matt B ถาม: แน่ใจไหมว่าอาร์เซนอลจะเซ็นกองหน้าหมายเลข 9 แบบดั้งเดิม ตัวใหญ่ ครบเครื่อง (เช่น Gyokeres, Isak, Sesko) หรือมีโอกาสไหมว่าจะเป็นนักเตะที่เล่นเป็นหน้าเป้าก็ได้ หรือยืนริมเส้น หรือเล่นคู่กับฮาแวร์ตซ์ก็ได้? เจมส์ตอบ: สวัสดีครับ Matt คำถามดีครับ ผมชอบ! ผมคิดว่าอาร์เซนอลจะเซ็นกองหน้าหมายเลข 9 แน่นอนในซัมเมอร์นี้ เพราะเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจับตาดูมานาน และอาการบาดเจ็บของกาเบรียล เฆซุส ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ชัดเจนว่าอาร์เตต้าและอาร์เซนอลก็สนใจความเป็นไปได้ของกองหน้าริมเส้นที่เล่นได้หลากหลายเช่นกัน และจากที่ผมเข้าใจ สิ่งนี้จะมา “เพิ่มเติม” จากกองหน้าหมายเลข 9 ไม่ใช่มา “แทนที่” ผมไม่คิดว่าการเซ็นนักเตะในตำแหน่งนี้ (ริมเส้นที่เล่นได้หลายบทบาท) จะการันตี 100% เพราะมันก็ขึ้นกับงบที่เหลืออยู่ และว่าอาร์เซนอลจะปล่อยใครออกไปมากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นดีลที่ควรจับตา ในตอนล่าสุดของพอดแคสต์ Handbrake Off เอียน สโตน ได้พูดคุยกับอาร์ต เดอ โรเช่ และเจมส์ แมคนิโคลัส ตอบคำถามจากผู้ฟังเกี่ยวกับว่า อาร์เตต้าควรจะกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ในฤดูกาลหน้าเพื่อพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ได้หรือไม่ และเขาจำเป็นต้องคว้าโทรฟี่ใหญ่อีกสักใบเพื่อยืนยันอนาคตระยะยาวกับสโมสรหรือไม่ เอียน: ผู้ฟังชื่อ “การ์ตูน สตีฟ โบลด์” ถามว่า “ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนอะไรสักอย่างสำหรับฤดูกาลหน้า จะเป็นแนวคิด แท็กติก หรือการสร้างทีมก็ได้ คุณจะเปลี่ยนอะไร? (ถ้าไม่ตอบว่า ‘ซื้อกองหน้า’ จะได้แต้มพิเศษ)” ซึ่งก็แฟร์ดีนะ ผมอยากให้อาร์เซนอลเล่นเกมรุกมากกว่านี้และกล้าเสี่ยงให้มากขึ้น อาร์ต: นั่นแหละคือประเด็น ทุกคนต่างโหยหาเกมฟุตบอลแบบที่เราได้เห็นในฤดูกาล 2022-23 และหวังว่าเมื่อทุกคนกลับมาฟิตสมบูรณ์ พวกเขาจะมีเครื่องมือที่จะช่วยให้เล่นได้อย่างอิสระมากขึ้น และกล้าเสี่ยงมากขึ้น เจมส์: ผมไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้แค่ไหนนะ แต่ผมอยากจะเปลี่ยนอะไรบางอย่างในสมองของอาร์เตต้า ผมรู้สึกคาใจอยู่เสมอว่า ผู้จัดการทีมระดับตำนานที่ผมเติบโตมากับการดูพวกเขา อย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และอาร์แซน เวนเกอร์ ต่างก็มีลักษณะคล้ายกันในแง่ที่ว่าพวกเขาเป็น “นักเสี่ยงโชค” โดยธรรมชาติ พวกเขาชอบลองเสี่ยง เช่น ส่งกองหน้าคนที่สามหรือสี่ลงสนาม หรือเปลี่ยนแนวทางการเล่นให้เน้นโยนบอลเข้าเขตโทษมากขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีปรัชญาการทำทีม แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าบางครั้งต้องกล้าเบี่ยงเบนจากแนวทางเดิม ซึ่งจุดนั้นผมว่ายังขาดไปในตัวอาร์เตต้า คุณต้องมีความมั่นใจในตัวเองในระดับหนึ่งจริง ๆ ถึงจะกล้าเสี่ยงแบบนั้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ตอนเริ่มต้นอาชีพคุณอาจจะยังไม่มีความกล้านั้น