Jump to content




admin

Administrators
  • Content Count

    372
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    25

admin last won the day on January 23

admin had the most liked content!

Community Reputation

48 Neutral

Recent Profile Visitors

The recent visitors block is disabled and is not being shown to other users.

  1. ถ้าให้เลือก Best Player ของฤดูกาลนี้ของอาร์เซน่อล ก็ต้องยกให้กับ เดแคลน ไรซ์ ชัดเจนสองนัดกับเรอัล มาดริด ไรซ์คือคนที่โดดเด่นที่สุด แต่ภาพรวมทั้งฤดูกาล ไรซ์เล่นได้ดีสม่ำเสมอ ตอนเวสต์แฮมว่าเก่งแล้ว มาอยู่อาร์เซน่อล เก่งไปอีก
  2. ในการลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศของแชมเปียนส์ลีกครั้งที่สองในอาชีพของเขา ไรซ์โชว์ฟอร์มคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ติดต่อกันทั้งสองนัด ช่วยให้อาร์เซน่อลทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 หลายคนอาจชี้ไปที่สองลูกฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ของไรซ์ในเกมแรกว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟอร์มโดยรวมของเขาในสองเกมนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้อาร์เซน่อลประสบความสำเร็จ "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในแบบที่ต่างออกไป ผมคิดว่าเขาสุดยอดมาก" มิเกล อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมคืนวันพุธ "ทั้งการปรากฏตัวของเขา พละกำลังที่แสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมว่าหลายช่วงเวลาเขาคือผู้นำที่พลิกเกมให้เป็นของเรา และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องการผู้เล่นระดับนี้เพื่อก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้จริงๆ" ในแง่แท็กติก อาร์เตต้าแสดงความเฉียบแหลมด้วยการให้ไรซ์อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเล่นงานมาดริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเกมแรก ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สามารถถอยมาเล่นกลางคู่กับโธมัส ปาร์เตย์ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้อาร์เซน่อลสามารถต่อบอลจากแดนหลังได้อย่างราบรื่น เนื่องจากระบบ 4-4-2 ของมาดริดค่อนข้างเฉื่อยช้า โดยเอ็มบัปเป้และวินิซิอุสแทบไม่ได้ช่วยป้องกันเกมบุกจากแดนกลางเลย ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้ไรซ์ขยับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ด้านหลังมิดฟิลด์ของมาดริดได้อย่างชาญฉลาด ก่อนจะทะลุขึ้นไปเผชิญหน้ากับแนวรับของพวกเขาทันที ไม่เพียงแค่ถ่างออกไปด้านข้างหรือถอยต่ำมารับบอลเท่านั้น ไรซ์ยังแสดงให้เห็นตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่เอมิเรตส์ว่าเขาพร้อมแค่ไหนในการวิ่งทะลุแนวรับของมาดริดด้วยตัวเอง อีกครั้งที่ลูอิส-สเกลลี่สามารถรับบอลได้โดยแทบไม่มีแรงกดดัน ขณะที่ไรซ์ยืนซุ่มอยู่ระหว่างแนวรับและแดนกลางของมาดริด คราวนี้เขาใช้พื้นที่ในแดนบนให้เกิดประโยชน์ด้วยการวิ่งตัดแนวทแยงหลังราอูล อเซนซิโอ ก่อนจะส่งบอลคืนให้มิเกล เมริโน่ แม้จังหวะนี้จะไม่ได้กลายเป็นโอกาสลุ้นประตู แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกระหายของไรซ์ในการเติมเกมบุกและดึงแนวรับของมาดริดให้เสียตำแหน่ง ความตั้งใจในเกมรุกของไรซ์ในเลกแรกนั้นโดดเด่นจนไม่มีผู้เล่นคนใดของทั้งสองทีมที่มีโอกาสยิงประตูได้มากกว่าเขา โดยเขายิงไปทั้งหมด 5 ครั้ง เช่นเดียวกันกับในเลกที่สองที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่ออาร์เซน่อลขึ้นเกมผ่านแต่ละแดน ไรซ์มักจะถ่างตัวเองออกไปอยู่นอกแนวรับของมาดริดเพื่อรับบอลในพื้นที่ว่าง ก่อนจะจ่ายบอลทะลุเข้าไปในแดนกลาง หรือมองหา กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทางฝั่งซ้าย ความจริงแล้ว ค่ำคืนวันพุธแสดงให้เห็นอีกมุมหนึ่งของอาร์เซน่อลที่ต่างจากเลกแรก โดยพวกเขาเน้นตั้งรับลึกในกรอบเขตโทษ จนบ่อยครั้งกลายเป็นแนวรับ 5, 6 หรือบางครั้งถึง 7 คน เมื่อเรอัล มาดริดพยายามโยนบอลแบบไร้ทิศทางเข้าไปในพื้นที่แออัด ไรซ์มักจะเป็นคนที่เก็บบอลจังหวะสองหรือดักตัดบอลได้อยู่เสมอ (ไม่มีผู้เล่นคนใดในสนามที่ตัดบอลได้มากกว่าเขา ซึ่งอยู่ที่ 5 ครั้ง) พร้อมกับการเล่นที่เน้นเข้าเร็วและกล้าเข้าปะทะ โชคดีที่สิ่งนั้นไม่ได้นำไปสู่การเสียจุดโทษ หลังจากที่การเข้าบอลเบาๆ ใส่เอ็มบัปเป้ถูกตัดสินให้ไม่ฟาวล์อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ใบเหลืองของเขาถูกยกเลิก ซึ่งเดิมทีอาจทำให้เขาพลาดลงเล่นในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกับเปแอสเช ทัศนคติที่กล้าเล่นแบบนี้ปรากฏตั้งแต่นาทีแรก ๆ ที่มาดริด เมื่อไรซ์ดักตัดบอลก่อนจะเลี้ยงทะลุขึ้นมาตรงกลางสนาม คล้ายกับจังหวะที่เขาทำในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เพื่อดันเกมขึ้นหน้าและเปิดฉากการสวนกลับให้อาร์เซน่อล เรอัล มาดริดดูไร้พิษสงในเกมรุกอยู่เป็นเวลานาน แต่เมื่อเกมเริ่มเปิดมากขึ้นในครึ่งหลัง ไรซ์ก็มักจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเสมอ ในจังหวะสวนกลับอันตรายซึ่งหาได้ยาก นำโดยเฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ไรซ์ตามวินิซิอุส จูเนียร์แบบไม่หยุด ก่อนจะดักตัดบอลที่กำลังจะไปถึงทั้งตัวบราซิลเลียนหรือเอ็มบัปเป้ได้อย่างหวุดหวิด แม้เกมจะใกล้จบแล้ว และเหลือเวลาเพียง 3 นาทีในช่วงเวลาปกติ ไรซ์ยังคงมีแรงกลับลงมาช่วยแนวรับ โหม่งสกัดลูกเปิด (อีกลูกหนึ่ง) จากฟราน การ์เซีย ของมาดริดได้อีกครั้ง ด้วยเซนส์เกมรับที่สะท้อนถึงช่วงที่เขาเคยเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กในช่วงต้นอาชีพ มันแทบจะรู้สึกเหมือนลูกบอลถูกดูดเข้าหาไรซ์ เมื่อเขาหมุนตัวเคลียร์บอลให้พ้นอันตรายแบบเหนือชั้น แม้บทบาทในเกมบุกของเขาจะถูกผลักไปทางฝั่งซ้ายคล้ายกับในเลกแรก แต่หากสังเกตจากแดชบอร์ดผู้เล่น จะเห็นว่าเขามีการเคลื่อนไหวเกมรับมากเป็นอันดับสองของผู้เล่นทั้งหมดในสนาม โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหรือบริเวณหน้าเขตโทษของตัวเอง ก่อนเกม หลายคนตั้งคำถามว่าไรซ์จะรับมือกับจู๊ด เบลลิงแฮม เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษได้แค่ไหน ซึ่งข้อสงสัยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว นั่นแสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของไรซ์วัย 26 ปี เพียงสามนาทีในเกมที่เบร์นาเบว เขาก็ส่งสัญญาณชัดเจนด้วยการเข้าปะทะอย่างแข็งแกร่ง เฉียบคม และรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมชาติของเขาในแดนกลาง เขาชนะการดวลในแดนกลางได้อย่างเด็ดขาด แถมยังมีจังหวะปะทะเล็ก ๆ กับเบลลิงแฮมในช่วงต้นครึ่งหลังอีกด้วย แม้จะเป็นเพียงการจ้องหน้ากัน แต่ก็บ่งบอกถึงระดับของความหงุดหงิดที่ไรซ์สร้างให้กับเบลลิงแฮมและเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า ยังมีผู้เล่นอาร์เซน่อลหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบูกาโย่ ซาก้า และไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สมควรได้รับคำชมจากทั้งสองเลก แต่อย่างไรเสีย ก็ไม่มีใครสะท้อนความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งของอาร์เซน่อลได้มากไปกว่าเดแคลน ไรซ์ กับฟอร์มการเล่นแบบคลาสสิกเต็มสูบ ราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูน Roy of the Rovers ที่จะยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน ไรซ์มักจะถูกมองว่าเป็น “พลังม้าประจำทีม” แต่หากนิยามเขาไว้แค่นั้นก็อาจเป็นการมองข้ามความสามารถรอบด้านของเขาไป ในเวทีที่ใหญ่ที่สุดอย่างการเจอกับมาดริด เขาแสดงให้เห็นถึงทั้งมันสมองเชิงแท็กติกและทักษะเชิงเทคนิค ที่มาคู่กับความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ซึ่งจะยิ่งผลักดันสถานะของเขาให้สูงขึ้นในเวทียุโรปต่อไป