แต่ถ้าจะพาอาร์เซนอล “ข้ามเส้นชัย” ได้ มันอาจเป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องมี เอียน: ใช่เลย มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ และในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกัน ผู้ฟังชื่อพีน่า ก็ถามมาว่า “ถ้ามิเกล อาร์เตต้าไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลหน้า ควรถูกปลดหรือเปล่า?” มันอาจฟังดูรุนแรง แต่ปีหน้าเราต้องคว้าแชมป์ใหญ่สักรายการให้ได้จริงไหม เจมส์? เจมส์: จริงครับ แต่ผมยังไม่ถึงขั้นพูดว่า “ถ้าเขาไม่ได้แชมป์ใหญ่สองรายการนั้น ก็ต้องถูกปลด” เพราะมันต้องดูบริบท เราเข้าใกล้แค่ไหน และเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันไม่ใช่เรื่องขาวดำ ไม่ใช่ว่าถ้าเขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกหรือแชมเปียนส์ลีก ก็เซ็นสัญญา 15 ปีไปเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไล่ออกทันที วันต่อมา มันต้องมีการประเมินที่รอบคอบกว่านั้น อาร์ต: ปีหน้าตอนนี้ สัญญาของอาร์เตต้าก็จะเหลือแค่ปีเดียวแล้วด้วย เพราะงั้นมันก็ไม่ใช่ว่าอาร์เซนอล “แต่งงาน” กับเขาไปตลอดชีวิต เอียน: ถ้าทีมเข้าใกล้แชมป์จริง ๆ คุณอาจจะอยากเก็บเขาไว้ต่อ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าแฟนบอลจะสงบลงได้ไหม เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนที่มีเสียงเรียกร้องให้อาร์เตต้าออกจากตำแหน่งเพราะทีมไม่เคยคว้าแชมป์ เราเองในพอดแคสต์นี้ก็เคยพูดกันว่า “เดี๋ยวก่อน พวกเรากำลังสร้างบางสิ่งอยู่นะ” แต่คุณก็อยากเห็นว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คือภาพของมาร์ติน โอเดการ์ดยกถ้วยแชมป์ใหญ่ใบหนึ่ง เจมส์: และพูดกันตรง ๆ ไม่ว่าเขาควรถูกปลดหรือไม่ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ บางครั้งผมถามตัวเองว่า “อาร์เซนอลจะปลดมิเกล อาร์เตต้าเพื่อใคร?” ซึ่งผมก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้จริง ๆ ดูบอลสดฟรี
-
บางทีความสำเร็จ จังหวะเวลามันก็สำคัญ ฤดูกาลที่แล้วครึ่งซีซั่นรันผลงานเกือบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่ยังมีแมนซิตี้ที่ดีกว่า มาปีนี้ซิตี้เสียโรดรี้ไป ก็คิดว่าจะเป็นปีที่โอกาสจะเปิดกว้าง แต่กลายเป็นเราก็เจอมรสุมแข้งตัวหลักเจ็บไปหลายคน แต่ละคนก็พักกันหลัก 2-3 เดือน เราแทบไม่ได้เห็น 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดลงเล่นกันแบบครบๆ เลย ลิเวอร์พูล เก่งบวกเฮง ที่ปีนี้ทั้งอาร์เซน่อล และซิตี้ สองคู่แข่งแย่งแชมป์ ไม่ได้เล่นอยู่ในมาตรฐานเดิม การเป็นแชมป์บางทีมันก็ต้องพึ่งโชคเข้าข้างบ้าง ส่วนถามว่าเป็นซีซั่นที่น่าผิดหวังไหมที่ไม่ได้แชมป์อะไรเลย ถ้ามองผิวเผินก็น่าผิดหวัง แต่ถ้ามองบริบทแล้ว เจอปัญหาแบบนี้ แต่ก็ยังสามารถจบอันดับ 2 ได้ ก็เก่งแล้ว ถ้าทีมอื่นมาเจอปัญหาแบบนี้ มันสามารถจะหลุดจากโควต้าแชมเปี้ยนลีกได้เลย อีกหนึ่งเรื่องในแง่ดีคือเวทีแชมเปี้ยนลีก การชนะเรอัล มาดริด