  3. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์บุกชนะเรอัล มาดริด 2-1 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกได้สำเร็จ ความรู้สึกหลังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ “ผมมีความสุขมาก คิดว่านี่เป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา ดังนั้นผมต้องภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง ทีมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยม ความกล้าหาญ และความตั้งใจที่จะสู้กับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นใคร มันไม่ใช่แค่เรื่องของการที่เราผ่านเข้ารอบ แต่เป็นวิธีที่เราทำได้ ทั้งที่ลอนดอนและที่มาดริด ซึ่งทำให้ผมภูมิใจในตัวนักเตะมากจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกของผมในฐานะโค้ชที่ได้มาคุมทีมที่นี่ และวันนี้ผมได้รู้ว่าในสนามแห่งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ เพราะพวกเขาสร้างความโกลาหล สร้างโมเมนตัมได้อย่างเหลือเชื่อ แฟนบอลของพวกเขาผลักดันทีมอย่างมหาศาล และอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ผมคิดว่าในแง่อารมณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เราเสียประตู และไม่ได้ประตูจากจังหวะของบูคาโย่ วิธีที่เรารับมือกับสถานการณ์นั้นได้ มันน่าทึ่งมาก นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในจุดนี้มาก่อนเลย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำจึงยอดเยี่ยมจริง ๆ” เขาเคยรู้สึกภูมิใจในนักเตะของเขามากกว่านี้ไหม: "น่าจะไม่เลยครับ ไม่ใช่แค่เพราะเราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา แต่เพราะวิธีที่เราทำมันได้ ไม่ใช่แค่เพราะรูปแบบการเล่นของเรา แต่ยังเพราะสถานการณ์ที่เราต้องเจอ จำนวนผู้เล่นที่บาดเจ็บ มันแสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ของทีมนี้ ของสโมสรนี้ และมันเป็นค่ำคืนที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆ" ฟอร์มของดีแคลน ไรซ์: "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในอีกแบบหนึ่ง ผมคิดว่าเขาโดดเด่นมาก การปรากฏตัวของเขา พลังที่เขาแสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมคิดว่าเขาเป็นผู้นำของทีมในหลายช่วงเวลา และเปลี่ยนเกมให้เป็นไปในทางที่เราต้องการ นั่นแหละคือเหตุผลที่เราต้องการนักเตะระดับนี้ในการก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เรา: "ความรู้สึกที่เรามีคือความเป็นจริงของเราเลยครับ และจากความรู้สึกก่อนเกม จากสิ่งที่นักเตะสื่อออกมา และการที่ผมรู้สึกได้ว่าทีมพร้อมแค่ไหน เราพร้อมที่จะแข่งขันกับใครก็ได้ ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะผมคิดว่าเรากำลังมีโมเมนตัมที่ดี" คำถามว่าเราสามารถก้าวจากการเป็นผู้ท้าทายไปสู่การเป็นผู้ชนะได้ไหม: "แน่นอนว่านี่คืออีกก้าวสำคัญ จากจุดที่เราจบฤดูกาลก่อน และวิธีที่เราทำได้ในปีนี้ กับทีมที่จับตามองเรา และการแข่งขันที่เข้มข้น มันสุดยอดมาก ต้องให้เครดิตเรอัล มาดริด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมคุมทีมในสนามนี้ และวันนี้ผมรู้เลยว่าแค่สามนาทีแรกในสนามแห่งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างความโกลาหลและความเชื่อ มันยากมากที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในเกม และยากที่จะมั่นใจว่าเราควบคุมเกมได้จริงไหม ผมคิดว่าเราก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่มากทีเดียว" บุคลิกของบูคาโย่ ซาก้า: "ผมสามารถพูดถึงนักเตะรายบุคคลได้อีกเยอะมากในหลายสถานการณ์ที่ต่างกัน และผมจะตอบในแนวเดียวกัน สำหรับบูคาโย่ เขาก้าวขึ้นมารับหน้าที่ แม้เขาจะไม่ได้ทำประตู ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนทางอารมณ์ในเกม เพราะมันจะช่วยเสริมความมั่นใจให้เขามาก แต่จากนั้นวิธีที่เขารับมือกับสถานการณ์ วิธีที่เขาเล่นต่อไป และบุคลิกที่เขาแสดงออกมาในวัยของเขา มันน่าทึ่งมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงเล่นในสนามแห่งนี้ด้วย มันเหลือเชื่อจริง ๆ" สิ่งที่เกมคืนนี้แสดงให้เห็นในการพัฒนาของเรา: "ก่อนหน้านี้มันแตกต่างกันมาก เพราะเรายังไม่มีโอกาสได้เข้ารอบไหนเลย เนื่องจากสโมสรไม่ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกมานานถึงเจ็ดปี นั่นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของสโมสร รวมถึงการมีส่วนร่วมของหลายคนที่ช่วยให้เรามาอยู่ตรงจุดนี้ วันนี้คุณจะรู้สึกได้เลยว่านี่คือทีมที่กระหาย มีความมุ่งมั่น และมีความทะเยอทะยาน เราจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เขา: "มันทำให้รู้สึกมั่นใจครับ ผมอยู่ที่นี่เพื่อสัมผัสประสบการณ์ในเกมแบบนี้และก้าวผ่านมันไป ผมรู้ดีว่าบางวันเราจะชนะ บางวันเราก็จะแพ้ ดังนั้นเราต้องวิจารณ์ตัวเองให้มากในคืนนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราทำได้ดีกว่านี้ และผมต้องช่วยทีมให้ทำได้ดียิ่งขึ้น ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวลาที่ผมมองไปที่พวกเขา พูดคุยกับพวกเขา แล้วเห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจแค่ไหน ซึ่งนั่นคือส่วนหนึ่งในหน้าที่ของเราและทีมโค้ช และนั่นคือเหตุผลที่การทำงานกับทีมนี้มันคือความสุขจริงๆ" การที่กุนซือเตรียมสภาพจิตใจของนักเตะสำหรับเกมที่เบร์นาเบวหรือไม่: "เรามีเครื่องมือบางอย่างในการพยายามทำแบบนั้นครับ แต่พอถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ คุณจะรู้เลยว่ามันยากแค่ไหน! ผมคิดว่าเราทำได้แล้ว และทำได้ในหลายช่วงเวลาอย่างชัดเจน เกมสามารถพาเราไปสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากมาก โดยเฉพาะเมื่อเจอกับพวกเขา (เรอัล มาดริด) แต่เราก็รู้ชัดเจนว่าต้องรับมืออย่างไร และเราก็สามารถทำมันได้สำเร็จ" เสียงเชียร์ของแฟนบอลของเรา: "สุดยอดมากครับ – ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับเราตลอดเส้นทางนี้ ทั้งที่มาดริด รอบโรงแรม และการส่งพลังศรัทธาและกำลังใจให้กับทีม ผมคิดว่านี่แหละคือจุดประสงค์ของงานเรา เพื่อทำให้ผู้คนของเรามีความสุข หวังว่าพวกเขาจะภูมิใจในตัวนักเตะและทีมของเรา ตอนนี้ก็ถึงเวลาลุยต่อแล้ว" การเป็นทีมแรกที่ชนะที่เบร์นาเบวในสองนัดแรกที่ไปเยือน: "ผมไม่รู้สถิตินั้นมาก่อนเลยนะครับ แต่มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เรามีความสุขมากในคืนนี้ แต่แน่นอนว่ายังไม่พอ เรายังมีงานหนักรออยู่ กับเปแอสเช – ทีมที่เรารู้จักดีและเคยเจอกันมาแล้ว ดังนั้นเราต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับเกมนั้นได้แล้ว" โทรหาเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก่อนเกมส์: "ผมโทรหาเขา [เป๊ป กวาร์ดิโอล่า] เมื่อเช้านี้ [ก่อนเกมกับเรอัล มาดริด] เพราะผมคิดว่าการที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องขอบคุณเขา ในฐานะนักเตะและโค้ช เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม และเขาคือคนที่ตัดสินใจเชื่อมั่นในตัวผม ให้โอกาสผมเข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ช ผมใช้เวลาอยู่กับเขาสี่ปีที่ยอดเยี่ยมมาก [ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้] และผมต้องรู้สึกขอบคุณเขา ผมจะรู้สึกขอบคุณเขาเสมอ เพราะหากไม่มีเขา ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้"
  4. ครึ่งแรกพระเอกน่าจะเป็น VAR กับการให้จุดโทษกับอาร์เซน่อล และช่วยปฏิเสธจุดโทษของเรอัล มาดริด แต่จุดโทษของซาก้า ไม่รู้คิดอะไรอยู่เหมือนกัน ปกติไม่เคยยิงพาเนก้าแบบนี้ ช่วงครึ่งแรก เรามีจังหวะ Transition ได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายเราไม่ละเอียดพอ ส่วนเกมส์รุกของเจ้าบ้าน ก็กดดันเราได้ แต่มาดริดยิงไม่เข้ากรอบเลย พอครึ่งแรกยันได้ ครึ่่งหลังอาร์เซน่อลดูจะมั่นใจมากขึ้น กลางเล่น กลางครองบอล แล้วซาก้าก็มายิงให้ทีมนำ 1-0 สกอร์ห่าง 4-0 เหมือนว่าทุกอย่างจะจบแล้วครับนาย แต่ซาลิบาที่ดีมาทั้งเกมส์ มาพลาดแจกประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทันควัน แต่ด้วยความห่าง 3 ลูกกับ 20 นาทีสุดท้าย มาดริดก็เหมือนจะฮึดไม่ค่อยขึ้น แถมทันประธานเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เลยสบายเลย ก่อนจะมาได้ประตูชัยช่วงทดเจ็บ จุดเสียอย่างเดียวคือ พี่หมึก ดันไปโดนใบเหลืองช่วงท้าย ทำให้ติดแบนนัดหน้าซะงั้น
  5. UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Real Madrid 1 - 2 Arsenal (AGG: 1-5) Wed 16 March 2025, 02.00 น. GOAL: 0-1 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 65, เมริโน่) 1-1 เวนีซีอุส จูเนียร์ (นาทีที่ 67) 1-2 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 90+2, เมริโน่) ดาวิด ราย่า: 6.5 ไปโดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ทำให้ราย่าก็กดดันไม่น้อยเวลาที่ต้องออกบอลจากกรอบเขตโทษ ทำให้ลูกเปิดยาวของเขาดูไม่ค่อยได้เปรียบ ภาพรวมราย่า มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอยู่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ลูกยากอะไร แต่จังหวะอื่นไม่มีข้อผิดพลาด วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ซาลิบาทำได้ดีมาตลอด ทั้งการประกบกับเอ็มบัปเป้ และลูกกลางอากาศที่มาติดที่เขาอยู่หลายครั้ง แต่เป็นซาลิบาที่ผิดพลาดไปแจกประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับเรอัล มาดริด ซึ่งทีมเพิ่งขึ้นนำได้แค่นาทีเดียวเอง ยาคุบ คิวิออร์: 8.0 เป็นหนึ่งในเกมส์ที่ยอดเยี่ยมของคิวิออร์ในสีเสื้อของอาร์เซน่อลเลยก็ว่าได้ มีอยู่ 2-3 ครั้งที่คิวิออร์ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก แล้วเล่นได้ค่อนข้างนิ่งเลยทีเดียว ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 7.5 เกมส์รับอาจจะมีเจอทดสอบบ้าง กับการต้องดวลกับโรดริโก้ แต่ไมล์สก็ไม่มีพรวด ตามบล็อกลูกเปิดด้านข้างได้ตลอด ครึ่งหลังมีจังหวะตะลุยขึ้นหน้าสวยๆ ได้หลายหนเลย แต่ก็มีจังหวะหนึ่งที่พลาดเสียบอลอยู่เหมือนกัน ต้องยอมรับว่าใจเด็กนี่มันเกิน 18 จริงๆ ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ถือว่ามีงานหนักเลย เพราะมาดริดเอียงมาฝั่งวีนีซีอุส ค่อนข้างบ่อย เจอสถานการณ์ตัวต่อตัวนับไปถ้วน แต่ทิมเบอร์ก็ยังนิ่งพอที่จะเอาตัวรอดได้ แม้ว่าจะเสียฟาล์วไปหลายทีเหมือนกัน โชคดีที่ไม่โดนใบเหลือง โธมัส ปาร์เตย์: 7.5 พี่หมึกก็ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยม การพลิกบอลจากกลางสนามทำได้ดี จังหวะขยับเข้าไปซ้อนพื้นที่เกมส์รับก็ทำได้ดี จุดด่างพร้อยเดียวของปาร์เตย์คือไปทำให้ตัวเองเสียใบเหลืองแบบไม่จำเป็นช่วงท้ายเกมส์ ทำให้รอบรองเกมส์แรกเขาจะเล่นไม่ได้ เดแคลน ไรซ์: 8.5 ลุ้นเหมือนกันกับจังหวะที่กรรมการเป่าให้จุดโทษให้เรอัล มาดริด ที่ไรซ์ยื้อกับเอ็มบัปเป้ในกรอบเขตโทษ แต่ VAR เข้ามาเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน การเจอกับเรอัล มาดริด ไรซ์เป็นพระเอกทั้งสองนัด นัดนี้เขา เหมือนโผล่ไปอยู่ทุกจุดของสนาม แล้วอยู่ถูกที่ถูกเวลาด้วย ช่วยทีมให้รอดพ้นจังหวะอันตรายได้หลายครั้งเลย มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) ครึ่งแรกการออกบอลในจังหวะสำคัญของโอเดการ์ดเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเอามากๆ ทั้งการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้าย หรือจังหวะที่จะเปลี่ยนรับเป็นรุกเร็ว เขาไม่โดนแย่งเสียบอล ก็จ่ายบอลให้เพื่อนไม่ดี ครึ่งหลังจังหวะขัดใจน้อยลง มีโอกาสได้ส่องนอกกรอบสองหน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 ก็มีหลายๆ จังหวะในการพาบอลไปเองของมาร์ติเนลลี่ที่ควรต้องทำให้ดีกว่านี้ แต่มาร์ตี้ก็ยังสามารถเรียกฟาล์วได้หลายหน รวมถึงวินัยเกมส์รับก็ยังดี ช่วงทดเจ็บหลุดไปยิงให้ทีมนำอีกครั้งเป็น 2-1 บูกาโญ ซาก้า: 7.5 มีโอกาสที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำจากจุดโทษ แต่ซาก้าไปตัดสินใจยิงแบบพาเนก้า แต่ยิงไม่ดีเลย ทำให้กูร์ตัวร์เซฟไว้ได้ แต่ซาก้าก็มาแก้ตัวได้ด้วยการหลุดทะลุไลน์เข้าชิพข้ามตัวกูร์ตัวร์เข้าไปให้ทีมนำ 1-0 สำหรับซาก้าก็ยังเป็นตัวอันตรายเวลาที่บอลอยู่กับเขา มิเกล เมริโน่: 7.5 กับบทบาทกองหน้าตัวเป้าแบบจำเป็น เมริโน่ก็ดูจะเป็นคนที่เล่นได้ลงตัวที่สุดแล้ว แต่การเล่นของเมริโน่ บ่อยครั้งที่เราเห็นเขาขยับมาเล่นเป็นกลางฝั่งซ้าย แล้ววันนี้ทำไปอีกสองแอสซิท เป็นลูกจ่ายที่ดีทั้งสองหนเลย ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 (นาทีที่ 76, ซาก้า) หลายจังหวะของทรอสซาร์ เป็นการเล่นเสี่ยงแบบไม่ได้จำเป็นเลย ทำให้ทีมไปเสียการครอบครองบอลในพื้นที่ไม่ควรเสีย เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 90, ทิมเบอร์) โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: N/A (นาทีที่ 90, ไรซ์) คีแรน เทียร์นี่ย์: N/A (นาทีที่ 90, มาร์ติเนลลี่)
  6. จัดตัวสองนัดก็ชัดเจนว่าเราเน้นให้ความสำคัญไปกับยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก วันพุธนี้ ถ้าผ่านมาดริดได้ มันจะมีช่วงเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะเล่นรอบรองชนะเลิศปลายเดือน ในลีกมีเยือนอิปสวิช กับเล่นในบ้านกับพาเลซ เป็นสองนัดที่เราควรจะต้องปิดจ็อบ การันตีโควต้าแชมเปี้ยนลีกให้ได้ พอถึงรอบรอง จะได้โรเตชันได้แบบสบายใจ นัดนี้มันก็ไม่ควรเสมอ ไปพลาดสับสนตำแหน่งแค่หนเดียว กลายเป็นโดนตีเสมอ 1-1 เลย ตัวสำรองก็ยังไม่สามารถทดแทนตัวหลักได้
  7. PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 1 - 1 Brentford Sat 12 March 2025, 23.30 น. GOAL: 1-0 โธมัส ปาร์เตย์ (นาทีที่ 60, ไรซ์) 1-1 โยอันส์ วิซซ่า (นาทีที่ 74) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 7.0 ครึ่งแรกมีจังหวะต้องเซฟไปหนนึงในจังหวะที่อายเยอร์สอดทะลุเข้ามายิง ประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมต้องให้เครดิตกับราย่าด้วย จากที่เขาคว้าบอลจากลูกเตะมุม ก่อนจะเล่นเร็วไปให้กับไรซ์ได้โต้กลับ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 คึกผิดปกติสำหรับซาลิบา เขาพยายามที่จะพาบอลลุยขึ้นหน้าอยู่ตลอด แล้วมีจังหวะลุยขึ้นไปสวยๆ ด้วย เกมส์รับซาลิบาไม่ได้มีปัญหาอะไร ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 คิวิออร์ไม่ได้มีความผิดพลาดอะไรในเกมส์นี้ โอกาสวางบอลยาวจากแนวลึกไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไร แต่การออกบอลสั้นๆ ก็ทำได้โอเค คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.5 ได้สตาร์ทตัวจริงในเกมส์ลีก เทียร์นี่ย์มีจังหวะที่โหม่งบอลไปตุงตาข่าย แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน จังหวะเกมส์รับก็มีสกัดสวยๆ อยู่บ้าง โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 ต้องมาเล่นเป็นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง เพราะเบน ไวท์ ไปเจ็บระหว่างเกมส์ วันนี้เกมส์รับปาร์เตย์ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้น่ากังวล แล้วเป็นเขาที่ตะบึ่งขึ้นหน้าในจังหวะโต้กลับเร็ว ก่อนจะยิงให้ทีมนำ 1-0 จอร์จินโญ่: 6.0 (C) การที่เล่นแบบไม่มีเพลย์เมกเกอร์ เลยได้เห็นการเข้ามาทำในพื้นที่สุดท้าย จะให้จอร์จินโญ่เป็นคนวางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะยังไม่ลงตัว ปัญหาของพี่จอร์ยังเหมือนเดิม จังหวะ 50:50 แกมักจะเบรกเกมส์ตรงกลางไม่ค่อยได้ ช่วงท้ายจอร์จินโญ่เล่นต่อไม่ไหว แล้วทีมเปลี่ยนตัวครบไปแล้ว ทำให้ต้องเล่น 10 คน โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 