มันเหมือนเป็นการปลดล็อกอย่างหนึ่งของสโมสรในถ้วยใบนี้ เพราะที่ผ่านมา เวลาเจอคู่แข่งที่ชื่อชั้นดูเหนือกว่า เราเสร็จตลอด เราเลยร่วงรอบ 16 ทีมอยู่เป็นประจำ ปีหน้าเป็นปีที่กดดันไม่น้อยสำหรับทั้งอาร์เตต้า และลูกทีม ที่ต้องส่งมอบแชมป์ให้แฟนบอล แต่เชื่อว่าการจะคว้าแชมป์มันไม่ได้ง่าย แต่เราขับเคี้ยงลุ้นแชมป์มา 2-3 ปีแล้ว และเราก็อยู่ตรงจุดนี้มาต่อเนื่อง มันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแบบแต่ก่อน กับการคว้าแชมป์ลีก หรือ UCL
-
ดูบอลสดฟรี By Art de Roché (The Athletic) บทสรุปฤดูกาล 2024-25 ของอาร์เซนอล: ปีแห่งความโกลาหล, การแจ้งเกิดของลูอิส-สเคลลีและวาเนรี, ชนะเรอัลมาดริด, แต่เป็นฤดูกาลแห่งคำว่า "ถ้า" และแล้วฤดูกาลอีกหนึ่งก็จบลง สำหรับอาร์เซนอล น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่สามารถเปลี่ยนความก้าวหน้าภายใต้การคุมทีมของมิเกล อาร์เตต้าให้กลายเป็นถ้วยรางวัลได้ ความหงุดหงิดเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ตลอดฤดูกาล แต่เมื่อลองมองย้อนกลับไป ก็อาจจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขมากกว่าที่คาดไว้ ก่อนที่เราจะเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ มาย้อนดูกันว่าอะไรคือไฮไลต์ของฤดูกาล 2024-25 สำหรับอาร์เซนอล ฤดูกาลแห่งความโกลาหล... ความทรหด จากการที่มิเกล เมริโน่ ได้รับบาดเจ็บในการฝึกซ้อมครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ก็ค่อย ๆ โผล่มาตลอดทั้งฤดูกาล เดแคลน ไรซ์ โดนใบแดงแรกจากทั้งหมด 6ใบของทีมได้รับในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ในเกมพบไบรท์ตันเพียงไม่กี่วันต่อมา ขณะที่มาร์ติน โอเดการ์ดได้รับบาดเจ็บหนักเป็นรายแรกของทีมในไม่กี่สัปดาห์ถัดไป ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังขาด บูกาโญ ซาก้า ปีกตัวเก่งในเดือนธันวาคม ที่ต้องยาวเกือบ 4 เดือนจากอาการบาดเจ็บแฮมสตริง ถัดมา กาเบรียล เฆซุส ที่กำลังกลับมายิงประตูได้ต่อเนื่องได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าในเกมส์เอฟเอ คัพรอบ 3 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพักยาวทั้งซีซั่น ปัญหาของอาร์เซน่อลยังไม่หมดเท่านั้น การไปตั้งแคมป์ที่ดูไบ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงอีกคน นั่นทำให้อาร์เซน่อล ต้องเล่นช่วง 3 เดือนสุดท้ายของฤดูกาล โดยไม่มีกองหน้าอาชีพ และบอร์ดบริหารของทีมก็เลือกที่จะไม่เสริมผู้เล่นใหม่ในตลาดรอบสองเดือนมกราคม ช่วงใหญ่ของฤดูกาลอาร์เซนอลเหมือนต้องแก้ไขปัญหาอยู่ตลอด แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำ โดยเฉพาะการไปถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก และการแจ้งเกิดของอีธาน วาเนรี กับไมลส์ ลูอิส-สเคลลี สองดาวรุ่งจากเฮลเอนด์ ถือเป็นแง่บวกสำคัญ เกมแห่งฤดูกาล ต้องเป็นหนึ่งในเกมพบเรอัล มาดริดแน่นอน และขอเลือกเกมเหย้า ไม่มีใครคาดคิดว่าจะชนะได้ถึง 3-0 