สตาร์ทในตำแหน่งกองกลางฝังขวา ด้วยความที่ไม่ใช่เท้าข้างถนัด เราเลยเห็นเขาต้องแต่งบอลให้เข้าซ้าย เลยได้เห็นเขาทำได้แค่เคาะไป เดแคลน ไรซ์: 7.0 จังหวะประตูขึ้นนำ 1-0 ต้องยกความดีความชอบให้กับไรซ์ด้วย ในจังหวะโต้กลับที่เขาลุยเข้าไปเอง ก่อนจะจ่ายให้ปาร์เตย์ได้ยิง ไรซ์ก็ยังช่วยทีมได้ดีทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 จังหวะหนึ่งต่อหนึ่งของมาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถเอาชนะเกมส์รับของเบรนท์ฟอร์ดได้แบบชัดเจน หลายครั้งที่มันดูน่าผิดหวังไปสักหน่อยด้วย อีธาน วาเนรี: 5.5 ช่วงหลังเริ่มเล่นไม่ค่อยออกเหมือนกันสำหรับวาเนรี แล้วมีความไม่เข้าใจระหว่างเขากับชินเชนโก้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 เล่นในบทบาทกองหน้าตัวเป้า ทรอสซาร์มีบทบาทกับเกมส์น้อยไปหน่อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาหลัง แถมจะหายไปจากเกมส์เลย ช่วงครึ่งแรกยังพอมีจังหวะได้พลิกส่องจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่ถูกประตูเบรนท์ฟอร์ดเซฟไว้ได้ ตัวสำรอง: บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (นาทีที่ 62, วาเนรี) มีโอกาสทองที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อซาก้าไปแย่งบอลจากประตูของเบรนท์ฟอร์ดมาได้ แต่จังหวะจะยิงไปแต่งหลายจังหวะจนทิ้งโอกาสทองไป ซาก้ายังมีโอกาสได้ลุ้นอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 62, ชินเชนโก้) ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 62, เทียร์นี่ย์) ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 (นาทีที่ 69, ปาร์เตย์) มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 75, ไรซ์) ดูบอลสดฟรี
  8. ดูบอลสดฟรี บรรยากาศในสนามซ้อมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา: ยอดเยี่ยมมาก พลังงานมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นค่ำคืนที่พิเศษมาก แต่นั่นก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้เรามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่เกมกับเบรนท์ฟอร์ด เพราะมันเป็นเกมที่จะต้องใช้ศักยภาพสูงสุดของพวกเรา ลูกฟรีคิกของไรซ์ที่เขาชอบมากที่สุด: มันยากจะเลือกนะ ผมไม่รู้จริง ๆ เทคนิคของทั้งสองลูกนั้นแตกต่างกันมาก ระยะยิงและมุมที่เขาทำได้ ทั้งสองลูกยอดเยี่ยมมาก และพวกมันช่วยให้เราชนะ ซึ่งนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อถูกถามว่าเขารู้ไหมว่าลูกไหนคือประตูโปรดของดีแคลน: ไม่รู้ครับ เมื่อถูกถามว่าไรซ์จะเป็นคนยิงฟรีคิกทุกลูกต่อจากนี้ไหม: มันเป็นสิ่งที่เราคุยกันบ่อย เขาสามารถสร้างโอกาสได้หลายรูปแบบในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์หรือยิงเอง เพราะเขามีคุณสมบัติครบ เขาวิ่งทะลุเข้าเขตโทษได้ เลี้ยงหลบผู้เล่นได้ มีลูกยิงไกล และยังเล่นลูกตั้งเตะได้ดีด้วย เป้าหมายของเราคือให้เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถตัดสินเกมได้ด้วยวิธีการหลากหลาย เกี่ยวกับผู้เล่นที่ตอบรับแนวคิด “make it happen” (ทำให้มันเกิดขึ้นจริง): แน่นอน ผมพูดไว้วันก่อนว่า แค่เชื่อยังไม่พอ ต้องมีความมุ่งมั่น รู้สึกให้ได้ และทำให้มันเป็นจริง ซึ่งเราต้องทำหลายสิ่งให้ถูกต้อง เหมือนที่เราทำมาตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เราต้องเจอมา ดังนั้นเราต้องสานต่อความคิดแบบนี้ต่อไป ความสำคัญของบูกาโย่ ซาก้าในช่วงที่เหลือของฤดูกาล: สำคัญมาก เขาสร้างความอันตราย การเชื่อมเกม และความไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งอาจจะไม่มีผู้เล่นคนอื่นทำได้แบบเขา โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์ที่เขาสร้างไว้กับเพื่อนร่วมทีม เขามีพลังในการปลุกเร้าแฟน ๆ ในสนาม ซึ่งมันเหลือเชื่อจริง ๆ เพราะการเปลี่ยนบรรยากาศในสนามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาทำได้ และนั่นคือคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ที่ซาก้าบอกว่าเขาอยากคว้าแชมป์กับทีมให้ได้: เขาเป็นคนที่ถ่อมตัว เรียบง่าย และทุ่มเทให้กับสโมสรอย่างมาก เขาผูกพันกับสโมสรนี้อย่างลึกซึ้ง และกับผู้คนมากมายที่นี่ ผมดีใจมากที่ได้ยินว่าเขาอยากอยู่กับเราต่อและคว้าชัยชนะร่วมกัน แนวทางของมิเกลในการรับมือเกมกับเบรนท์ฟอร์ด: ก็รับมือแบบปกติ นี่แหละบริบทของเรา เราต้องเล่นทุกสามวันในหลายรายการ รายการใหญ่สุดคือยุโรป แล้วก็กลับมาเล่นพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นเกมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่แข่งและบริบทของเกม ถ้าอยากเป็นทีมที่ชนะได้ในทุกเวที เราต้องรับมือให้ได้ในทุกสามวัน ไม่ว่าบริบทจะเป็นยังไง จำนวนวันหยุดที่ทีมได้รับหลังชนะมาดริด: แค่วันเดียวเอง ผมคิดว่าทุกคนก็พอใจนะ บางครั้งหลังชนะคุณอยากอยู่กับทีมอีกวัน เพื่อแชร์ความรู้สึกนั้นร่วมกัน แต่เราก็ให้วันหยุด เพราะนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับเกมกับเบรนท์ฟอร์ด เขาดูเกมนั้นซ้ำกี่ครั้ง: ผมดูเกมแค่ครั้งเดียว แล้วก็หันไปโฟกัสที่เบรนท์ฟอร์ดทันที นั่นคือความจริง การทำให้ผู้เล่นกลับมามีสมาธิหลังเกมใหญ่: ไม่ใช่เรื่องของการดึงเขากลับมาหรอก ตอนนี้เป็นเรื่องของการรักษาพลังงานและโมเมนตัมนั้นไว้ แล้วใช้มันกับเกมที่ยากมากกับเบรนท์ฟอร์ด ทีมที่ถ้าคุณดูในสิ่งที่พวกเขาทำมา มันเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นเรื่องราวที่งดงาม และพวกเขาสมควรได้รับมันจากการทำงานหนัก การจัดการทีม ความเชื่อมั่น และแนวทางการเล่น ต้องให้เครดิตพวกเขาเลย เกมนี้จะเป็นบททดสอบที่หนักแน่นอนสำหรับเรา ความเคารพที่มีต่อโธมัส แฟรงค์: มากเลยครับ อาจจะมากกว่าคำว่าเคารพด้วยซ้ำ อาจจะเรียกว่าชื่นชมมากกว่า เขาทำได้ยอดเยี่ยมกับสโมสรที่ทุกคนมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีอัตลักษณ์ชัดเจน เป็นทีมที่เราสามารถเรียนรู้ได้มาก เพราะวิธีที่พวกเขาทำมันฉลาดมากในความเห็นผม และโมเดลของทีมก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดูผลงานเกมเยือน 6 นัดหลังสุดก็เห็นแล้วว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง จุดแข็งหลักของเบรนท์ฟอร์ด: นั่นแหละประเด็น พวกเขามีจุดแข็งหลายจุดเลย พวกเขาเพรสสูงอย่างดุดัน ถ้าแย่งบอลได้ในช่วงเปลี่ยนเกม พวกเขาเล่นได้ดีและจัดระเบียบได้ดีมาก ถ้าพวกเขาตั้งรับลึก พวกเขาก็มีตัวเติมเกมจากแนวลึกอีกด้วย ทุกการเริ่มเกมใหม่อาจกลายเป็นลูกตั้งเตะและพวกเขาสร้างความวุ่นวายได้ดี ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เกมกับมาดริดว่าเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมภายใต้การคุมของเขาหรือไม่: อาจจะใช่ ถ้าวัดจากผลกระทบในระดับโลก บริบทของเกม และวิธีการเล่น มันน่าจะเป็นเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว สำหรับเรา มันก็เป็นแค่อีกเกมหนึ่ง และยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ มันดีสำหรับพวกเราในการสร้างช่วงเวลา ความเชื่อมโยง และประวัติศาสตร์ร่วมกัน การนำระบบล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติมาใช้ในพรีเมียร์ลีก: ใช่ครับ ผมคิดว่าในแชมเปียนส์ลีกมันใช้ได้ดี และช่วยให้ทุกฝ่ายทำงานง่ายขึ้น ทำให้เกมยุติธรรมขึ้นด้วย ยินดีต้อนรับเลย ความคิดที่จะพักผู้เล่นก่อนเกมเลกที่สอง: ตอนนี้เราต้องดูว่าสภาพร่างกายของนักเตะเป็นยังไง เพราะมันไม่ใช่แค่เกมนี้ แต่รวมถึงโปรแกรมในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปด้วย ใครที่ได้ลงเล่นก็จะต้องพร้อมและแข่งขันได้แน่นอน อัปเดตอาการบาดเจ็บ: ดีแคลนกับบูกาโย่ฟิตทั้งคู่ มันแค่โดนเตะนิดหน่อยแล้วก็ฟื้นตัวได้ดี ดังนั้นทั้งสองพร้อมลงเล่นพรุ่งนี้ ริกกี้ก็กำลังฟื้นตัวได้ดี ผมยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้ เพราะเขาต้องเริ่มเร่งระดับขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เล่นคนอื่นซ้อมร่วมด้วย แล้วดูว่าเขาตอบสนองยังไง แต่ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ดี ความสำคัญในการรักษาอีธานและไมลส์ให้อยู่กับทีมต่อ: เราทุ่มพลังอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่านักเตะของเรามีความสุข รู้สึกมีคุณค่า และรู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่เราทำ แล้วส่วนอื่น ๆ ถ้ามีความจำเป็น เราก็จะดูที่อคาเดมี่ของเราก่อน ถ้าไม่พอก็ค่อยดูที่อื่น กรอบเวลาระหว่างอาการบาดเจ็บของไคกับซาก้า: งั้นเรามีเวลามากขึ้นอีกหน่อย มาดูกัน ทุกอาการบาดเจ็บไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่วิธีคิดของทั้งสองคนคล้ายกันมาก พวกเขามีประวัติบาดเจ็บที่ดี มีวินัยยอดเยี่ยม และกระหายที่จะกลับมาเล่นโดยเร็วที่สุด ทีมแพทย์เราก็ยอดเยี่ยม หวังว่าเราจะได้เขากลับมา แต่คงต้องรอดู เพราะช่วงสุดท้ายของการฟื้นตัวจะเป็นตัวบอกว่าเขาพร้อมแค่ไหน โอกาสที่จะได้เห็นไค ฮาแวร์ตซ์กลับมาลงเล่นอีกครั้งในฤดูกาลนี้ หวังว่าเราจะสามารถมีเขาในทีมก่อนที่จะจบฤดูกาล การที่อีธานได้ลงเล่นน้อยลง: ไมลส์ก็เล่นเยอะนะ และอีธานก็เช่นกัน เขาเพิ่งได้ลงตัวจริงกับเอฟเวอร์ตัน เกมเยือน นี่คือพรีเมียร์ลีกนะครับ และเรากำลังพูดถึงเด็กอายุ 17–18 ที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่ได้ลงเล่นเยอะมาก ผมดีใจมาก เพราะพวกเขาสมควรได้รับมัน และพวกเขาจะได้ลงเล่นต่อไปแน่นอน การสร้างตำนานของตัวเองในยุโรป: ผมอยากใช้คำนั้นกับการคว้าถ้วยใหญ่มากกว่าการผ่านเข้ารอบนะ แต่เราต้องเริ่มจากที่ไหนสักที่ก่อน เราไม่ได้เล่นแชมเปียนส์ลีกมานานถึง 7 ปี เราต้องเริ่มสร้างเรื่องราว และตอนนี้เรากำลังเดินมาถูกทาง แต่ก็ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ วมันเป็นเรื่องของทั้งสโมสร ไม่ใช่แค่ผู้เล่นกับโค้ช: แน่นอน 100% ค่ำคืนแบบที่เรามีเมื่อวันก่อนจะถูกจดจำไปอีกหลายปี และนั่นแหละคือค่ำคืนที่ทำให้คนเชื่อมั่น มันให้ความหมายกับการแข่งขัน มอบความสุข และเตรียมคุณสำหรับค่ำคืนต่อไป เพราะคุณจะอยากรู้สึกแบบนั้นอีก นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในมุมมองของผม คือทำให้แฟน ๆ เฝ้ารอที่จะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นร่วมกับเราอีก แรงจูงใจจากการที่ลิเวอร์พูลยังไม่การันตีแชมป์: พรีเมียร์ลีกมันยาวมาก ทุกทีมเล่นเยอะมาก และเรารู้ดีว่ามันแข่งขันกันสูงแค่ไหน ชนะกันแค่ลูกเดียวเกือบทุกเกม นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสอยู่เสมอ แม้มันจะไม่อยู่ในมือเราแล้วก็ตาม สิ่งที่เราทำได้คือชนะเกมของตัวเอง อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องอยู่ตรงนั้นให้ได้แน่นอน ความประหลาดใจในพัฒนาการของดีแคลน: เราซื้อนักเตะที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว และราคาที่จ่ายก็สะท้อนสิ่งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามาถึงขีดสุดแล้ว เพราะเรารู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างให้พัฒนา ทั้งการอ่านเกม และทักษะอื่น ๆ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาเชื่อมั่นและกล้าที่จะก้าวไป เขาต้องทำประตูด้วยลูกโหม่งให้มากขึ้น ทำประตูในกรอบมากขึ้น ยิงไกลให้มากขึ้น เขาทำได้หมด และเขาต้องเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะเขามีศักยภาพอยู่แล้ว คนที่บอกว่าเราซื้อเขามาครึ่งราคาหรือเปล่า: (หัวเราะ) ผมว่าไม่ใช่นะ! ที่มาดริดหวังว่าจะกลับมาได้ในเลกสอง: เราต้องโฟกัสในสิ่งที่เราทำได้ สิ่งที่เราควบคุมได้ และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะเตรียมทีมให้พร้อม เพราะเรารู้ว่าต้องเจอกับอะไร และเราต้องคว้ามันมาให้ได้ ต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้น และทำให้ดีกว่าเกมแรก ดูบอลสดฟรี
  9. ดูบอลสดฟรี เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวดังจากดิแอธเลติก ได้ตอบคำถามจากแฟนบอลทางบ้าน ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการเสริมทัพของอาร์เซน่อลอยู่หลายประเด็นด้วยกัน อาร์เซนอลได้ติดตามและศึกษาผลงานของ เบนจามิน เซสโก้ มาเป็นเวลานานพอสมควร เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงและกำลังทำผลงานได้ดีมาก ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาจะพัฒนาได้อีกในอนาคต เพื่อนร่วมงานของผม เจมส์ แมคนิโคลาส เพิ่งรายงานว่า อาร์เซนอลเองก็มีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับเซสโก้ อยู่บ้าง จึงอาจเป็นไปได้ว่า มิเกล อาร์เตต้า และ อันเดรีย แบร์ต้า กำลังให้ความสำคัญกับตัวเลือกอื่นมากกว่า (ก่อนหน้านี้เราก็เคยรายงานว่าอาร์เซนอลจับตามองทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ วิคตอร์ โยเคเรส) อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเซสโก้หลุดจากลิสต์เป้าหมายของอาร์เซนอล เพียงแต่อาจไม่ใช่ปลายทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เราก็รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประทับใจเขาอย่างมากเช่นกัน... ผมจำได้ว่าเขาเคยเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของพวกเขาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ต่อและเซ็นสัญญาใหม่ ตอนนี้เขายังเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ เชลซี กำลังพิจารณา และผมมั่นใจว่าสโมสรระดับท็อปอื่น ๆ ก็จับตามองอยู่เช่นกัน ดีลนี้ไม่ใช่ดีลราคาถูกแน่นอน — แต่ดีลระดับนี้ไม่มีทางถูกอยู่แล้ว และถ้า/เมื่อเซสโก้ย้ายทีมจริง ทีมที่คว้าตัวไปได้ก็น่าจะได้เพชรเม็ดงามไปครองแน่นอน นักเตะตำแหน่งริมเส้นอยู่ในแผนของอาร์เซน่อลมาสักระยะแล้ว และผมได้ยินมาว่า ตำแหน่งปีกซ้าย คืออีกหนึ่งตำแหน่งที่อาร์เซน่อลกำลังพิจารณาในช่วงซัมเมอร์นี้ เราทุกคนทราบดีว่า นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป็นนักเตะที่มิเกล อาร์เตต้า ชื่นชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน ยังมีชื่ออื่นที่ถูกพิจารณาอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น อาร์เซน่อลเป็นหนึ่งในหลายสโมสรที่ชื่นชอบ แอนโธนี่ กอร์ดอน A BOLA สื่อของโปรตุเกส เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล เป็นตัวเต็งที่จะคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าฟอร์มฮอตของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปเสริมทัพในฤดูกาลหน้า มีข้อตกลงระหว่างตัวนักเตะและทางต้นสังกัด ว่าเขาสามารถย้ายทีมได้ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร ฟาบริโอ โรมาโน่ พูดถึงดีลของนิโก้ วิลเลี่ยมส์กับอาร์เซน่อลว่า: "อาร์เซนอลให้ ความสำคัญกับนักเตะรายนี้อย่างมาก และเขาถูกมองว่าเป็น นักเตะในอุดมคติของมิเกล อาร์เตต้า สำหรับตำแหน่งปีก ทีมงานตัวแทนของเขากำลัง จัดการเรื่องอนาคต และได้มีการ ติดต่อกับอาร์เซนอลแล้ว" "ทางฝั่งบิลเบารู้สึกว่า วิลเลียมส์จะไม่เปิดเจรจาใด ๆ กับสโมสรในตอนนี้ และจะรอ ตัดสินใจอนาคตหลังจบฤดูกาล — ซึ่งอาร์เซนอลจะต้อง เคารพช่วงเวลาในการตัดสินใจของตัวนักเตะ ส่วนในกรณีของ บาร์เซโลนา ดูจะมีโอกาสน้อยกว่า เนื่องจากติด ข้อจำกัดด้านกฎการเงิน (Financial Fair Play) เชลซี ก็เป็นอีกทีมที่ ให้ความสนใจนักเตะรายนี้เช่นกัน เคร็ก โฮฟฟ์ นักข่าวจากเดลี่ เมล์ บอกว่า มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดน จะอยู่ล่าตาข่ายให้กับนิวคาสเซิ่ลต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่าจะได้รับความสนใจจาก อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล นอกจากนี้ทางนิวคาสเซิ่ล ยังเล็งที่จะดึง มัทธีอัส คุนญา แนวรุกตัวเก่งของวูลฟ์แฮมตัน เข้ามาเสริมแกร่งทีมในซีซั่นหน้าด้วย โดยทางคุนญา