หรือได้เห็นฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้นแบบนั้น มันคือเกมที่ประกาศศักดาอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่ไม่สามารถต่อยอดไปถึงรอบชิงได้ แต่ก็เป็นหลักฐานว่าอาร์เซนอลชุดนี้สามารถสู้กับทีมระดับท็อปได้ ประตูแห่งฤดูกาล เอาจริง ๆ มีสองประตูที่เป็นตัวเต็ง และเกิดห่างกันแค่ 12 นาที – ฟรีคิกของเดแคลน ไรซ์ในเกมเจอเรอัล มาดริด เป็นอะไรที่เกินคำบรรยาย และเลือกไม่ลงเลยจริง ๆ ประตูแรกโค้งได้งดงามมาก จนไม่อยากให้ความลูกฟรีคิกลูกที่สองกลบมันไป เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ขอยกให้เป็น "ประตูร่วมแห่งฤดูกาล" ช่วงเวลาแห่งฤดูกาล ฤดูกาลนี้มีหลายโมเมนต์มาก แต่ที่หวานที่สุดน่าจะเป็นตอนถล่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-1 การที่ลูอิส-สเคลลี ยิงประตูแรกในทีมชุดใหญ่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมันสะท้อนประตูชัยที่เขาเคยยิงใส่ทีม U21 ของซิตี้ที่ฝั่ง North Bank เมื่อสองปีก่อน และการที่วาเนรีลงมา เรียกบอลอย่างมั่นใจ แล้วปั่นโค้งเสียบมุมไกลเข้าไป ยิ่งทำให้วันนั้นพิเศษขึ้นไปอีก สองดาวรุ่งคนนี้คือนักเตะที่ส่องแสงที่สุดในฤดูกาลที่ยากลำบาก และการที่พวกเขาทำผลงานได้แบบนั้นกับทีมแชมป์ลีก มันสุดยอดจริง ๆ นั่นมันเกิดขึ้นจริงเหรอ? มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า "มันเกิดขึ้นจริงเหรอ?" ฟังดูเหมือนจะเป็นแง่ลบ แต่จะขอเลือกเรื่องดีๆ อย่างการบุกถล่มพีเอสวี 7-1อาร์เซนอลไม่เคยชนะในสนามฟิลิปส์ สเตเดี้ยมเลยใน 4 เกมล่าสุด และเพิ่งเสมอกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาแบบไร้สกอร์ หลายคนจึงคาดว่าจะเป็นเกมอึดอัด แต่การนำ 3-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกคือความเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดี แล้วยังมากดเพิ่มอีกสองลูกภายในสามนาทีแรกของครึ่งหลัง มันชวนให้ขำจริง ๆ ไม่ใช่เพราะเยาะเย้ย แต่เพราะมันเหลือเชื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ดชิพบอลข้ามผู้รักษาประตูเข้าไปเป็นลูกที่ห้า ผมทำได้แค่หัวเราะออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ แล้วพอริคคาร์โด้ คาลาฟิออรีมายิงปิดท้ายด้วยเท้าขวาเข้าเสาไกล มันก็สรุปได้ดีว่าทุกอย่างในเกมนั้นมันบ้าคลั่งขนาดไหน เรื่องเซอร์ไพรส์ที่สุด ต้องยกให้การที่มิเกล เมริโน่ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า การตอบสนองแรกของอาร์เตต้าหลังไค ฮาแวร์ตซ์เจ็บคือให้ราฮีม สเตอร์ลิงเล่นฝั่งซ้าย และทรอสซาร์ดขึ้นหน้า แต่แผนนั้นไม่เวิร์คในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เมริโน่ถูกดันขึ้นมา เหมือนทรอสซาร์ดในเกมกับพีเอสวี ประตูของเมริโน่สองลูกในเกมกับเลสเตอร์ก็ทำให้หลายคนหัวเราะแบบไม่อยากเชื่อ แต่จากนั้นเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ในบทบาทกองหน้าชั่วคราว ยิงไป 7 ลูก กับอีก 4 แอสซิสต์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และนั่นเป็นผลงานที่มีค่ามาก