มีค่าฉีกสัญญาที่จะมีผลในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย London Evening Standard รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล มีแผนที่จะโรเตชันผู้เล่นในเกมส์พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ ที่จะเปิดบ้านรับมือกับเบรนท์ฟอร์ด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบุกเยือน เรอัล มาดริด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กลางสัปดาห์หน้า แม้ว่าเลกแรกพวกเขาจะเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-0 ก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า มิเกล อาร์เตต้า อาจจะพัก บูกาโญ ซาก้า, วิลเลี่ยมส์ ซาลิบา, ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่ และเดแคลน ไรซ์ เป็นอย่างน้อย เดวิด ออร์นสตีน ได้พูดถึงอนาคตของ ดีน ฮุยเซน เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งอนาคตไกลของบอร์นมัธ เขาบอกว่า: "ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในสโมสรที่ให้ความสนใจในตัวดีน ฮุยเซน อย่างจริงจัง ข้อมูลนี้ถูกพูดถึงในแหล่งอื่นด้วย และถือว่าแม่นยำ เชลซีได้สอบถามเกี่ยวกับเขา และอาร์เซนอลก็อยู่ในกลุ่มที่สนใจเช่นกัน ตอนนี้สามสโมสรนี้ดูจะเป็นตัวเต็ง แต่ก็ไม่ใช่เพียงสามทีมเท่านั้น เพราะนิวคาสเซิลและท็อตแน่มก็สนใจอยู่ด้วย ผมเชื่อว่าทุกสโมสรที่กล่าวถึงได้มีการประชุมหรือพูดคุยกับตัวแทนของฮุยเซนในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการ ดังนั้นทิศทางของดีลนี้จึงยังไม่ชัดเจน มีรายงานไว้อย่างชัดเจนว่าฮุยเซนมีความชื่นชอบเรอัล มาดริดตั้งแต่เด็ก และทางมาดริดเองก็ชอบเขา แต่ผมยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจากพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้น ณ เวลาที่เขียนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีโอกาสย้ายไปอยู่กับสโมสรในพรีเมียร์ลีกมากกว่า ผมคิดว่าทั้งบอร์นมัธและตัวนักเตะเองอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เนื่องจากค่าฉีกสัญญา 50 ล้านยูโร ทำให้ดีลนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งลิเวอร์พูลเคยใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขแบบนี้มาก่อน บางทีการพิจารณาของลิเวอร์พูลอาจได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ต่อสัญญาของโคนาเต้ที่ยังไม่มีความคืบหน้า และหากเซ็นสัญญากับฮุยเซน ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะได้ลงเล่นเคียงข้างฟาน ไดจ์ค เชลซีเองก็อาจพูดแบบเดียวกันในกรณีจับคู่กับโคลวิลล์ และที่นิวคาสเซิลกับท็อตแน่ม เขาก็น่าจะได้โอกาสลงเล่นพอสมควรเช่นกัน ในส่วนของอาร์เซนอล อาจจะยากหน่อยเพราะมีซาลิบาและกาเบรียลอยู่แล้ว แต่ถ้าคิวิออร์ถูกขายออกไป ก็สามารถจินตนาการได้ว่าฮุยเซนอาจได้ลงเล่นบ่อยในฐานะหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คของทีม และจากที่ผมได้ยิน ทั้งมิเกล อาร์เตต้า และอันเดรีย แบร์ต้า ต่างก็เป็นแฟนตัวยงของฮุยเซน ผมยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับนักเตะคนอื่น ๆ ที่ลิเวอร์พูลกำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่จากที่ก่อนหน้านี้หลายทีมมองหากองหลังฝั่งซ้าย ตอนนี้กลับหันมาโฟกัสที่ฝั่งขวาแทน โดยรวมแล้ว (แม้จะไม่แน่ใจว่าสำหรับลิเวอร์พูลหรือไม่) มาร์ค เกฮี จะเป็นคนที่น่าจับตามอง รวมถึงเทรเวอร์ ชาโลบาห์ด้วย" ไซมอน คอลลินส์ สายข่าวอาร์เซน่อลของ London Evening Standard รายงานข่าววา ทีมงานสต๊าฟโค้ชของมิเกล อาร์เตต้า ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซน่อลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อัลเบิร์ต สตูเวนเบิร์ก, คาร์ลอส คูร์เอสต้า, นิโคลัส โยเวอร์, อินากี้ คาญา และมิเกล โมลิน่า) หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะของอาร์เซนอล เจมส์ เอลลิส คาดว่าจะ อำลาสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ ตามแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับ Football Insider ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างงานด้านการเสริมทัพของสโมสร ภายใต้การนำของ อันเดรีย แบร์ต้า #arsenalfanaticsnews สายข่าววงในของอาร์เซน่อล บอกว่า ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี เซนเตอร์แบ็คทีมชาติอิตาลี สามารถกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เขามีปัญหาบาดเจ็บมาจากการลงเล่นกับทีมชาติ เอดู กาสปาร์ สิ้นสุดช่วง พักงาน 6 เดือน (gardening leave) อย่างเป็นทางการแล้ว และได้ อำลาตำแหน่งที่อาร์เซนอล เรียบร้อย อดีตผู้อำนวยการกีฬารายนี้ พร้อมเปิดรับข้อเสนอจากสโมสรอื่นแล้ว โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เขาได้เขียนข้อความอำลาสโมสรอาร์เซน่อลผ่านทาง IG ส่วนตัวว่า: "ผมมาที่อาร์เซนอลพร้อมกับความท้าทายในการพาสโมสร กลับสู่ระดับหัวแถวของยุโรป และทำให้การกลับไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กลายเป็นสิ่งที่ “คาดหวังได้” ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป" "ขออวยพรให้อาร์เซนอลและผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ แบร์ต้า โชคดี ผมรอจนกระทั่งหมดสัญญาอย่างเป็นทางการถึงเขียนข้อความนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อสโมสร วันนี้ผมเดินจากอาร์เซนอลไปด้วยความภาคภูมิใจ — ภูมิใจในทุกสิ่งที่เราร่วมกันสร้างขึ้นมา" ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวจาก BBC บอกว่า อาร์เซนอลเตรียมเปิดการเจรจากับ อีธาน วาเนรี เกี่ยวกับ สัญญาฉบับใหม่ — แม้ยังไม่มีข้อเสนอหรือการพูดคุยอย่างเป็นทางการในตอนนี้ แต่คาดว่า ความคืบหน้าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้กำลังจะเข้าสู่ ปีสุดท้ายของสัญญาฉบับปัจจุบัน ในช่วงซัมเมอร์นี้ ในขณะเดียวกัน สโมสรยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ เกี่ยวกับ การต่อสัญญา เช่นกัน เดวิด ออร์นสตีน บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะกลับมาช่วยอาร์เซน่อลได้ก่อนจบฤดูกาลนี้ หากทีมยังมีลุ้นบางอย่างในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล โดยกระบวนการฟื้นฟูร่างกายของเขากำลังเป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น และยังมี ปัจจัย ที่ไม่แน่นอน หลายอย่างที่ต้องพิจารณา ดูบอลสดฟรี
  10. ดูบอลสดฟรี หลังจากที่เราโชว์ฟอร์มสุดยอด เอาชนะเรอัล มาดริด 3-0 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ในเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มิเกล อาร์เตต้า ได้ตอบคำถามจากสื่อมวลชนในการแถลงข่าวหลังเกม เขาถูกถามเกี่ยวกับวิธีที่ทีมสามารถโค่นแชมป์ยุโรปลงได้, ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของดีแคลน ไรซ์ และสถานการณ์ก่อนเกมเลกที่สอง ฟอร์มการเล่นในค่ำคืนนี้: ผมภูมิใจมาก เราเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยมในฐานะทีม ซึ่งคุณต้องการสิ่งนั้น ทั้งในการจัดระบบและสิ่งที่เราต้องทำเพื่อครองเกมและสร้างปัญหาให้กับมาดริด ค่ำคืนนี้เกี่ยวข้องกับสองสิ่งหลักๆ หนึ่งคือบรรยากาศที่เราสร้างขึ้นก่อนเริ่มเกม 15 นาที มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พลังและความมุ่งมั่นจากแฟนๆ ช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล และอีกอย่างคือช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ ช่วงเวลาเฉพาะตัวที่ตัดสินเกมได้ ซึ่งสองประตูแรกของดีแคลนคือภาพรวมของค่ำคืนนี้ ความสำเร็จของไรซ์จากลูกฟรีคิก: เขามุ่งมั่นมาก เพราะเราคุยกันมาหลายเดือนแล้วว่า เราไม่ได้ยิงประตูจากลูกฟรีคิกโดยตรงมาตั้งแต่กันยายน 2021 นัดเจอกับเบิร์นลีย์ โดยมาร์ติน โอเดการ์ด มันเป็นเวลานานมาก และการทำสองประตูใน 12 