ใครจะไปคิดว่าเขาจะกลายเป็นกองหน้าจำเป็น ผลงานยอดเยี่ยมที่สุดของนักเตะฝั่งตรงข้าม อเล็กซานเดอร์ อิซัค โชว์ฟอร์มโดดเด่นตอนที่นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด บุกเยือนเอมิเรตส์ในเดือนมกราคม เช่นเดียวกับอารอน วาน-บิสซาก้าในเกมกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในเดือนถัดมา แต่ภาพที่ติดตาที่สุดคือวันแดดสดใสในเดือนสิงหาคมที่วิลล่า พาร์ก แม้อาร์เซนอลจะชนะไป 2-0 แต่ผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนามวันนั้นคือมอร์แกน โรเจอร์ส มิดฟิลด์รายนี้แสดงให้เห็นถึงการควบคุมบอลที่แน่นอน, วิสัยทัศน์ และความสามารถในการพาบอลขึ้นหน้าซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าดูที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ ไฮไลต์ของเขาคือจังหวะที่เลี้ยงผ่านกลางสนาม หมุนหลอกเดแคลน ไรซ์ และโธมัส ปาร์เตย์ จนเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษอาร์เซนอล นักเตะแบบนี้คือสิ่งที่อาร์เซนอลจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล… แต่ก็ต้องมารอดูกันว่าซัมเมอร์นี้จะเกิดอะไรขึ้น ให้คะแนนฤดูกาลของผู้จัดการทีมจาก 10 คะแนน 6.5 คะแนน ปีนี้รู้สึกเหมือนเป็นฤดูกาลที่ประเมินมิเกล อาร์เตต้าได้ยากที่สุด การจบอันดับสองทั้งที่เจอกับอาการบาดเจ็บและใบแดงมากมาย ถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่แข็งแกร่งเหมือนปีก่อน ๆ อาร์เตต้าปรับตัวได้ดีในช่วงที่ขาดผู้เล่น และหาทางแก้ไขปัญหาหลายอย่างได้ แต่ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ในบางจังหวะ โดยเฉพาะเรื่องการจัดตัวและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่อาจไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่รับผิดชอบ ดังนั้นจะชมเกินไปหรือตำหนิมากเกินก็ไม่เหมาะนัก คงต้องบอกว่ามีพื้นที่ให้พัฒนาอีกพอสมควรก่อนเข้าสู่ฤดูกาลหน้า ประเด็นสำคัญในช่วงซัมเมอร์นี้ ง่ายมาก — การเสริมทัพ แม้หลายสายตาจะจับจ้องไปที่กองหน้าตัวเป้า แต่ทุกคนที่ติดตามอาร์เซนอลเป็นประจำย่อมเห็นชัดว่ามีหลายตำแหน่งที่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติม เวลานี้ของปีหน้า เราจะพูดว่า... ไม่อยากฟันธงอะไรแรง ๆ ขอแค่ไม่ใช่อีกฤดูกาลที่เต็มไปด้วยคำว่า “ถ้า...”, “แต่...” และ “อาจจะ…” ดูบอลสดฟรี
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Southampton 1 - 2 Arsenal Sun 25 May 2025, 22.30 น. GOAL: 0-1 คีแรน เทียร์นี่ย์ (นาทีที่ 43, ไวท์) 1-1 รอด สจ๊วต (นาทีที่ 56) 1-2 มาร์ติน โอเดการ์ด (นาทีที่ 89, ทรอสซาร์) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 แม้ว่าจะเสียประตู ไม่สามารถรักษารคลีนซีตได้ แต่ก็ยังได้รางวัลถุงมือทองคำเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน เพราะแมตต์ เซล ประตูของฟอเรสต์ก็เสียประตูเหมือนกัน ทำให้มี 13 คลีนซีตเท่ากัน คีแรน เทียร์นี่ย์: 7.0 ลงเล่นเกมส์สุดท้ายในสีเสื้อของอาร์เซน่อล