นาทีด้วยคุณภาพแบบนั้น จากผู้เล่นคนเดียวที่ไม่เคยยิงฟรีคิกเข้ามาก่อนในอาชีพ – โอกาสมันแทบจะเป็นศูนย์ แต่เขาทำได้ในคืนนี้ ผมเชื่อว่าแฟนๆ มีส่วนช่วย ด้วยพลังที่พวกเขาส่งมา มันช่วยเราได้มากจริงๆ ทุกอย่างที่ลงตัว ทั้งในสนามและนอกสนาม: ผมมั่นใจมาก เพราะผมสัมผัสได้จากการเตรียมทีมว่าเราพร้อมจริงๆ เรามีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างปัญหาให้กับมาดริดได้ แต่หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของการลงมือทำ คุณต้องทำให้มันเกิดขึ้น และเราทำได้ในวันนี้ มันเป็นเกมที่ยาก แต่เรามีความสุขมาก เหตุผลที่เปลี่ยนซาก้าและไรซ์ออก: ผมคิดว่าดีแคลนมีปัญหาที่เท้า ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะโดนเข้าสกัดหรืออะไร และบูคาโยก็เช่นกัน หลังจากโดนฟาวล์ เขาได้รับการกระแทก และต้องออกจากสนาม แต่เขาสบายดี ลูอิส-สเกลลี่ ที่โชว์ฟอร์มในเกมใหญ่ที่สุด: ในฐานะทีม เมื่อคุณเล่นในระดับแบบที่เราทำ และมีฟอร์มการเล่นแบบนี้ คุณต้องมีนักเตะที่เล่นได้ในระดับสูงสุด และผมคิดว่าทุกคนยกระดับของตัวเองขึ้นมา ทุกคนเล่นในมาตรฐานที่จำเป็นในการเอาชนะทีมที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมมีความสุขมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ มิเกล เมริโน่ที่ยิงประตูได้อีกครั้ง: มันเป็นฤดูกาลที่เราต้องปรับตัว เราเจอเรื่องมากมาย เราเสียกองหลังที่ดีที่สุดไป 4 เดือน และยาคุบก็ลงมาเล่นได้ในระดับที่เขาทำอยู่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เป็นผลจากการซ้อม การใส่ใจ และการช่วยเหลือกันในทีม สำหรับมิเกล มันเป็นเรื่องของความทุ่มเท ความต้องการที่จะเรียนรู้ตำแหน่งนี้ คิดอยู่เสมอว่าเขาจะช่วยทีมยังไง และทีมก็ปรับเข้ากับคุณภาพของเขาเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด การเจาะทีมอย่างเรอัล มาดริด: ใช่ แต่สิ่งสำคัญคือมันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรา ความรู้สึกของผมคือทีมมีความมั่นใจอย่างมาก และเรามีความเชื่อว่าเราทำได้ เพราะเราทำแบบนั้นมาได้เป็นช่วงเวลายาวนานแล้ว กับคู่แข่งที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล ตลอดสองปีที่ผ่านมา และถ้าคุณเคยทำได้มาก่อน คุณก็สามารถทำได้ในวันที่ต้องทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแฟนบอลของเราอยู่ด้วย ในระดับนี้ พลังจากแฟนบอลยกระดับทีมขึ้นมาได้ และเราก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้สำเร็จ การยกระดับทีมขึ้นมาจนถึงจุดนี้กับเรอัล มาดริด: คุณต้องก้าวต่อไปเรื่อย ๆ และค่ำคืนนี้คือก้าวที่ถูกต้อง ตอนนี้มันยังแค่ “ครึ่งทาง” เท่านั้น เรายังต้องไปที่เบร์นาเบว และเราต้องยกระดับตัวเองขึ้นอีก เพื่อเป็นทีมที่เราต้องการจะเป็นที่นั่น และเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคว้าชัยชนะอีกครั้ง ความหมายในภาพรวมของชัยชนะคืนนี้: ผมรู้ว่ามันต้องใช้ความพยายามและการตัดสินใจมากมายจากหลายคนในสโมสรแห่งนี้ เพื่อให้เราได้มีค่ำคืนแบบนี้ ผมบอกพวกเขาว่า “ขอบคุณมาก” ที่ทำให้เราได้สนุกกับเส้นทางนี้ ได้มายืนตรงนี้ และขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจอย่างมากว่าเราจะทำได้ในคืนนี้ และเราจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง มันเป็นความรู้สึกจากใจจริง เพราะผมเชื่อว่าเราพร้อมแล้ว และตอนนี้เราต้องไปที่เบร์นาเบว และทำให้ได้อีกครั้ง นั่นจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ การเตรียมทีมก่อนเกมนี้ หลังผลการแข่งขันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา: เป็นเกมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สองโลกของฟุตบอลที่ไม่เหมือนกัน และความต้องการจากคู่แข่งก็ไม่เหมือนกัน และคุณจะรู้สึกได้เลยว่าพวกเขารอเกมนี้อยู่ ตั้งแต่ผลการจับสลากออกมา ไม่มีทีมไหนหรือสโมสรไหนที่จะกระตุ้นคุณได้ดีไปกว่านี้ เพราะพวกเขาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของรายการนี้ พวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดในรายการนี้แบบไร้ข้อกังขา และความท้าทายของเราก็คือการเจอกับพวกเขา และพยายามเอาชนะพวกเขาให้ได้ การนำโมเมนตัมนี้ไปสู่เกมเลกที่สอง: เราจะสนุกกับชัยชนะครั้งนี้ เพราะเราคู่ควรกับมัน แต่เราก็รู้ว่านี่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น และเราต้องเล่นให้ดียิ่งกว่านี้อีกในเกมที่มาดริดเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป การรักษาสมาธิก่อนเกมนัดเยือน: พวกเขาเริ่มพูดถึงเรื่องนั้นทันทีเลย คุณรู้ใช่ไหม “เยี่ยม สนุกกับมันเถอะ” และตอนนี้เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเกมวันเสาร์ให้ดี แล้วค่อยมีเวลาจัดการกับความท้าทายในเกมที่มาดริด พวกเขาตื่นเต้นกันมากจริงๆ ข้อความที่ชัยชนะคืนนี้ส่งถึงยุโรป: ไม่ครับ เพราะเรายังอยู่ในช่วงเวลาของเรา และนี่ก็แค่ครึ่งทางเท่านั้น ไม่ว่าจะเรียกว่ายังไงก็ตาม ยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องทำต่อไป คุยกับเป๊ป ก่อนเกมส์นัดนี้: เราคุยกันเพราะผมอยากจะคุยกับเขา ผมโชคดีมากที่มีคนดีๆ อยู่ข้างๆ ซึ่งช่วยผมได้มากจริงๆ ดูบอลสดฟรี
  11. เห็นฟอร์มครึ่งแรก ที่เล่นกันแบบเกร็งๆ มีความผิดพลาดกันเองง่ายๆ หลายครั้ง ดีที่มาดริดฉกฉวยโอกาสเล่านั้นไม่ได้ ครึ่งแรก 0-0 ดูจะเป็นงานไม่ง่ายเลย แต่ฟรีคิกของไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมส์นี้ไปอย่างสิ้นเชิง ลูก Direct Freekick หนสุดท้ายเมื่อไหร่ของทีมเราแทบจะจำไม่ได้ แต่ไรซ์ปั่นโค้งอ้อมกำแพงเข้าไปแบบเหลือเชื่อ แล้วมันไม่พอแค่นั้น ฟรีคิกลูกสองก็ยิงเปรี้ยงหายอีก นอกจากแฟนปืนจะช็อคกันตาตั้งแล้ว มาดริดก็คงช็อคเหมือนกัน พอนำห่างสองลูก ทำให้ทุกอย่างง่ายไปหมด แล้วลูกสามก็ตามมา สกอร์ออกมาดีเกินคาด 3-0 แต่เราก็ยังไม่สามารถประมาทได้ ยังเหลืองานอีก 90 นาทีที่มาดริด ลุยกันต่อ มุ่งสู่รอบรองชนะเลิศ
  12. UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Arsenal 3 - 0 Real Madrid Tue 9 March 2025, 02.00 น. GOAL: 1-0 เดแคลน ไรซ์ (นาทีที่ 57) 2-0 เดแคลน ไรซ์ (นาทีที่ 70) 3-0 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 75, ลูอิส-สเคลลี่) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 7.0 ราย่าก็มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอยู่ 2-3 หนในครึ่งแรก กับความผิดพลาดกันเองค่อนข้างเยอะ ครึ่งหลังราย่างานเบาขึ้นเยอะ จังหวะออกมารับบอลแน่นอน บอลเท้าก็ยอดเยี่ยม วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ครึ่งแรกดูจะเหนื่อยหน่อยสำหรับซาลิบา ต้องมีช็อตแก้ไขอยู่บ้าง เอ็มบัปเป้ก็ถือว่าป่วนเกมส์รับเราได้ ครึ่งหลังกลายเป็นงานสบายเลย เกมส์รุก เกมส์โต้ของมาดริดแทบไม่มีให้เห็นเลย ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 ฉายแววความน่ากังวลตั้งแต่ช็อตแรกของเกมส์ที่จับบอลวืด จนบอลทะลักไปเข้าทางเอ็มบัปเป้ แล้วมีอีกจังหวะที่จ่ายคืนหลังสั้นเกือบสร้างงานให้ซาลิบา ดีที่ครึ่งหลังคิวิออร์ทำได้โอเคขึ้น ไม่มีความผิดพลาด มีจังหวะแย่งบอลจากเท้าเอ็มบัปเป้ได้ด้วย ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 8.0 ขยับเข้ามาเล่นเป็น Inverted อยู่เกือบตลอดในจังหวะที่ทีมได้ครอบครองบอล การเคลื่อนที่เข้าไปหาที่ว่างในการรับบอลของไมล์สดีมาก โดยเฉพาะครึ่งหลังที่ขยับดันขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แล้วเขาเป็นคนแอสซิทให้เมริโน่ยิงลูกสามด้วย เกมส์รับก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ถือว่าเจองานหนักเมื่อต้องตามประกบวินีซิอุส อีกหนึ่งตัวอันตรายในการโต้กลับ ทิมเบอร์ก็ถือว่าคุมได้ดีไม่มีพรวดพลาด เป็นอีกคนที่ครึ่งหลังดีมากๆ โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 ต้นเกมส์พี่หมึกมีลุ้นประตูสองหน หนแรกวิ่งมายิงแต่บอลไม่หนีมือคูร์ตัวร์ หนสองขึ้นโขกทิศทางเหมือนจะเข้ากรอบ แต่ดันไปโดนตัวซาลิบา พอทีมได้ประตูนำ หลังจากนั้นพี่หมึกคุมเกมส์ได้เนียนกริบ อาจมีหวิดพลาดช่วงท้าย แต่ก็ไปตามแก้ตัวได้ทัน เดแคลน ไรซ์: 9.0 โอกาสใกล้เคียงที่สุดในครึ่งแรก น่าจะเป็นลูกโหม่งแบบเต็มกระบาลของไรซ์ แต่คูร์ตัวร์ เซฟไว้ได้แบบเหลือเชื่อ แต่ครึ่งหลังทีเด็ดจริงๆ 2 ฟรีคิกแบบสุดสวยของไรซ์ เปลี่ยนโฉมหน้าของเกมส์นัดนี้ไปทันที การสอดทะลุเข้าไปรับบอลในพื้นที่สุดท้าย ก็ทำให้แนวรับมาดริดป่วนอยู่หลายครั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) ได้หวนกลับมาเจอกับทีมเก่า แต่มาดริดถือว่าทำการบ้านมาดี พยายามปิดช่องไม่ให้โอเดการ์ดกับซาก้าได้เชื่อมกันง่ายๆ แถวหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้โอเดการ์ดก็เล่นไม่ง่าย ทำให้เขายังไม่โดดเด่นเท่าที่ควรจะเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 เจอดับเบิ้ลทีมเวลาที่มาร์ติเนลลี่ได้บอลลากเข้าหากรอบเขตโทษ ก็พอมีจังหวะได้ลุ้นทำประตูจังๆ อยู่ 2 หน แต่ก็เอาชนะคูร์ตัวร์ไม่ได้ บูกาโญ ซาก้า: 7.0 ต้นเกมส์หวิดพลาด ที่จ่ายคืนหลังสั้นเกือบทำให้ทีมเสียประตู ช่วงครึ่งแรกซาก้า จังหวะเข้าโจมตีไม่ได้ต่อเนื่อง แต่ก็ได้น้ำได้เนื้อ ในการหลุดเข้าไปจ่ายปาดเข้ากรอบเขตโทษ แต่การที่ไม่มีศูนย์หน้าอาชีพทำให้ไม่มีตัวเข้าฮอต บอลผ่านหน้าปากประตูไปหน้าตาเฉย ซาก้าสภาพยังไม่ถึงเต็ม 100 แต่เวลาได้บอลก็กดดันแนวรับมาดริดได้ ช่วง 15 นาทีสุดท้ายมีปัญหาเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว มิเกล เมริโน่: 7.5 สลับกลับมาใช้เมริโน่ในการสตาร์ทตำแหน่งกองหน้าอีกครั้ง เมริโน่มีโอกาสยิงสองครั้งติด ที่จะทำให้ทีมนำ 2-0 แต่ถูกอลาบาเคลียร์จากเส้น จังหวะสองคูร์ตัวร์ก็เซฟได้อีก อย่างไรก็ตามก็เป็นเมริโน่ ที่เป็นคนยิงประตูนำห่าง 3-0 ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 (นาทีที่ 73, ซาก้า) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 80, ไรซ์) เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 90, ทิมเบอร์) ดูบอลสดฟรี
  13. ครึ่งแรก ชุดโรเตชัน ทำได้ดีกว่าที่คิดพอสมควร ครองเกมส์ และยิงประตูขึ้นนำได้ก่อน จุดเปลี่ยนก็คงเป็นจุดโทษที่เสียตอนต้นครึ่งหลัง ไม่รู้กรรมการมองมุมไหนว่าเป็นจุดโทษ จังหวะมัน 50:50 ไมล์สก็ถูกดึงจนล้ม แล้วไปทับผู้เล่นเอฟเวอร์ตันล้ม กลายเป็นเราโดนจุดโทษ ตัวสำรองลงมา ก็เหมือนจะเล่นแบบถนอมตัว โฟกัสก็คงจะอยู่ที่เกมส์วันอังคารกับเรอัล มาดริดแล้ว ในลีกก็ประคองตัวเล่นให้ครบ เพราะลุ้นแชมป์เป็นไปไม่ได้แล้ว ส่วนตั๋วยูซีแอลก็ยังดูปลอดภัย
  14. PREMIER LEAGUE 2024/25 Everton 1 - 1 Arsenal Sat 5 March 2025, 18.30 น. GOAL: 0-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 34, สเตอร์ลิ่ง) 1-1 เอ็นดิอาย (นาทีที่ 49, จุดโทษ) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 ครึ่งแรกราย่าไม่ได้มีงานยากให้ต้องออกแรง แต่เริ่มครึ่งหลังแปปเดียวมาเสียจุดโทษ แล้วราย่าอาจต้องปรับสไตล์การรับจุดโทษของตัวเองหน่อย กับการพุ่งไปรอก่อน เจออ่านทางได้หมดแล้ว วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 ซาลิบาทำได้ดีในครึ่งแรกกับการตามประกบเบโต้ หน้าเป้าของเอฟเวอร์ตันจนเล่นไม่ออก แต่จุดที่ดูมีปัญหาชัดเจนในครึ่งหลังคือการป้องกันบอลยาว ที่ไม่มีตัวขึ้นเล่นเหมือนตอนที่มีกาเบรียล ยาคุบ คิวิออร์: 7.5 เกมส์รับทำได้ดี ไม่มีจุดผิดพลาดให้เห็นเลย แต่จุดที่โดดเด่นของคิวิออร์ในเกมส์นี้เลย คือ การวางบอลยาวจากแดนหลัง ที่ทำให้เพื่อนได้หลุดไปลุ้นอยู่ 2-3 หนเลย ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 5.5 วันนี้ไมล์ส พลาดเสียบอลง่ายๆ รวมถึงการออกบอลพลาดค่อนข้างเยอะทีเดียว ต้นครึ่งหลังไปทำฟาล์วจนทำให้ทีมเสียจุดโทษและโดนตีเสมอ ซึ่งก็เป็นจุดโทษที่ดีอยู่งงอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีจังหวะกระชากลุยไปสวยๆ จากแดนตัวเอง ก่อนจะเจอตัดฟาล์วหน้ากรอบเขตโทษของเอฟเวอร์ตัน เบน ไวท์: 6.0 ไวท์มีปัญหาบาดเจ็บในนัดก่อน แต่วันนี้กลับมาลงตัวจริงได้ สภาพร่างกายดูดีขึ้นกว่าที่เราเห็นในกับพีเอสวี ครึ่งแรกทำได้โอเค ครึ่งหลังเล่นไปราว 15 นาทีก็โดนเปลี่ยนออกไปพัก จอร์จินโญ: 6.0 (C) ครึ่งแรก จอร์จินโญ่ ก็ยังเล่นแบบสบายๆ เพราะฝั่งเอฟเวอร์ตันยังไม่ได้เพลสหนักมาก ทำให้จอร์จินโญ่ ขยับเคลื่อนที่เคาะบอลสบายๆ แต่หลังจากเอฟเวอร์ตันตีเสมอได้ ทำให้โมเมนตั้มเปลี่ยน ทำให้เกมส์เจ้าถิ่นคึกขึ้น ซึ่งจังหวะโดนสวน พี่จอร์ก็ตามเบรกไม่ไหว เดแคลน ไรซ์: 6.0 ใครได้พัก เดแคลน ไรซ์ ไม่ได้พัก ลูกเตะมุมของเขากดดันเกมส์รับของฝั่งเอฟเวอร์ตันได้เป็นอย่างดี ท้ายครึ่งแรกน่าจะบวกลูกสองได้ แต่ลูกซ้ำของเขาไปติดบล็อกกองหลังเอฟเวอร์ตัน มิเกล เมริโน่: 7.0 ตอนวอร์มอัพมีรายงานว่าเมริโน่เจ็บบริเวณขาหนีบ แต่ถึงเวลาก็ยังได้ลงตัวจริง เพียงแต่บทบาทเปลี่ยนจากกองหน้า กลับมาเล่นตำแหน่งกองกลาง บทบาทค่อนข้างทีเดียว ในการแย่งบอลปะทะกับผู้เล่นเจ้าถิ่น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 ผลงานในครึ่งเวลาแรก การเล่นของสเตอร์ลิ่งเกือบทุกจังหวะเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ยกเว้นจังหวะที่ได้ประตู 1-0 ที่สเตอร์ลิ่งฉกบอลตรงกลางสนามได้ ก่อนจะลากเข้าพื้นที่สุดท้ายก่อนจ่ายให้ทรอสซาร์ อีธาน วาเนรี: 5.5 เล่นไม่ค่อยออกเหมือนกัน การตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายยังไม่ดีนัก ช่วงพักครึ่งโดนเปลี่ยนตัวออกไป เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ในระหว่างเกมส์ก็มีสลับตำแหน่งกับสเตอร์ลิ่ง ออกไปชิดริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วเป็นทรอสซาร์ ที่ยิงให้ทีมนำ 1-0 เป็นการจบสกอร์ที่เฉียบคม ก่อนจบครึ่งแรกเกือบยิงได้อีกลูก แต่ถูกพิคฟอร์ดเซฟไว้ได้ทัน ครึ่งหลังไม่ได้โอกาสเล่นกับบอลมากแบบครึ่งแรก แล้วหนักไปทางทำฟาล์วมากไปหน่อย ตัวสำรอง: บูกาโญ ซาก้า: 6.0 (นาทีที่ 46, วาเนรี) กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 (นาทีที่ 46, สเตอร์ลิ่ง) เป็นตัวสำรองที่ลงมาแล้ว สร้างอิมแพ็คให้เห็นได้หน่อย ใกล้เคียงที่สุดของมาร์ตี้คือการลากตัดมาปั่น แต่ฟิคฟอร์ดก็ยังบินปัดได้ทัน ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 (นาทีที่ 61, ไวท์) มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 70, จอร์จินโญ่) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 75, ลูอิส-สเคลลี่) ดูบอลสดฟรี
  15. แบร์ต้าน่าจะมาเขย่าตรงตำแหน่งกองหน้าจุดเดียวจากแผนเดิม ชื่อของโยเคเรส แรงขึ้นมา ดูแล้วกองหน้า ณ ตอนนี้ที่เราจะเสริม ไม่โยเคเรสก็เซสโก้ เรทราคาใกล้เคียงกัน 55-65 ล้านปอนด์ ส่วนแผนงานที่เอดู-อาร์เตต้า เดินเรื่องเอาไว้ก็คงจะยึดตามเดิม ซูบิเมนดี้ ดูจากสื่อหลักก็ค่อนข้างชัวร์ 90% ว่าอาร์เซน่อลน่าจะได้แน่, นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป้าหลักในตำแหน่งปีกซ้าย ก็ดูจะมีแนวโน้มว่ามีโอกาสมากกว่าซัมเมอร์ปีก่อน แล้วแบร์ต้าก็เริ่มเจรจาแล้ว, โจน การ์เซีย ประตูเอสปันญอล เนื้อหอมมากตอนนี้ แต่เราก็ยังเต็ง เพราะจีบมานาน 4 ตำแหน่งที่กล่าวมา ค่อนข้างชัดเจนมากกับเป้าหมายเสริมทัพ ตำแหน่งอื่นอาจจะต้องรอดูขาออกเพิ่มเติม เช่น กองหลังถ้าขายคิวิออร์ จะดึงกองหลังมาเติมเพิ่มไหม ใจจริงอยากได้ จอร์เรล ฮาโต้ ของดีจากอาแจ็กซ์ ที่ Cover ได้หลายตำแหน่งแบบเดียวกับทิมเบอร์เลย ถ้าได้มากแผงหลังเราโคตรโหด ซาลิบา, กาเบรียล, ทิมเบอร์, ไมล์ส, คาลาฟิออรี, ไวท์, โทมิ, ฮาโต้ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่จะเซ็นดาวรุ่งเพื่ออนาคตอย่าง สแวร์เร่ นีปาน เข้ามาเติมกลางเบอร์ 8 ก็ได้ มุมมองส่วนตัวคิดว่าจะมีตัวใหม่ 5-6 คนเข้ามา
×
×
  • Create New...