ตอนแรกคิดว่าเทียร์นี่ย์จะเล่นแบ็คซ้าย แต่เอาเข้าจริงเล่นเป็นเซนเตอร์ในระบบหลังสาม แล้วเหมือนเขียนบทเอาไว้ เมื่อเทียร์นี่ย์เป็นคนยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ยาคุบ คิวิออร์: 6.0 โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.5 เป็นคนที่มีบทบาทกับเกมส์มากทีเดียว แล้วได้ลุ้นจากการยิงนอกกรอบเขตโทษอยู่หลายครั้ง ใกล้เคียงที่สุดเป็นการยิงหลุดเสาออกไปนิดเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเกมส์สุดท้ายของเขากับอาร์เซน่อลด้วยหรือเปล่า เบน ไวท์: 6.5 เกมส์รับก็มีปัญหากับความเร็วของปีกของฝั่งเซาแธมป์ตันอยู่เหมือนกัน แต่ในแง่เกมส์รุก เบน ไวท์ เริ่มจะกลับคืนฟอร์มเดิม เราได้เห็นจังหวะโอเวอร์แล็ปสวยๆ จากเขาอยู่ 2-3 หนในเกมส์นี้ รวมถึงจังหวะประตู 1-0 ที่เขาจ่ายให้เทียรนี่ย์ยิงประตู โธมัส ปาร์เตย์: 6.5 ดูจากรายชื่อคิดว่าปาร์เตย์จะไปยืนแบ็คขวา แต่เล่นจริงก็เล่นตรงกลางเหมือนเดิม แต่ช่วงท้ายลงไปยืนเป็นเซนเตอร์แบ็คเลย เดแคลน ไรซ์: 6.0 (C) อีธาน วาเนรี: 6.5 ไม่ได้ลงเล่นมาหลายนัด นับตั้งแต่ที่ซาก้ากลับมาลงสนามได้ต่อเนื่อง นัดนี้ได้สตาร์ทตัวจริงเลย เล่นแทนตรงโอเดการ์ด วาเนรีก็มีส่วนร่วมกับเกมส์ค่อนข้างเยอะ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 สลับไปทั่วเริ่มจากเล่นกองหน้า โยกไปทางกราบซ้าย แล้วก็ไปทางกราบขวา ประตูขึ้นนำมีส่วนร่วมในการจ่ายทำทางให้ไวท์โอเวอร์แล็ปขึ้นมา แล้วเจ้าตัวเกือบ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 4.0 เล่นแย่จนนัดสุดท้ายจริงๆ สำหรับราฮีม สเตอร์ลิ่ง ขนาดแค่ยืมตัวมายังเป็นดีลที่สุดน่าผิดหวัง มิเกล เมริโน่: 6.0 ขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าอีกครั้ง โอกาสใกล้เคียงที่สุดของเมริโน่ในเกมส์นี้ก็คงเป็นการขึ้นโหม่งไปชนเสา บทบาทของเมริโน่ดูจะน้อยไปสักหน่อยในนัดนี้ ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 (นาทีที่ 62, เทียร์นี่ย์) บูคาโญ ซาก้า: 6.0 (นาทีที่ 62, สเตอร์ลิ่ง) ไค ฮาแวร์ตซ์: 6.0 (นาทีที่ 70, มาร์ติเนลลี่) ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 70, ชินเชนโก้) มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.0 (นาทีที่ 75, วาเนรี) ลงมายิงประตูชัยให้อาร์เซน่อลขึ้นนำ 2-1 ในนาทีสุดท้ายของเกมส์ จากลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษอย่างสุดเฉียบขาด เป็นลูกยิงที่เราไม่เห็นมานานจากกัปตัน
-
ดูบอลสดฟรี มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์นัดสุดท้ายของฤดูกาล ในการเยือนเซาแธมป์ตัน อัพเดทความพร้อมของผู้เล่น: “จูร์เรียน (ทิมเบอร์) ผ่าตัดข้อเท้าไปเมื่อเช้าวันอังคาร เขารู้สึกไม่สบายมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาผ่านทั้งฤดูกาลมาพร้อมกับอาการนั้น และมันจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้นเขาจะพักยาว และซาลิบา รู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาในครึ่งแรก (เกมกับนิวคาสเซิล) ก่อนหมดครึ่งแรก และเขาจะพักอีกหลายสัปดาห์เช่นกัน” ระยะเวลาการพักฟื้นของทิมเบอร์: “เรายังไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับว่าการฟื้นตัวเป็นอย่างไร จะใช้เวลาเป็นสัปดาห์ แต่ไม่แน่ใจว่ากี่สัปดาห์ ถ้าไปได้สวย ก็หวังว่าจะกลับมาได้ช่วงปรีซีซั่น แต่ยังไม่แน่ใจ” ซาลิบาพักนานแค่ไหน: “อีกไม่กี่สัปดาห์” การกลับมาของฮาแวร์ตซ์: “คุณคงเห็นว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหน เขาทำงานอย่างหนักมาก ผมคิดว่าเขาทำได้ยอดเยี่ยมร่วมกับทีมแพทย์ในการฟื้นฟูร่างกายจนกลับมาฟอร์มดีแบบตอนนี้ เขาอยากลงเล่นอย่างแรงกล้า และผมดีใจมากที่เห็นเขากลับมา” อนาคตของโธมัส พาร์เตย์: “ยังมีเครื่องหมายคำถามในบางเรื่อง เราต้องรอดู เรายังมีเกมพรีเมียร์ลีกอีกนัดในวันอาทิตย์ และหลังจากนั้นจะมีเวลาได้สรุปและตัดสินใจบางอย่าง สำหรับโธมัส นี่เป็นฤดูกาลที่สม่ำเสมอที่สุดของเขา การเล่นและความพร้อมของเขานั้นยอดเยี่ยม เขาเป็นผู้เล่นสำคัญของเรา” การเซ็นสัญญารายา: “เราตัดสินใจด้วยเจตนานั้น แม้ว่าตอนนั้นมันไม่ใช่การตัดสินใจที่ได้รับความนิยม มีแรงกดดันมาก แต่เราต้องเชื่อในสัญชาตญาณและวิเคราะห์ว่าอะไรจำเป็นเพื่อพัฒนาทีม ทุกคนในสโมสร แฟน ๆ พอใจกับผลงานของดาวิดตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา” ความชัดเจนหลังพักฤดูร้อน: “ผมนึกภาพออกเลยว่าเป็นยังไง ตอนนั้นผมอาจจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคุณแล้วบอกว่ารู้สึกยังไง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ ผมมีภาพรวมที่ค่อนข้างชัดแล้ว แต่ยังต้องรออีกนิดเพื่อสรุปฤดูกาลนี้อย่างถูกต้อง เพราะมันสำคัญมาก” สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฤดูกาลหน้า: “ความสอดคล้องกัน ทุกคนต้องรู้สึกเหมือนกันว่าเราทำได้ มันไม่ใช่แค่ความฝัน เรามีทุกอย่างที่จำเป็น แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ เช่น ฟอร์ม, คุณภาพทีม, ตารางแข่ง, ผู้ตัดสิน, ความฟิต และเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งสิ่งที่เราควบคุมได้ เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด” สิ่งที่สเปอร์สทำได้เมื่อคืน: “ก็ขอแสดงความยินดีกับพวกเขา พวกเขาคว้าแชมป์ ซึ่งต้องทำหลายอย่างให้ถูกต้อง พวกเขาผ่านฤดูกาลที่มีอุปสรรคมาได้ และตอนนี้ก็มีช่วงเวลาที่งดงาม ต้องชื่นชม เพราะนี่คือกีฬา และผมเชื่อว่าพวกเขาทุ่มเทเต็มที่” อาร์เซน่อลมีฤดูกาลที่ดีกว่าพวกเขาหรือไม่: “ผมไม่ชอบเปรียบเทียบกับทีมอื่น ผมต้องวิเคราะห์ทีมของผมเอง นั่นคือหน้าที่ของผม” เกี่ยวกับเกมกับเซาแธมป์ตัน: “เรายังมีแรงจูงใจเพราะอยากได้แต้มมากที่สุด เราเป็นตัวแทนของสโมสรนี้ และต้องการเล่นให้ได้ตามรูปแบบของเรา เรายังมีเป้าหมายเรื่องเกมรับที่ดีที่สุด, ถุงมือทองคำ และอยากจบฤดูกาลอย่างดีด้วยบททดสอบที่ดี พร้อมเคารพการแข่งขัน” การพักหลังฤดูกาล: “คุณต้องรีเซ็ต ต้องพัก แล้วต้องชัดเจนและมีเป้าหมายเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า แล้วเริ่มรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่จะกลับมาทำงานกับผู้เล่นและทีมงานอีกครั้ง” ความตื่นเต้นสำหรับฤดูกาลหน้า: “ผมตื่นเต้น แต่ตอนนี้ผมต้องพักก่อน แล้วจึงตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา เพื่อให้ผมได้พักจริง ๆ ซึ่งการพักจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้อง” บทบาทของอันเดรีย แบร์ตา: “เขาจะเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญ เขามีประสบการณ์ และเคยประสบความสำเร็จในบริบทที่ยากลำบาก วิธีการสร้างทีมของเขายอดเยี่ยมมาก เราต้องแบ่งปันความรับผิดชอบ และเขาจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนและแนวคิดของเรา” การสรุปฤดูกาลด้วยคำเดียว: “ผมรู้ว่าคำถามนี้จะมา! พอฤดูกาลจบ ผมจะตอบนะ ถ้าจะให้พูดคำเดียว ตอนนี้อาจจะต้องใช้สามคำ” ข่าวลือกับโรดริโก้ขอองเรอัล มาดริด: “ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนักเตะ แต่สิ่งสำคัญคือ เรานำสโมสรมาอยู่ในจุดที่ฤดูกาลหน้าต้องคว้าแชมป์ใหญ่ให้ได้ ทุกคนเชื่อว่าเรามีระดับนั้น มีความสม่ำเสมอ และเป็นทีมระดับท็อปในประเทศและยุโรป ถ้าไม่คว้าแชมป์จะเป็นยังไง? สำหรับผมนี่คือการยืนยันว่า อาร์เซน่อลอยู่ตรงนี้แล้ว” เกี่ยวกับกล้ามของฮาแวร์ตซ์: “คุณเห็นความต่างใช่ไหม?!” การกลับมาของฮาแวร์ตซ์จะเปลี่ยนแผนซื้อขายหรือไม่: “สิ่งที่ชัดเจนคือจากอาการบาดเจ็บในแนวรุก เราต้องการผู้เล่นที่มีศักยภาพทำประตู ต้องมีพลังยิงเพิ่มขึ้น และต้องเข้าใจว่า สถานการณ์อาจเปลี่ยนพรุ่งนี้ก็ได้ เราไม่สามารถพึ่งพาแค่จำนวนผู้เล่นเดิมได้ ต้องเพิ่มทั้งประตู, ความสร้างสรรค์ และจำนวนในตำแหน่งต่าง ๆ” ความกังวลว่าวงการฟุตบอลถูกตัดสินแค่ “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว”: “ในมุมมองภายนอก ใช่ คุณจะถูกตัดสินแค่สองคำนั้น แล้วก็ใช้ตัดสินใจจากมัน ฤดูกาลหน้าไม่ได้แชมป์ คุณอาจจะหลุด แต่ถ้าได้ คุณจะอยู่ตลอดไปเหรอ? ผมมีมุมมองที่ต่างออกไป” การรับมือกับนักเตะในเรื่องนี้: “แล้วความสุขอยู่ตรงไหน? ถ้าจะวิเคราะห์อาร์เซน่อลแบบนั้น ก็เท่ากับเราล้มเหลวมา 20 ปีในพรีเมียร์ลีก และล้มเหลวในแชมเปียนส์ลีกตลอด? ถ้ามองแบบนั้น แล้วเราคือใคร? แบรนด์ของเราคืออะไร? สโมสรของเรายืนหยัดเพื่ออะไร? ถ้าเราจะตัดสินกันแค่นั้น เราต้องสรุปใหม่ทั้งประวัติศาสตร์ 20 ปีของเรา ผมไม่คิดแบบนั้น” นัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกหญิงในวันเสาร์: “ผมจะดูแน่นอน และจะส่งกำลังใจให้พวกเขาเต็มที่ มันจะเป็นช่วงเวลาที่สุดยอดสำหรับสโมสรและพวกเธอ ผมขออวยพรให้โชคดีและเราจะเป็นกำลังใจอยู่” ความสำเร็จของทีมหญิงช่วยส่งพลังให้สโมสรไหม: “แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทีมหญิง หรืออคาเดมี หรือระดับไหนก็ตาม ถ้ามีเรื่องดี ๆ เราก็มีความสุขเสมอ” อยากเก็บโธมัส พาร์เตย์ไว้ไหมในฤดูกาลหน้า: “ใช่ ผมพูดแบบนี้หลายครั้งแล้ว” มีจำนวนนักเตะที่ต้องการเสริมหรือยัง: “มี” ดูบอลสดฟรี